ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 34 กำจัดที่สืบสกุลของหลิงหวัง
นำของที่ปลดจากผู้แพ้มาเป็นรางวัล
เจียงหลียิ้มในใจ สำนักพรตเสวียนหมิงแห่งนี้ตระหนี่เกินไปหรือไม่
เพียงแค่มองสายตาจริงจังของท่านประมุขแห่งสำนักพรตเสวียนหมิง ดูเหมือนจะไม่เลือกก็ไม่ได้! เจียงหลีมองสำรวจวิญญาณยุทธ์ที่บริสุทธิ์ นอกจากเป็นขั้นสามทั้งหมด ที่เหลือล้วนเป็นขั้นสี่ วิญญาณยุทธ์เช่นนี้ สำหรับนางแล้ว ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าสำหรับชิงหว่าน
นางเคยเห็นวิญญาณยุทธ์ของชิงหว่านมาก่อนแล้ว ล้วนเป็นขั้นห้าทั้งหมด
“ข้าต้องการพลังจิตวิญญาณ” เจียงหลีรีบเลือก
ชิงหว่านได้ยินนางพูด รู้สึกเบาใจลง นางกลัวว่าเจียงหลีจะเลือกวิญญาณยุทธ์แล้วจะทิ้งพลังวิญญาณ
แท้จริงแล้วหากให้เลือกระหว่างวิญญาณยุทธ์กับพลังวิญญาณถึงอย่างไรคนส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกวิญญาณยุทธ์ทั้งนั้น
ถึงแม้ตนจะไม่ใช้ ก็เอาไปขายทอดตลาดมืดคงได้เงินจำนวนมาก
ส่วนสัญลักษณ์สีทองของตน เป็นเพราะเจียงหลีถึงได้มันมา ตอนนี้นางกลับละทิ้งวิญญาณยุทธ์ไป แล้วเลือกพลังวิญญาณแทน ชิงหว่านมองนางด้วยความซาบซึ้ง
สำหรับการเลือกของเจียงหลี ประมุขแห่งสำนักพรตนิกายเสวียนหมิงกลับไม่ได้พูดอะไร เพียงยกมือมาปัดพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์ และมันก็มาอยู่ตรงหน้าเจียงหลีแล้ว
นางจึงไม่เกรงใจ แล้วรับไว้ สัมผัสความรู้สึกของพลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ข้างในสักครู่แล้วจึงวางไว้
“ขอบคุณท่านประมุขมากเจ้าค่ะ” ชิงหว่านขอบคุณอย่างนอบน้อมแล้วจึงค่อยๆ นำวิญญาณยุทธ์วางในเปลือกวิญญาณ แล้วถือไว้ในมือ
“เจ้าอยู่ก่อน ส่วนเจ้าลงไป” ประมุขเอ่ย
คนที่เขาเรียกให้อยู่ก่อนนั้นเจียงหลีรู้ทันทีว่าหมายถึงตน เพราะว่าสายตาของท่านประมุขจ้องมาที่นาง
เจียงหลีรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ คาดเดาจุดประสงค์ของท่านประมุขไม่ออก
ชิงหว่านรู้ว่าประมุขสั่งให้ตนออกไปก่อน นางจึงไม่กล้าพูดมาก และเดินออกไปอย่างนอบน้อม
“สัญลักษณ์สีทองของเจ้าบริสุทธิ์ที่สุด หมายความว่าการสังหารของเจ้ามากที่สุด ข้าจะมอบรางวัลเป็นทักษะการต่อสู้ให้เจ้าอีก”
ชิ่งหว่านเดินออกมาถึงหน้าประตู ได้ยินที่ประมุขพูด จึงหยุดฝีเท้าลง มองเจียงหลีอย่างอิจฉา แล้วถอนหายใจเดินออกไป
ทักษะการต่อสู้อย่างนั้นหรือ
เจียงหลีใจเต้นรัว
หากว่าให้รางวัลนางเป็นทักษะการต่อสู้ ก็เป็นเรื่องที่ดี “ขอบคุณท่านประมุขมาก”
“ตามข้ามา” ประมุขลุกขึ้นทันที แล้วเข้าตำหนักในไป
