ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 30 จักรพรรดิผู้ปกป้องภรรยาอย่างหนัก
จิจิ๊ดดด!
เสียงที่นุ่มนวลเข้ากับรูปลักษณ์ที่น่ารักของเจ้าเปี๊ยกนัก
แต่ขณะนี้มันกลับ…เปลี่ยนไป
“ทำไมท้องฟ้ามืดกะทันหันเช่นนี้!”
“เกิดอะไรขึ้น”
“…”
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เดิมทีท้องฟ้าสว่างสดใส ตอนนี้กลับอึมครึม และท่ามกลางความมืดครึ้มปรากฏสีแดงจางๆ รวมอยู่ด้วย
นางเบนสายตาไปยังเจ้าเปี๊ยกที่ยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยความประหลาดใจ
ยังคงขนปุยและเจ้าเนื้อเหมือนเดิม
แต่ทำไมถึงให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและพึ่งพาได้แก่ผู้คนเป็นพิเศษ
“นี่…ดูเหมือน…ดูเหมือนมีบางสิ่งที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้น…” ชิงหว่านโน้มตัวเข้าใกล้เจียงหลี ราวกับอยากใกล้ชิดนางมากขึ้นเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย
เป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือ
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงเล็กน้อย
ขณะนี้ นางมองไม่เห็นว่าดวงตาสีเขียวครามประดุจอัญมณีที่งดงามของเจ้าเปี๊ยกและสีนั้นค่อยๆ จางลงและเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
เบ้าตาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยสีเดียวกับเลือด
บุคคลที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเจ้าเปี๊ยกถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากดวงตาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
“เดรัจฉานตัวน้อยนี้ช่างแปลกประหลาดนัก!”
“ฆ่ามัน! เร็ว!”
“…”
แคว่กกก!
เสียงดังขึ้นกลางอากาศ
ทุกคนเงยหน้ามอง ซึ่งแม้แต่จียงหลีและชิงวานก็ไม่ยกเว้น
หลักจากนั้น สิ่งที่พวกเขาเห็นคือฉากที่น่าสะพรึงกลัว ท้องฟ้าที่มืดครึ้มของถ้ำสวรรค์มีรอยแตกเกิดขึ้น
พลังยิ่งใหญ่อันน่ากลัวฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้นๆ และเผยลมปราณเย็นเยือกออกมา
รูที่ฉีกขาดนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภายในสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุดดูเหมือนจะซ่อนสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเอาไว้
อาฮูววว!
เสียงคำรามดังมาจากรอยแตกนั้น
สายตาของทุกคนถูกดึงดูดจากรอยแตกกลางอากาศ เพราะกลัวว่าสัตว์ประหลาดจะโผล่ออกมาจากที่นั่น
เจ้าเปี๊ยกที่น่ารักยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา แต่กลับถูกเพิกเฉย
จิจิ๊ดดด!
“อาฮูววว!”
เสียงที่น่ารักและน่ากลัวดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
เวลานี้ ถึงจะมีคนสังเกตเห็นเจ้าเปี๊ยก เจียงหลีเองมองไปที่เจ้าเปี๊ยกด้วยความตกใจ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่มันส่งเสียง
ทันใดนั้น เจ้าเปี๊ยกค่อยๆ ยกกรงเล็บขวาอวบอ้วนขึ้น กรงเล็บของเจ้าขนปุยสีชมพูตะขลุบพื้นดินอย่างรุนแรง ท่าทางที่นางเกรงขามและทรงพลังเกิดขึ้นจากมัน แต่มันก็ยังดูนิ่งๆ และน่ารักอยู่ดี
แต่เมื่อกรงเล็บตกกระทบพื้น ได้เกิดการสั่นสะเทือนจากพื้นโลก และมีแสงสีทองปรากฏขึ้นใต้กรงเล็บของมัน
เสียงพูดที่ฟังไม่เข้าใจลอยออกมาจากปากของเดรัจฉานตัวน้อย…
“อาฮูววว! ”
