ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 35 มุ่งไปยังประตูภูเขา
สายลมยามค่ำ เจียงหลีไม่ลืมที่จะหาที่กำบังไว้ให้เจ้าเปี๊ยกกลัวว่ามันตกใจตื่นเพราะการเคลื่อนไหวของตนเอง
ตึกๆๆๆ
บนภูเขาของสำนักพรตเสวียนหมิงมีเสียงเตือนดังมาไม่หยุด ตอนแรกไฟบนสิ่งปลูกสร้างถูกดับลง แต่ก็ถูกจุดขึ้นมาใหม่เพื่อให้แสงสว่าง
เสียงที่ดังมาทำให้ชิงหว่านตกใจ เดินออกจากการฝึกฝน เปิดประตูห้อง เห็นประตูห้องเจียงหลีเปิดกว้างภายในห้องมืดไปหมด จนตกใจ
นางรีบวิ่งไปดู พบว่าเจ้าเปี๊ยกที่นอนอยู่บนเตียงไม่อยู่แล้ว
“มันไปไหน ไม่ใช่ว่าวิ่งออกไปไหนนะ” ชิงหว่านคาดเดาไปต่างๆ นานา นางกลัวว่าเสียงเตือนภัยที่ดังอยู่นี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเปี๊ยก
ทันใดนั้น ด้านนอกมีเสียงของฝีเท้าดังขึ้น
นางหันตัวไปยังประตูห้อง มองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือคบไฟมา เดินมาทางนี้ด้วยท่าทางที่ดูน่ากลัว
พวกกลุ่มสาวใช้ที่รับผิดชอบดูแลปรนนิบัติพวกนางนั้น เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงต่างรีบพากันเดินถอยหลังไปคุกเข่าอยู่ที่มุมมุมหนึ่ง กลัวจนตัวสั่น
“ค้นหา! หาให้ทั่ว” หัวหน้าของกองกำลัง ออกคำสั่งกับคนที่เขานำมา
ชิงหว่านสีหน้าเปลี่ยนไป ตำหนิพวกเขา “พวกเจ้ากำลังทำอะไร ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของธิดาสวรรค์”
หัวหน้าของกองกำลังมองมาทางนาง ด้วยสายตาที่ไร้ความเคารพนับถือ แต่ก็ตอบกลับอย่างเกรงใจว่า “ธิดาสวรรค์เจียงหลี ทำร้ายประมุขจนได้รับบาดเจ็บ ข้าได้รับคำสั่งให้มาจับกุมผู้กระทำผิด ขอให้ธิดาสวรรค์ชิงหว่านให้ความร่วมมือไม่รบกวนการทำงานของพวกข้าด้วย”
“เจ้าว่าอะไรนะ เจียงหลีทำร้ายประมุขจนได้รับบาดเจ็บหรือ” ชิงหว่านตกใจจนปิดปากของตนเอง ทำไมเป็นเช่นนี้ นางแค่ออกไปเพียงชั่วครู่ ก็เกิดเรื่องขึ้นแล้วหรือ ท่านประมุขเคยบอกจะถ่ายถอดทักษะการต่อสู้ให้เจียงหลีไม่ใช่หรือ ทำไมเจียงหลีต้องทำร้ายท่านประมุขจนได้รับบาดเจ็บด้วย
“ไม่มี!”
“ทางข้าก็ไม่มี!”
คนที่ค้นหา เข้าค้นที่อยู่ของธิดาสวรรค์จนวุ่นวายไปหมด ก็ไม่พบเจอสิ่งของที่เป็นประโยชน์
“เจ้าเปี๊ยกที่ตามติดนางเป็นเงาทุกวันก็ไม่พบร่องรอยเลยหรือ” หัวหน้าของกองกำลังถาม
คนอื่นที่เหลือได้แต่ส่ายหน้า
เขาคิดใคร่ครวญอยู่สักพัก และตัดสินใจ “ดูแล้วนางน่าจะมาที่นี่แล้ว แต่หนีออกไปแล้ว รีบ! ออกคำสั่งให้ปิดประตูภูเขา ค้นหาให้ทั่วสำนัก ต้องหานางให้เจอจนได้”
“ขอรับ!”
“ขอรับ!”