เจียงหลีครุ่นคิดแล้วจึงเดินตามหลังเขาออกไปจากมหาวิหาร
สักพักนางก็เดินตามประมุขมาถึงตำหนักใน พอเห็นตำหนักในซึ่งเป็นที่พักของประมุข หนึ่งในนั้นที่สะดุดตาที่สุดคือเตียงนอนหลังใหญ่ ชุดเครื่องนอนบนเตียงยังเป็นสีแดง
สีแบบนี้ทำให้คนสังเกตได้ยาก
ทักษะการต้อสู้จะอยู่ในที่แบบนี้จริงหรือ เจียงหลีรู้สึกระวังในใจ
“เจ้าเข้ามาสิ มาถอดชุดให้ข้า” ประมุขหันหลังให้นางปรนนิบัติ
เจียงหลีเหลือบมองแสงที่เป็นประกายลอดผ่านส่วนที่ลึกสุดในดวงตา “ท่านประมุข ไม่ใช่ว่าท่านจะให้รางวัลข้าเป็นทักษะการต่อสู้หรือ”
นางยืนนิ่ง กลับไม่กล้าเข้าไปถอดเสื้อให้ประมุข
ท่านประมุขหันกลับมา ใบหน้าที่ทาด้วยแป้งหันมองนาง แววตาของเขาเฉียบคมดั่งมีด มองเจียงหลีด้วยความรู้สึกอยากแล่เนื้อเถือหนัง
นี่คงเป็นความแตกต่างระหว่างหลิงจงกับหลิงหวัง เจียงหลีเอ่ยในใจ เพียงแค่สายตาที่มอง นางก็รู้สึกว่าต่อให้ใช้ทั้งพลังทั้งหมดที่มีก็ไม่มีทางต่อสู้ได้ เขาเป็นหลิงหวังระดับไหนกันแน่ เจียงหลีคาดเดาในใจ
“ที่มานี่ไม่ใช่ว่าจะให้ข้ามารับทักษะการต่อสู้หรือ” ประมุขค่อยๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเจียงหลี เขายื่นมือไปลูบผมที่ประบ่าของเจียงหลี
เจียงหลีกะพริบตาเล็กน้อย ยืนนิ่งหลังตรงไม่ขยับ “ท่านประมุขทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าไม่เข้าใจ”
ประมุขก้าวช้าลงแล้วเดินวนรอบนาง สายตาสำรวจเรือนร่างของนางไม่หยุด “ทักษะการต่อสู้นี้ต้องถ่ายทอดบนเตียง จะต้องให้ทั้งชายและหญิงฝึกไปพร้อมกันถึงจะได้ นี่คือสิ่งที่ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า เข้าใจหรือไม่”
ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด ทำให้เจียงหลีแสดงสายตาที่ยากจะเข้าใจ นางแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจแล้วถามกลับ “ท่านประมุข นี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของธิดาสวรรค์ด้วยหรือ”
“ไม่ใช่” ประมุขแห่งสำนักพรตนิกายเสวียนหมิงก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่ว่าตอนนี้เจ้ายังไม่ได้เป็นธิดาสวรรค์ ข้าจะให้เจ้ามาเป็น…ฮูหยินของท่านประมุข”
“…” เจียงหลีนึกขำในใจ ใครอยากจะเป็นฮูหยินของประมุขสำนักอย่างเจ้ากัน ไอ้แก่ตัณหากลับ!
“ท่านประมุข ข้าขอเป็นแค่ธิดาสวรรค์ก็พอแล้ว ถ้าทักษะการต่อสู้นี้เรียนยากเช่นนี้ ข้าโง่เขลาเบาปัญญาคงจะฝึกฝนไม่ได้หรอก ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้ท่านเสียเวลาและสิ้นเปลืองความหวังดีอีกแล้ว” เจียงหลีพูดจบ หันหลังกลับจะออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เพียะ!