ดูเหมือนได้ยินเสียงการต่อสู้ที่โกรธเกรี้ยวของสัตว์ร้ายลอยออกมาจากรอยแตกกลางอากาศ แต่กลับมิอาจต้านทานได้ จนในที่สุดท่ามกลางความตกใจของทุกคน กรงเล็บอันน่ากลัวก็ค่อยๆ ยื่นออกมาจากรอยแตกบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น เจียงหลีเบิกตากว้างและมองไปที่กรงเล็บนั้นด้วยความตกใจ
กรงเล็บเต็มไปด้วยเกล็ดละเอียดและแหลมคม มีข้อต่อของกระดูกที่ชัดเจน และผิวหนังเปล่งประกายสีทองเย็นเยือก กรงเล็บประกอบไปด้วยนิ้วทั้งเจ็ด ด้านหลังของกรงเล็บมีปีกและเนื้อแหลมคมประดุจมีด โดยกรงเล็บที่แหลมคมเปล่งประกายแสงเย็นราวกับรอยแตกนี้ถูกฉีกด้วยกรงเล็บมัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…
กรงเล็บใหญ่มาก ใหญ่มากๆ…
ขณะที่มันยื่นออกมาจากรอยแตกและตกกระทบพื้น ทำให้ทุกคนได้สติ โดยกรงเล็บนี้มีขนาดเท่ากับภูเขาก็ไม่ปาน
แค่กรงเล็บก็ใหญ่เช่นนี้แล้ว จินตนาการได้เลยว่าขนาดของสัตว์ประหลาดตัวนี้จะใหญ่และน่ากลัวขนาดไหน!
“อ๊ากกก วิ่งเร็ว! ”
“ช่วยด้วยยย!”
“มีสัตว์ประหลาด!”
แย่แล้ว! แย่แล้ว!
คนเหล่านี้เดิมทีมาเพื่อฆ่าพวกเจียงหลีทั้งสอง แต่สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้พวกเขากลัวมากจนต้องวิ่งรักษาชีวิต
เรื่องฆ่าเจียงหลี ชิงสัญลักษณ์สีทองหรือ ซ่อนตัวจากกรงเล็บของสัตว์ประหลาดก่อนเถอะ อย่างอื่นค่อยว่ากัน
เจียงหลียืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย และจ้องมองไปยังกรงเล็บที่ยื่นออกมาจากท้องฟ้า ซึ่งกำลังพุ่งโจมตีฝูงชนที่อยู่บนพื้นดิน
หากถูกมันจับ กรงเล็บของมันจะบีบอย่างรุนแรง เนื้อและเลือดจะกระเด็นออกมาจากช่องว่างของกรงเล็บ โดยภายใต้กรงเล็บยักษ์นั้น ทุกคนล้วนมิอาจต่อต้านได้
“พวก… พวกเราจะตายอยู่ที่นี่หรือ…” ชิงหว่านกำแขนของเจียงหลีแน่นราวกับว่าพละกำลังทั้งหมดจากร่างกายของนางถูกพรากไป
เจียงหลีไม่ตอบคำถามของนาง แต่หันคอที่แข็งทื่อย่างความยากลำบากและมองไปยังเจ้าเปี๊ยกที่ไม่เคลื่อนไหวด้วยความตกใจ
เสียงร้องของมันยังคงดำเนินต่อไป ภายใต้กรงเล็บของขนขาวปุยยังคงเปล่งประกายแสงสีทอง
กรงเล็บอันน่ากลัวโจมตีทุกคน แต่กลับไม่ได้เข้าใกล้ฝั่งของนาง นี่มันหมายความว่าอะไร เจียงหลีไม่ได้โง่ จะไม่เข้าใจได้อย่างไร
สัตว์เลี้ยงของนางไม่ธรรมดาเลย! ตกลงมันคือสัตว์ร้ายประเภทใดกัน ถึงสามารถเรียกตระกูลสัตว์ร้ายที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมาต่อสู้ได้
อ๊ากกก!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าเปี๊ยกไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ราวจะกำจัดคนเหล่านั้นให้สิ้นซากก่อนถึงยอมหยุด
…
ชายผู้มอมแมมยืนอยู่กับที่ มองขึ้นไปยังกรงเล็บยักษ์อันน่ากลัวที่ยื่นออกมาจากท้องฟ้าอันไกลโพ้น ใบหน้าซีดขาว ความกลัวแผ่ซ่านในใจ เขาไม่ได้ก้าวเดินต่อ แต่กลับลากขาที่แข็งทื่อก้าวถอยหลัง จนในที่สุด หลังจากที่เขารู้สึกว่าขาของเขากลับสู่ปกติ จึงหันหลังกลับโดยไม่ลังเลและวิ่งไปยังทางออกของถ้ำสวรรค์
ในขณะเดียวกัน ทุกคนในถ้ำสวรรค์ต่างสัมผัสได้ถึงลมปราณของกรงเล็บยักษ์และมองเห็นกรงเล็บยักษ์ที่ยื่นออกมาจากรอยแยกของท้องฟ้านั้นน่ากลัวเพียงใด
ความกลัวแพร่กระจายในใจของทุกคน แต่ท่ามกลางความน่าหวาดกลัวนี้ มีเพียงแต่เจียงหลีที่ไม่ได้ตกใจกลัวเลยแม้แต่น้อย
นางจับตัวชิงหว่านที่สั่นเทาและพูดกับนางว่า “เจ้ารออะไร ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี!”