คนกลุ่มหนึ่งมาอย่างรวดเร็ว และก็จากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกเขาจากไปแล้ว ชิงหว่านก็ยังไม่หายจากอาการตกใจ “เจียงหลี…” แววตาของนาง ปรากฏให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อเจียงหลี
……
ณ ตำหนักของประมุข ภายในห้องบรรทม กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
มหาปุโรหิตที่ยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งของบางอย่างที่เจียงหลีตัดทิ้งเอาไว้ ยืนไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดจึงถอนหายใจออกมา หลังจากจึงนำกล่องเครื่องเคลือบทรงกระบอกใส่สิ่งของนั้นลงไป แล้วจึงเดินกลับมาอยู่บริเวณข้างเตียง
ในเวลานั้น บนใบหน้าที่ถูกทาด้วยเครื่องประทินโฉมของประมุขจากสำนักพรตเสวียนหมิงได้ถูกเช็ดออกแล้ว ปรากฏให้เห็นถึงสีหน้าที่ดูซีดเซียว ผิวตรงบริเวณใบหน้าของเขา มีรอยสักเป็นจุดๆ แน่นขนัด ไม่รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งใด
เขาในทุกวันนี้ทาแป้งเหมือนเด็กสาวไม่มีผิด เพื่อปิดบังรอยสักบนใบหน้า
“เป็นอย่างไรบ้าง สามารถต่อมันกลับไปได้หรือไม่” สายตามืดมนของประมุขสำนักพรตเสวียน
หมิงมองไปทางมหาปุโรหิตอย่างหวาดกลัว แผลของเขาได้ใช้ยาในการรักษาแล้ว แต่ความเจ็บปวดในครั้งนี้ ตัวเขาไม่มีทางลืมได้ไปชั่วชีวิต
ที่สำคัญที่สุด นี่คือเรื่องที่น่าอับอายและอัปยศอดสูที่สุด!
มหาปุโรหิตถอนหายใจพลางส่ายหน้า “ใจของเจียงหลีนั้นช่างเหี้ยมโหดนัก หากเป็นเพียงการตัดให้ขาด ข้ายังพอจะมีความมั่นใจที่ต่อมันกลับไปได้ แต่ว่า หลังจากนางตัดแล้ว ยังใช้พลังวิญญาณทำลายเส้นลมปราณอีก จึงทำให้เนื้อเยื่อตาย ต่อให้ต่อมันกลับไป ก็ไม่สามารถใช้งานมันได้อีก และยังอาจจะทำให้แผลเน่าเปื่อยอีก”
“นังแพศยา!”
ร่างกายของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงสั่นสะท้านไปด้วยแรงที่น่าหวาดกลัว สั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศ ผ้าคลุมของมหาปุโรหิตก็ถูกลมพัดไป สิ่งของทั้งหมดที่ประดับอยู่ภายในตำหนัก ก็โดนแรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้ทำให้แตกละเอียด
“หรือว่า ต่อจากวันนี้ไป ข้าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่เป็นชายก็ไม่หญิงก็ไม่เชิงอย่างนั้นหรือ” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงไม่ยินยอมที่จะเป็นเช่นนี้
ข้าเพียงชอบพอหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
มหาปุโรหิตเงียบไม่พูดจา เมื่อเขารู้สึกว่าความโกรธของประมุขสำนักเสวียนหมิงนั้นได้ระเบิดจนถึงจุดสุดขีดแล้ว จึงพูดออกมาอย่างลังเล “หรือว่า…จะลองปลูกถ่ายดู”
“ปลูกถ่ายเช่นไร” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงมองไปที่เขา
มหาปุโรหิตกล่าว “ใช้อวัยวะของผู้อื่น มาต่อในส่วนที่โดนตัดไปของตนเอง แต่ทว่า นี่ไม่ใช่วิธีการรักษาที่ยั่งยืน ทุกเดือนเว้นเดือน จะต้องปลูกถ่ายหนึ่งครั้ง ประมุขก็จะต้องรับความเจ็บปวดเช่นนั้นอีกครั้งหนึ่ง ข้อดีที่มีเพียงหนึ่งเดี่ยวที่มีคือ หลังจากปลูกถ่ายแล้ว ประมุขยังคงสามารถหลับนอนกับหญิงสาวได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะไม่สามารถมีบุตรได้”
ภายในตำหนักที่โดนทำลาย อยู่ภายใต้ความเงียบ
สีหน้าของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงดูนิ่งเฉย เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขากัดฟันพูดด้วยความโกรธแค้น “ไปหาตัวนังตัวดีคนนั้นมาให้ข้า จับตัวเป็นๆ มาให้ข้า!”
“ขอรับท่านประมุข” มหาปุโรหิตโค้งตัวกล่าว
…
เจียงหลีไม่คุ้นเคยกับสำนักพรตเสวียนหมิง แค่ว่าทางที่จะเข้าไปประตูภูเขานางคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เพียงเพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ในสำนักพรตเสวียนหมิงที่นางเดินไปบ่อยที่สุด นั่นเพราะว่านี่เป็นทางที่ไปถ้ำสวรรค์ นางเคยสำรวจเส้นทางนี้ จึงถือโอกาสสำรวจที่นี่ไปด้วยเลย
บนเขา เสียงเตือนยิ่งดังขึ้น ไฟที่ถูกจุดขึ้นยิ่งมากขึ้นมาขึ้นเรื่อยๆ นางอุ้มเจ้าเปี๊ยกวิ่งอย่างเร็วที่สุดเพื่อออกจากประตูภูเขา
แต่ทว่า ในเวลานั้นที่มองเห็นประตูภูเขา ประตูที่สูงใหญ่นั้นกับค่อยๆ ปิดลง
แย่แล้ว!
