ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 38 ยังไม่จบสิ้นอีกหรือ!
แสงในยามราตรี เสียงฝีเท้าเข้าใกล้มาเรื่อยๆ
เสียงแผ่วเบา ปะปนกับเสียงคน เสียงตะโกนกระโชกโฮกฮาก ตามไป…รีบหาให้เจอ…นางยังไปไม่ได้ไกล… คำพูดทำนองนี้
ในบริเวณรอบๆ หนึ่งร้อยจั้งก็มีเพียงแค่สำนักพรตเสวียนหมิง ไม่ต้องคิด เจียงหลีก็รู้ว่าคนพวกนี้คือคนพวกไหน
ต่อสู้กันที่นี่ไม่ได้อีก! เจียงหลีเอ่ยในใจ
ต้านทานความเจ็บปวดเข้ากระดูกจากยันต์ธาราทมิฬเจียงหลีปีนขึ้นไปบนพุ่มไม้ กระโดดข้ามไปข้างหน้า ทว่ายันต์ธาราทมิฬไม่หยุดกัดกร่อนร่างของนาง ทำให้นางค่อยๆ สูญเสียการควบคุม
กัดฟันกรอด เจียงหลีใช้พลังวิหคคงกระพัน ต้านทานพลังของยันต์ธาราทมิฬอย่างไม่หยุด
เป็นไปอย่างช้าๆ ร่างของนางค่อยๆ คลายพลังได้ นางควบคุมพลังวิญญาณ เร่งความเร็วเพื่อหลบหนี ทิ้งห่างพวกที่ไล่ตามมาข้างหลัง
ยามเมื่อฟ้าสาง เจียงหลีได้มาถึงบริเวณนอกเมือง
การกัดกร่อนของยันต์ธาราทมิฬถูกนางใช้พลังวิหคคงกระพันควบคุมในทันที รูปร่างนางในตอนนี้ดูไปแล้ว ต่างจากคนปกติ
เพียงแต่ยามที่นางเห็นภาพที่แปะไว้นอกกำแพงเมืองนั้น ฝีเท้าจึงหยุดชะลอลง
ความเร็วของสำนักพรตเสวียนหมิง นับว่าเร็วอยู่มาก เพียงแค่คืนเดียว ภาพวาดของข้าก็ถูกแปะอยู่ที่นี่แล้ว เจียงหลีอุทานอยู่ในใจ
คิดไปคิดมา นางจึงใช้วิชาพันหน้า เปลี่ยนโฉมหน้าและลมปราณของนาง
ถึงแม้ว่าลมปราณยันต์ธาราทมิฬในร่างกายของนางจะเปิดเผยสถานะของนาง ทว่าก่อนที่คนที่สามารถตอบสนองลมปราณยันต์ธาราทมิฬของนางจะปรากฏตัว เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกด้วยการแปลงโฉมหน้าน่าจะเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลในการหลบหนีการไล่ล่าครั้งนี้
เจียงหลีแปลงโฉมหน้า เปลี่ยนกริยาเป็นคนสำรวมแล้วจึงมุ่งไปทางประตูเมือง
นางต้องการเข้าเมือง จึงวางแผนหาพาหนะเดินทาง มิเช่นนั้นหากเดินเท้าเข้าไป จะหนีพ้นได้เช่นไร
แผนการในใจของเจียงหลี มีแค่นางที่รู้ ณ เวลานี้ ทุกอย่างล้วนทำตามแผนที่นางตั้งไว้
นางต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมของยันต์ธาราทมิฬแต่ว่าเวลานี้ โอกาสยังมาไม่ถึง
เข้าเมืองไปอย่างง่ายดาย เจียงหลีไม่แสดงพิรุธออกมาสักนิด นางรู้ว่าผู้รักษาดูแลเมืองนี้ล้วนเป็นกำลังนอกเมืองของสำนักพรตเสวียนหมิง ฉะนั้นจะไม่หาเรื่องให้ตนเดือดร้อนเด็ดขาด
มุ่งหน้าไปยังสถานที่ค้าขายรถราในตัวเมือง เจียงหลีซื้อรถม้ามาคันหนึ่ง หลังจากจ้างผู้กุมบังเหียนม้าแล้ว จึงรีบเข้าเมืองในทันที
ภายในรถม้าที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็ว เจียงหลีนั่งขัดสมาธิ ใช้พลังวิหคคงกระพันควบคุมยันต์ธาราทมิฬอย่างต่อเนื่อง
หากว่านางไม่มีความสามารถในการรักษาด้วยพลังวิหคคงกระพัน เกรงว่ายันต์ธาราทมิฬออกฤทธิ์ในตอนนั้น ก็จะกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็ง
เวลา นางต้องการเวลา!
