ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 40 จะตายเยี่ยงนี้เลยรึ
กลิ่นคาวเลือดแรงมาก
กลิ่นอายที่มาพร้อมกับสายลม ทำให้ทุกคนในสำนักพรตเสวียนหมิงที่ไล่ตามมาด้านหลังตกใจกันยกใหญ่
“กลิ่นอายของคนตาย” ผู้คุมห้องขังกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขาเดาได้ทันทีว่าจุดจบของหันอวี้และคนอื่นจะเป็นเช่นไร
“ธิดาสวรรค์ชิงหว่าน” ผู้คุมห้องขังกล่าวกับคนในรถม้า
ชิงหว่านที่อยู่ในรถม้าร่างกายสั่นเทาแล้วตอบกลับอย่างหวาดกลัวว่า “มี…มีเรื่องอะไรหรือ”
“ทาสต่ำต้อยนั้นยังอยู่อีกไกลแค่ไหน” ผู้คุมห้องขังถามอย่างไม่อ้อมค้อม หากเดินทางต่ออีกนิดก็จะเลยพื้นที่ของสำนักพรตเสวียนหมิงแล้ว การจับคนในพื้นที่คนอื่น ถึงแม้สำนักพรตเสวียนหมิงของพวกเขาจะไม่เกรงกลัวก็ตามแต่ก็วุ่นวายไม่น้อยเช่นกัน
โดยเฉพาะเรื่องที่ประมุขสำนักพรตถูกลอบสังหารเรื่องนี้ต้องห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ใครฉวยโอกาสสร้างความเดือดร้อนได้
“ไม่…ไม่ไกลแล้วล่ะ” ชิงหว่านตอบด้วยน้ำเสียงลังเล
สายตาผู้คุมนิ่งแล้วถามด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ไม่ไกลคือไกลแค่ไหน” ในขณะที่ชิงหว่านยังมิได้ตอบกลับนั้น เขาก็พูดเตือนนางอีกครั้งว่า “ธิดาสวรรค์ท่านอย่าลืมล่ะว่าจุดประสงค์ที่ท่านประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงให้ท่านตามข้ามาด้วยคือเหตุอันใด หากปล่อยให้นางทาสต่ำต้อยนั้นหลุดมือไปได้ล่ะก็ ท่านจะบอกกล่าวแก่ท่านประมุขว่าอย่างไร นางทาสต่ำต้อยหลุดไปได้ตลอด แต่ท่านล่ะ ท่านจะรองรับอารมณ์ของท่านประมุขสำนักได้รึ”
“ข้า…” น้ำเสียงของชิงหว่านยิ่งสั่นเครือ
นางจะไม่กลัวได้อย่างไร เห็นจุดจบของซู่ซินเช่นนั้นแล้วหากนางไม่หวาดกลัวคือเรื่องเท็จ เมื่อนึกย้อนถึงสภาพอนาถของซู่ซินตอนนั้นแล้ว นางก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย
“นาง…นางอยู่ข้างหน้าอีกสิบลี้…” ในที่สุดชิงหว่านก็ได้แจ้งตำแหน่งเฉพาะของเจียงหลีออกมาจนได้
ผู้คุมห้องขังได้ยินคำตอบที่พอใจ มุมปากก็เผยรอยยิ้มอันดุร้ายออกมา
วิ้ง! ร่างของเขากลายเป็นเงาจางๆ ในชั่วพริบตาและมุ่งไปทางข้างหน้าอีกสิบลี้
การเคลื่อนไหวของเขาครั้งนี้ ก่อให้เกิดพายุที่แรงมากลูกหนึ่ง แรงจนเหล่าทหารของเสวียนหมิงเดินทางอย่างโซซัดโซเซ ขนาดรถม้าที่ชิงหว่านนั่งอยู่ยังขับเคลื่อนจนผ้าม่านเปิดออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันซีดเซียวของนาง
“เร็วเข้า! เร่งฝีเท้าเร็ว”
“คนส่วนหนึ่งให้ไล่ตามไป ที่เหลือให้คอยคุ้มครองธิดาสวรรค์แล้วตามมาด้านหลัง”
ในขณะที่ทุกคนดึงสติกลับมาได้นั้นก็รีบเคลื่อนไหวเลยทันที
ชิงหว่านที่นั่งอยู่ในรถม้าส่ายหน้าอย่างรุนแรง สีหน้าซีดเซียวและพึมพำเสียงต่ำ “ไม่…ไม่…ข้าไม่ไป…”
นางในตอนนี้ รู้สึกกลัวที่จะต้องเจอกับเจียงหลี