“หา” ชิงหว่านไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด
เจียงหลีไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม สะบัดแส้ยาวในมือและสุ่มรวบผู้หลบหนีแล้วโยนไปตรงหน้าของชิงหว่าน “ลงมือฆ่าซะ”
คนเหล่านี้หากถูกกรงเล็บยักษ์ฆ่าตาย จะสูญเปล่าเกินไป
ชิงหว่านมองไปที่นางด้วยความประหลาดใจ
เจียงหลีคว้ามือของนางและสังหารชายคนนั้นทันที ทันใดนั้นสัญลักษณ์สีเงินตรงระหว่างคิ้วของชิงหว่านได้สว่างขึ้นอีกครั้ง
ผู้คนหลายพันคนไม่สามารถหลบหนีจากกรงเล็บยักษ์นี้ได้ เจียงหลีใช้แส้ยาวรัดคอผู้คนได้อย่างง่ายดาย และโยนพวกเขาไปตรงหน้าชิงหว่านเพื่อให้นางลงมือฆ่า
จนกระทั่งสัญลักษณ์สีเงินของชิงหว่านเปลี่ยนเป็นสีทอง และหยุดการต่อสู้ในที่สุด
“อ๊ากกก! ไม่ๆ!” คนสุดท้ายล้มลงกับพื้นและร้องขอชีวิตด้วยความสิ้นหวัง แต่กลับถูกกรงเล็บยักษ์ทับแบนเป็นเนื้อแผ่น
หลังจากกรงเล็บยักษ์ของสัตว์ประหลาดฆ่าทุกคนแล้ว กลับยื่นกรงเล็บออกไปทางเจียงหลีและชิงหว่าน
อ๊าก! ชิงหว่านอุทานพร้อมกับนั่งยองๆ บนพื้นและเอามือกุมศีรษะ
เจ้าเปี๊ยกหันหลังกลับกะทันหัน ดวงตาสีแดงก่ำของวานรยักษ์ปรากฏต่อหน้าเจียงหลี ทำให้นางตะลึงในใจ
แสงสีแดงสองดวงพุ่งออกมาจากดวงตาของเจ้าเปี๊ยกและตกกระทบไปที่กรงเล็บยักษ์โดยตรง ความเกลียดชังที่แผดเผาลึกสองดวงก็ปรากฏขึ้นบนผิวหนังที่แข็งกร้าวในทันที
กรงเล็บยักษ์กำลังเจ็บปวดและถอยกลับเข้าไปในรอยแตกกลางอากาศอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กรงเล็บกลับไปที่รอยแตกนั้น ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
บนพื้นแผ่นดินนี้ดูเงียบสงบลง และเลือดสดจากทั่วสารทิศพิสูจน์แล้ว ณ ที่แห่งนี้เคยถูกกรงเล็บยักษ์เล่นงานอย่างอำมหิตมาก่อน
เจ้าเปี๊ยกที่มีขนปุยยาวค่อยๆ หันกลับมาและเผชิญหน้ากับเจียงหลี แล้วสบตากัน
สีเลือดในดวงตาของมันจางลง และสีเขียวครามปรากฏขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ดวงตาของมันกลับดำมืด ซึ่งแม้แต่ขนขาวปุยบนร่างของมันก็ไม่มีความว่างไสวก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่เลย
เปรี๊ยะ!
ทันใดนั้น เจ้าเปี๊ยกล้มลงกับพื้น
เจียงหลีอุทาน “หลิวหลี!”