ยิ่งห่างไกลสำนักพรตเสวียนหมิง นางก็ยิ่งปลอดภัย
เจียงหลีอยู่ในรถม้า ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมไว้สู้รบในครั้งต่อไป
หนึ่งทิวา หนึ่งราตรีที่พ้นผ่านไป
คนขับรถม้ารู้สึกสงสารจึงเอ่ยกับเจียงหลี “แม่นาง พักสักหน่อยเถิด นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วท่านยังไม่ได้พักเลย สัตว์พวกนี้ถึงจะอึด แต่ก็อาจทนไม่ไหวนะ”
“วิ่งต่อไป ห้ามหยุด หากวิ่งต่อไม่ไหว ก็ไปเปลี่ยนที่เมืองใกล้ๆ” เสียงของเจียงหลีลอดออกมาจากในห้องของรถม้า
คนขับรถม้าจนปัญญา ทำได้แค่ฟังคำสั่งแล้วปฏิบัติตาม
เจ็ดวันเจ็ดคืน เจียงหลีหลบอยู่ในตัวห้องรถม้าไม่ออกมา ม้าที่ใช้วิ่งเปลี่ยนไปสี่ครั้งแล้ว ทุกครั้งนำม้าบินที่เด็ดเดี่ยวพวกนี้วิ่งจนอาเจียนออกมาเป็นฟองขาว ทำให้คนขับรถรู้สึกสงสารอย่างมาก
ม้าบินไม่ได้มีปีก เป็นเพียงม้าที่พิเศษประเภทหนึ่ง ความเร็วเทียบกับม้าปกตินั้นวิ่งได้เร็วกว่ามาก คำว่า ‘บิน’ จึงใช้บรรยายความเร็วของมันว่าราวกับบินได้จริง
วันที่แปด เจียงหลีที่กำลังฝีกฝนอยู่นั้น ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวห้องของรถม้าเอียง ข้างนอกมีเสียงดังขึ้นมา นางจึงลืมตาขึ้นมาทันที ลอยออกจากห้องของรถม้า ลอยวนอยู่กลางท้องฟ้าหนึ่งรอบ จึงลงมายังพื้นล่าง
บนพื้นดิน ล้อรถหลุดออกจากตัวรถไปแล้ว ตัวห้องของรถม้าแตกพังอยู่บนพื้นดิน
คนขับรถนั้นกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ ถึงคลานขึ้นมา สีหน้าเป็นทุกข์เอ่ย “แม่นาง ม้าสามารถเปลี่ยนได้ แต่รถทนไม่ไหวแล้ว ท่านดู สายหนังล้วนโดนถูจนขาดหมดแล้ว”
เจียงหลีสำรวจมองเขาอย่างเรียบนิ่ง จึงนำค่าตอบแทนที่เหลือให้แก่เขา “ท่านไปเถิด” คนขับรถดั่งได้รับการนิรโทษกรรม หลังจากขอบคุณแล้ว ก็หันหลังวิ่งไป
เจียงหลีเบนสายตาเล็กน้อย เงาสั่นไหว ไล่ตามม้าบินที่วิ่งเตลิดไปทัน นางจึงมุ่งตรงไปที่บนหลังม้า ดึงเชือกบังคับม้าแล้วเดินทางต่อ
ย๊า…!