เมื่อได้ยินเสียงฮึดฮัดของประมุขดังขึ้น ประตูตำหนักในก็ปิดสนิทลงทันที
“ข้าถูกใจเจ้า เป็นเกียรติของเจ้าแล้ว มาเป็นสตรีของข้า ฐานะของเจ้าในสำนักพรตนี้จะเป็นที่หนึ่ง อยู่เหนือคนมากมาย แม้แต่ธิดาสวรรค์ก็ต้องเคารพเจ้าเป็นอาจารย์แม่” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงเดินเข้าหานางอย่างช้าๆ ดวงตาทั้งสองข้างภายใต้เครื่องสำอาง หวังจะถอดเสื้อผ้าเจียงหลีออกให้หมด
ครั้งแรกที่ได้พบเจอ เขาก็ถูกใจหญิงสาวสวยที่มีเสน่ห์เป็นธรรมชาติคนนี้แล้ว
คิดแล้วว่ามีเพียงแค่นางเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับเขา
“ความหวังดีของท่านประมุข ข้าจะรับไว้ แต่ว่าจะให้ข้าเป็นฮูหยินของท่าน ข้าคงรับไว้ไม่ได้” เจียงหลีปฏิเสธอีกครั้ง นางกำกริชในมือที่ลู่เจี้ยให้นางไว้แน่นใต้แขนเสื้อ
“เจ้าคิดว่าข้าต้องถามความยินยอมจากเจ้าอย่างนั้นหรือ” ท่านประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงยืนอยู่ข้างหลังเจียงหลี น้ำเสียงดั่งดาบแหลมคมลอยผ่านร่างนางไป
เขาหลับตาลง ค่อยๆ สูดกลิ่นหอมจากกายของเจียงหลี ค่อยๆ วางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ของนาง
นางรู้สึกถึงความน่ารังเกียจ เจียงหลีกำกริชในมือไว้แน่น อดกลั้นไม่ยอมขยับตัว
“หอมมาก!” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงหลับตา เคลิบเคลิ้มพลางกระซิบข้างหูนาง มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้เบาๆ ที่ไหล่ทั้งสองของเจียงหลี สัมผัสถึงความละเอียดของผิวนาง “เป็นเด็กดีเชื่อฟังข้า อย่าคิดขัดขืนข้า เพราะยันต์ธาราทมิฬในร่างของเจ้ามันกำหนดให้เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้า เป็นสตรีของข้า”
เจียงหลีอดทนต่อความน่าขยะแขยง ยิ้มเอ่ย “แต่ว่า ข้าไม่ใช่สตรีที่ว่านอนสอนง่ายอย่างที่ท่านคิดหรอก”
ทันใดนั้น เจียงหลีหันหลังกลับมา ใช้พลังจิตควบคุมประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง กริชในมือนางเฉือนเข้าที่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
กริชในมือกรีดเสร็จ ตอนนั้นการควบคุมท่านประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงก็คลายลง ร่างกายท่อนล่างเจ็บปวดทรมาน อ๊ากกก! เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มือสองข้างกุมไว้ตรงที่เลือดไหลออกมา แล้วจึงถอยหลังออกทันที
ตรงหน้าของเจียงหลียังมีสิ่งที่นางเฉือนออกมาจากร่างของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง
นางไม่ชายตามองสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย นางส่ายกริชในมือ “นี่เป็นคำทักทายอย่างกันเองจากบุรุษของข้า ท่านประมุขสำนักชอบใจหรือไม่”
“เจ้า…! นังแพศยา! เจ้าต้องตาย! ” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงโกรธจนอยากจะฆ่านาง
ถึงแม้เขาจะเป็นหลิงหวัง เจอเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ ก็เจ็บจนพูดไม่ออกเหมือนกัน
เจียงหลีรู้ว่าไม่มีทางฆ่าเขาได้ ยิ่งนางช้า เมื่อมีคนมาจะทำให้นางหนีไปไม่ได้ ในตอนที่ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงจะเข้ามาสังหารนาง นางจึงพังประตูบานใหญ่แล้วหนีออกไป
เขาเห็นเจียงหลีหนีไป ส่วนตนนั้นก็เคลื่อนไหวไม่ได้เพราะเจ็บหนัก ท่านประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงโกรธจนร้องตะโกน “เข้ามา…!”
เจียงหลีเหลือเวลาไม่มากนัก
นางรีบกลับไปที่ห้องของตน อุ้มสัตว์เลี้ยงที่กำลังหลับสนิทอยู่ดันประตูออกไป หนีไปทางประตูภูเขาของสำนักพรตเสวียนหมิง