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายช่วยเหลือนางไว้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่นางกลับเปิดเผยตำแหน่งของเจียงหลีออกไปจนได้
เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของนางก็มีคนจากด้านนอกปลอบใจนางด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ธิดาสวรรค์มิจำเป็นต้องรู้สึกผิดไปหรอก ทาสต่ำต้อยนั้นกล้าทำร้ายท่านประมุขสำนัก ยังทำลายประตูสำนักพรตเสวียนหมิงของข้าและสังหารคนในสำนักไปนับไม่ถ้วน นางเป็นคนทรยศและคนบาปของสำนักเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่านเป็นถึงธิดาสวรรค์สำนักของเรา ต้องคิดเผื่อสำนักเราอยู่แล้ว นี่เป็นหน้าที่ของท่านที่จะจับกุมตัวนางทาสต่ำต้อยนั้นเพื่อสำนักของเราและเพื่อท่านประมุขสำนักด้วย”
สีหน้าของชิงหว่านมิได้ดีขึ้นเพราะคำพูดของเขา แต่นางก็ได้ลองพูดกล่อมตัวเองด้วยเช่นกัน ใช่สิ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจียงหลีทั้งนั้น ข้าคิดถึงเรื่องอดีตเลยช่วยนางหลบหนี แต่ทว่ายันต์ธาราทมิฬบนตัวนางเอง ทำให้ไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของสำนักพรตเสวียนหมิงได้ เป็นเช่นนี้จะโทษข้าได้อย่างไรข้า…ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ธิดาสวรรค์อย่างข้าควรทำเท่านั้นเอง
ใช่!
สายตาชิงหว่านเปล่งประกายขึ้น นางนึกถึงสัตว์เลี้ยงของเจียงหลี นางยังมีสัตว์เลี้ยงที่เก่งกาจเช่นนั้น มิน่าจะจับตัวได้ง่ายๆ หากผู้คุมห้องขังไม่มีปัญญาจับกุมตัวนางได้ นางก็จะสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นก็มิเกี่ยวกับข้าแล้ว
ในเวลาเช่นนี้ทำให้ชิงหว่านได้แต่ภาวนาในใจให้เจียงหลีโชคดีสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย
แต่หนทางข้างหน้า ผู้คุมห้องขังก็ยิ่งเข้าใกล้ตำแหน่งของเจียงหลีมากขึ้นแล้ว ในขณะนี้ เจียงหลีเดินทางมาถึงชายแดนเมืองด้านนอกของสำนักพรตเสวียนหมิงแล้ว เพียงแค่นางเดินต่อไปอีกนิดก็จะถึงเขตของกลุ่มอำนาจอื่นได้ในที่สุด
“นางทาสต่ำต้อยหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากด้านหลังของเจียงหลี
นางหันหลังกลับ เห็นเงาๆ หนึ่งพุ่งเข้ามาหาตัวเองอย่างรวดเร็ว ท่าทางของคนๆ นั้นดูน่ากลัวและดุดันมาก ตำแหน่งต้องไม่ต่ำแน่นอน
น่าจะเป็นผู้คุมห้องขังที่หันอวี้พูดถึงไม่ผิดแน่ เจียงหลีเดาสถานะของเขาในใจ
แน่นอนว่านางไม่หยุดเพียงเพราะคำพูดของเขาแน่นอน
นางก็เร่งฝีเท้ามุ่งไปทางกลุ่มอำนาจอื่นเช่นกัน
อีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถจับตัวเจียงหลีได้แล้ว แต่กลับทำได้เพียงมองนางหนีออกจากกลุ่มอำนาจของสำนักพรตเสวียนหมิงแค่นั้น
น่าชังนัก!
แววตาของผู้คุมห้องขังแสดงความดุร้ายไม่พอใจออกมาและตามออกไปโดยไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น “เจียงหลี ถึงแม้เจ้าจะหนีออกจากกลุ่มอำนาจของสำนักพรตเสวียนหมิงได้แล้วอย่างไร ที่ข้าจะฆ่าเจ้า ก็ยังคงเป็นเรื่องง่ายอยู่ดี!”