ร่างของเจียงหลีเคลื่อนไหวขึ้นลงบนหลังม้า นางจึงถอดหน้ากากพันหน้าออกกลับคืนร่างเดิมของตน
…
อีกด้านหนึ่ง คนของสำนักพรตเสวียนหมิง ไล่ตามอย่างมาประชิด
คราแรกคนพวกนั้น ไร้เบาะแสของเจียงหลี หลังจากที่เมื่อได้พบกับคนที่ตามมาสมทบแล้วนั้น จึงไล่ตามไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง มองดู ก็ต้องออกจากเขตอิทธิพลของสำนักพรตเสวียนหมิงไป
“ธิดาสวรรค์ชิงหว่าน แท้จริงแล้วนางอยู่ทางทิศใดหรือ ตามเส้นทางหลายวันมานี้ นางเลือกถนนเส้นที่ใกล้ที่สุด อยากจะหลบหนีในเขตปกครองสำนักพรตเสวียนหมิงของข้างั้นรึ” ผู้คุมห้องทรมานถามคนขับรถม้า
“ข้า…นางมีการเคลื่อนไหวตลอด ข้าก็ยืนยันแน่ชัดไม่ได้” ภายในห้องของรถม้ามีเสียงของชิงหว่านลอดออกมา
ผู้คุมห้องทรมานขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าไม่พอใจในคำตอบ
นี่มันกี่วันแล้ว คนผ่านเข้าเมืองนับไม่ถ้วน เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าเจียงหลีหลบหนีพวกที่ค้นหาพวกนั้นไปได้อย่างไร
“ถ้าเช่นนั้นธิดาสวรรค์ท่านได้โปรดบอกตำแหน่งคร่าวๆ ให้พวกข้าสักหน่อย” ผู้คุมห้องทรมานเอ่ย
ภายในเกี้ยวรถม้า เงียบเชียบไร้เสียง
ผู้คุมห้องทรมานยิ้มเย็นเยือก “ธิดาสวรรค์ชิ่งหว่าน ข้าขอเตือนท่านสักหน่อย บัดนี้ท่านยังเป็นธิดาสวรรค์แห่งสำนักพรตเสวียนหมิงของข้า ความนึกคิดจิตใจก็ไม่ต้องไปอยู่กับคนอื่นหรอก สาวใช้ไม่รักดีนั่นโทษหนักหนา เป็นนักโทษของสำนักพรตเสวียนหมิง หากท่านจะปกป้อง เกรงว่าสุดท้ายนางจะหนีหายไป เป็นเพราะนางทำให้ท่านกลับต้องมารับโทษจากท่านประมุข พวกท่านเดิมทีก็เป็นศัตรู แก่งแย่งซึ่งกันและกัน ท่านปกป้องนางเช่นนี้ มันคุ้มหรือ”
คำพูดพวกนี้ ทำให้ชิงหว่านที่อยู่ภายในห้องของรถม้าใจเต้นระส่ำ สายตาของนางตื่นตระหนกเล็กน้อย เกรงกลัวจนไม่รู้จะวางมือไว้ที่ใด จึงจับชายเสื้อของตนไว้แน่น หลายวันมานี้ ข้าตั้งใจชี้ทางผิดไปบ้าง เรื่องที่ยืดเยื้อเวลา หรือว่าถูกเขาจับได้แล้วหรือ
“ผู้คุม หรือว่านางแปลงโฉมรูปลักษณ์” หันอวี้มาถึงข้างๆ ผู้คุมห้องทรมาน เอ่ยถามเสียงเบา
ผู้คุมห้องทรมานนัยน์ตาเป็นประกาย ยิ้มเย็น “ต่อให้นางแปลงโฉมแล้ว นางก็มิอาจทำใจทอดทิ้งสัตว์เลี้ยงของนางได้ลงคอหรอก ปกตินางจะอุ้มสัตว์เลี้ยงไว้ในอ้อมอก ต่างล้วนต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”
พูดจบ นัยน์ตาเย็นเยือกของเขาก็มุ่งไปที่ห้องของรถม้า “ธิดาสรรค์ชิงหว่าน...”
“อยู่…อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้…” เพื่อหลีกหนีแรงกดดัน ชิงหว่านทำได้แค่พูดออกไป
หันอวี้แววตาเป็นประกาย รีบออกหน้ารับบัญชา “ผู้คุม ข้าจะพาคนไปไล่ล่าเอง! ”
เขามีความคิดทำความดีลบล้างความผิด ดวงตาที่ไม่ได้หลบผู้คุม ผงกศีรษะเล็กน้อย ผู้คุมห้องทรมานอนุญาตตามคำขอของหันอวี้แล้ว
…
เกือบพ้นได้แล้ว เจียงหลีวางแผนอยู่ในใจ ค่อยๆ ลดความเร็วลง
ผ่านไปไม่นาน ข้างหลังนางก็มีเสียงไล่ตามมาอย่างรีบร้อน
นางเบนสายกลับไปมอง ก็มองเห็นฝุ่นตลบจากทางข้างหลังไกลๆ ปกคลุมขอบฟ้า
คนมาไม่น้อยเชียวนะ เจียงหลีเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย จึงหวดแส้ลงที่ก้นม้าแรงๆ หนึ่งที
ม้ารู้สึกเจ็บ จึงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง
ข้างหน้ามีเสียงร้องของม้าแผ่วเบาแว่วมา ทำให้หันอวี้ยินดีมากในใจ “นางอยู่ข้างหน้าไม่ไกล รีบตามไป!”
ระยะทางระหว่างทั้งสองฝั่ง ยิ่งใกล้เข้าไปทุกที
มองเห็นด้านหลังของหญิงสาวข้างหน้า หันอวี้รีบตะโกนเรียก “เจียงหลี เจ้าจะหนีไปไหน!”
เจียงหลีเบนสายตา มองที่เขา ยิ้มอย่างพอใจเป็นอย่างมาก…