เจียงหลีตะโกนในใจ
นางรีบเร่งความฝีเท้า ต้องการจะพุ่งออกไป
แต่เมื่อตอนที่นางใกล้จะถึงนั้น มีโซ่เจ็ดแปดเส้น ออกมาขวางจากทางด้านซ้ายขวา ขวางอยู่ตรงหน้านาง
โซ่เหล็กที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นมา ทำให้เสียงฝีเท้าของเจียงหลีหายไปทันที ร่างกายของนางถอยหลัง เพื่อหลีกหนีการโจมตี จากโซ่เหล็กที่แฉลบผ่านไป
เคร้งๆ!
เจียงหลีเพิ่งหลบจากการโจมตี แต่โซ่เหล็กที่เหลืออยู่ก็โจมตีมาอีกรอบ เพื่อจะจับนางมัดเอาเอาไว้
มือหนึ่งของนางอุ้มเจ้าเปี๊ยกไว้ อีกมือหนึ่งกลายเป็นกรงเล็บอันแหลมคมของเลี่ยเทียนซื่อ เข้าไปหยุดโซ่นั้นไว้ ดึงลงบนพื้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
โซ่เหล็กที่ถูกนางดึงเอาไว้ ทำให้ผู้ควบคุมนั้นปรากฏตัวออกมา
“เจียงหลี! เจ้าบังอาจทำร้ายท่านประมุข ต้องโทษมหันต์ยิ่งนัก ตอนนี้ยังกล้าต่อต้าน รีบมัดนางแล้วจับตัวไป! จะได้ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ” คนที่อยู่ด้านหลังตะโกนออกมา
เจียงหลีร้องออกมาอย่างไม่พอ ใช้มือข้างเดียวยกมันขึ้น โซ่เหล็กถูกนางหยุดอีกครั้ง พวกที่ควบคุมโซ่เหล็กนั้น ถูกนางดึงขึ้นจากพื้น ต่างร้องตกใจ โอ๊ยๆ ไม่หยุด
นางออกแรงเหยียบเท้า บิดเอวเพื่อหมุนตัว ใช้กรงเล็กจับโซ่เอาไว้แล้วโยนออกไป โซ่เหล็กและผู้ควบคุม ถูกแกว่งออกไปพร้อมกัน ไปอยู่ตรงหน้ากองกำลังที่กำลังตามมาในภายหลัง
ต่างร้องอย่างทรมานไม่หยุด
หลังเจียงหลีถ่วงเวลาพวกทหารที่ตามมาได้ จึงหันกลับไปมองที่ประตูภูเขา แต่ประตูภูเขากลับปิดลงแล้ว
สมควรตาย! เจียงหลีกระวนกระวายใจ ศัตรูที่อยู่ด้านหลังล้อมนางเอาไว้
ที่นี่คือประตูภูเขาของสำนักพรตเสวียนหมิง มีกลุ่มคนของสำนักอยู่ร่วมหมื่น แต่ในตอนนี้คนที่อาศัยอยู่ชั้นนอกสุดมีเพียงลูกศิษย์ระดับล่าง แล้วก็มีผู้คุมประตูอีกส่วนหนึ่งที่เร่งตามมา
หากเสียเวลาไปมากกว่านี้ คนที่มีฝีมือก็จะมากันมากกว่านี้ นางก็ยากที่หลบหนี
ต้องหาวิธีหนีออกไป เจียงหลีพูดกับตัวเอง
ในใจของนางไม่ได้มีความกลัวใดๆ ตรงกันข้าม ไฟการต่อสู้ที่อยู่ในใจกลับถูกจุดติดจนลุกโชน นางนำเจ้าเปี๊ยกที่หลับสนิทซุกไปที่ผ้าคลุมของนาง ให้มันอยู่บนบริเวณอก ปกป้องอย่างระมัดระวัง
หลังจากการต่อสู้ที่ถ้ำสวรรค์ เจ้าเปี๊ยกยิ่งติดนิสัยนอนขี้เซาเข้าไปอีก ยังไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาเลย
เป็นอย่างนี้ก็ดี ริมฝีปากเจียงหลียิ้มอย่างเย้ยหยัน ดวงตาเป็นประกายและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง บนใบหน้าที่สวยงามนั้น เปี่ยมไปด้วยความกระหายในการต่อสู้