ในทางแยกนี้เป็นเพียงภูเขาร้างแห่งหนึ่งที่ไร้บ้านและผู้คน
การที่จับกุมตัวหรือฆ่าเจียงหลีทิ้งในที่แห่งนี้ ก็มิอาจเกิดการเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มอำนาจอื่นได้
ผู้คุมห้องขังมองเจียงหลีด้วยสายตาดุดันและตบไปหนึ่งที เพียงแค่แยกฝ่ามือ ฝ่ามือนั้นม้วนตัวเป็นลมปีศาจและโจมตีเจียงหลี พลังวิญญาณที่น่ากลัวปรากฏออกมากลายเป็นเงาฝ่ามืออันชั่วร้ายและมุ่งไปทางกลางหลังของเจียงหลี
เจียงหลีหนีไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก ราวกับว่าตกใจกับคนที่ไล่ตามมาด้านหลัง จนลืมที่จะหันหลังกลับไปต่อสู้ นึกแค่เพียงวิ่งหนีอย่างเดียว
มีพลังของความดุร้ายปรากฏออกมาในดวงตาของผู้คุมห้องขัง เขามั่นใจว่าการโจมตีเจียงหลีครั้งนี้ต้องสำเร็จโดยไม่ต้องสงสัย
ตู้ม!
พลังฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัวนี้โจมตีไปที่กลางหลังของเจียงหลีเต็มๆ ทำให้ทั้งตัวของนางปลิวไปในอากาศแล้วพุ่งไปยังข้างหน้า แววตาของผู้คุมห้องขังมีความสุขจนลืมสังเกตว่ามีแสงๆ หนึ่งได้ผ่านแผ่นหลังของเจียงหลีไป
“ยังจะหนีอีกอย่างนั้นรึ!” เมื่อสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเจียงหลีจากระยะไกลแล้ว สายตาอันดุดันของผู้คุมห้องขังก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เงาร่างนั้นก็ปรากฏออกมาเปลี่ยนฝ่ามือเหล็กเป็นกรงเล็บ มุ่งไปจับเจียงหลี
เขาว่องไวมาก เพียงเวลาไม่นานนักเขาก็เข้าใกล้เจียงหลีแล้ว ในขณะที่เขากำลังจะจับเจียงหลีนั้น นางก็หันหลังกลับอย่างกะทันหัน ดวงตาที่สดใสของนางจ้องมองไปยังเขาพร้อมกับปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา
เมื่อเห็นจิตสังหารออกมาจากดวงตาของเจียงหลี ผู้คุมห้องขังกลับหัวเราะออกมาอย่างไม่ใยดี “นางทาสต่ำต้อย วันนี้เจ้าคงจะไม่มีโอกาสฆ่าข้าแล้วล่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” เจียงหลีกลับหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
ร่างกายของนางหมุนขึ้นกลางอากาศ ใช้ท่าทางที่คนทั่วไปมิอาจทำได้หมุนร่างของตัวเองกลับมา ประจันหน้ากับผู้คุมห้องขัง
“หากต้องตายก็ขอยืดเส้นยืดสายหน่อย จะโทษก็โทษที่ท่านไม่น่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเช่นนี้” เจียงหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของนางแล้ว ผู้คุมห้องขังก็เหงื่อผุดขึ้นโดยไม่รู้ตัว มั่นใจว่าเจียงหลีต้องทำอะไรสักอย่างแน่ แต่กลับมิสามารถหยุดยั้งได้ อีกทั้งจะหนีก็ยังหนีมิได้อีก
“เจ้าจะทำอะไร!” ผู้คุมห้องขังกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
เขารู้สึกได้ว่าในขณะที่เข้าใกล้เจียงหลีนั้น รู้สึกเหมือนถูกทรายดูดที่ยากจะขยับร่างกาย แม้กระทั่งพลังวิญญาณในร่างกายก็ถูกทรายนี้ดูดไปด้วย
ที่แท้ ในขณะที่เขาเข้าใกล้เจียงหลีอย่างเงียบๆ นั้น เจียงหลีก็ได้ใช้วิชาเปลี่ยนร่างเฉียนคุน ยืมพลังโจมตีพลัง จากนั้นค่อยดูดซับพลังวิญญาณจากอีกฝ่ายมา
“ข้าบอกแล้วว่าถ้าจะตายก็ต้องยืดเส้นยืดสายสักหน่อย” เจียงหลีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
ผู้คุมห้องขังกลับรู้สึกว่านางบ้าไปแล้ว เขาพยายามเปลี่ยนพลังวิญญาณอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อออกจากการควบคุมเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกัน พลังวิญญาณของเขาและเจียงหลี ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับว่าสามารถระเบิดได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น
“ไม่…!” ในที่สุดเขาก็สามารถหลุดออกจากการควบคุมนี้ได้และใช้พลังทั้งหมดโจมตีไปยังเทียนหลิงหรือวิญญาณสวรรค์ของเจียงหลี
ตู้ม!
เสียงดังตู้มออกมาจากทั้งสองพร้อมกับเลือดที่พุ่งกระจายในอากาศ