ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 41 เจียงหลีตายแล้ว
“อาหลี…!”
ณ ฮวงเสิน เจียงเฮ่าตื่นขึ้นจากฝันร้ายและหอบหายใจถี่ๆ อยู่บนเตียง
เขาไม่สามารถลบภาพในฝันนั้นออกจากหัวไปได้ ภาพที่เจียงหลีเลือดอาบไปทั้งตัว ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่สุด แววตาที่สามารถพูดได้ของน้องสาว ดูเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากเขาและโทษพี่คนนี้ที่เหตุใดจึงไม่ช่วยนาง
“อาหลี!” เจียงเฮ่าพึมพำออกมาคำหนึ่ง ด้วยความคิดถึงน้องสาวน้ำตาจึงไหลออกมาจากหางตา
“พี่เฮ่า!” มีเสียงดังจากลู่เสวียนจากทางด้านนอก
เจียงเฮ่ารีบดึงสติของตัวเองกลับมา เช็ดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผากออกและลุกจากเตียงจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
เพิ่งจัดเสื้อเสร็จ ประตูห้องก็ถูกผลักออกอย่างแรง ลู่เสวียนก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “พี่เฮ่า เกิดเรื่องแล้ว”
มือของเจียงเฮ่าที่จัดเสื้ออยู่หยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดเกรง
สีหน้าของลู่เสวียนและสัญญาณเตือนจากฝันนั่นทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดี
เมื่อถูกเจียงเฮ่าจ้องมองเช่นนั้น ลู่เสวียนกลืนน้ำลายตัวเองลงไป แล้วกล่าวด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า “ท่านอาจารย์หนานเดินทางกลับมาแล้ว แต่…แต่ว่า…”
“เกิดเรื่องขึ้นกับอาหลีใช่หรือไม่” เจียงเฮ่าหรี่ตาพลันมาปรากฏตัวหน้าลู่เสวียน มือทั้งสองบีบไหล่ของลู่เสวียนแน่น
ลู่เสวียนลังเล ในขณะที่สายตาของเจียงเฮ่าแทบจะฆ่าคนได้นั้น เขาก็ตอบอย่างลำบากใจว่า “ท่านอาจารย์หนานกล่าวว่า ในขณะที่พวกเขากำลังจะถึงดินแดนตะวันตกซีฮวงนั้น ได้เจอกับพายุลูกใหญ่ ทำให้เรืออับปางจมลงไปใต้ทะเล ซ้อเล็กและท่านอาจารย์ก็ถูกคลื่นทะเลซัดจนแยกจากกัน”
ตู้ม!
เจียงเฮ่าดูเหมือนถูกสายฟ้าผ่าในวันที่ท้องฟ้าสดใสอย่างไรอย่างนั้น เขาปล่อยมือออกจากลู่เสวียน แทบจะล้มทั้งยืนและพึมพำกับตัวเองไม่หยุด “ข้าไม่ควรกลับมาก่อน ข้าควรอยู่กับอาหลีต่อ อยู่กับอาหลี…อยู่กับอาหลี…”
พี่เฮ่า พี่อย่าเพิ่งเป็นกังวล ไปพบท่านอาจารย์หนานกับข้าก่อนเถิด” ลู่เสวียนรีบพยุงเขาไว้ ไม่ให้เขาล้มลงไปจริงๆ
ใช่! ท่านอาจารย์หนาน! พบท่านอาจารย์หนาน!
แววตาสิ้นหวังของเจียงเฮ่ามีความหวังขึ้นอีกครั้ง เขาจับเสื้อของลู่เสวียนไว้และเดินไปไปพบหนานอู๋เฮิ่น
ในขณะนี้ หนานอู๋เฮิ่นกำลังรายงานทุกอย่างให้กับสาวกกลุ่มอำนาจฮวงเสินด้วยสีหน้าซีดเซียว เจียงหลีเป็นคนสำคัญของพวกเขาที่ถูกบันทึกมานานแล้ว ทำไมครานี้ถึงไม่มีข่าวคราวของนางเลยล่ะ
เฟิงสิงอวิ๋นคอยปลอบประโลมอยู่ข้างเขา แต่สีหน้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลยสักนิด
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเฝ้าไว้ตรงประตูอย่างร้อนรน นางอยากจะแอบฟังบทสนทนาจากด้านใน แต่ก็ไม่กล้ายื่นหน้าเข้าไป เมื่อได้เห็นสองร่างที่เหาะมาแต่ไกล นางจึงโล่งใจทันที
ในขณะที่เจียงเฮ่าและลู่เสวียนเดินทางไปถึงนั้นก็ได้ยินหนานอู๋เฮิ่นกล่าวว่า “ขอท่านสาวกอนุญาตให้ข้านำศิษย์ไปตามหาเจียงหลีสักสองสามนาย ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย อย่างน้อยก็ต้องได้ความกลับมาบ้าง”
หลังจากที่หนานอู๋เฮิ่นฟื้นคืนสติแล้วก็ได้ออกตามหาเจียงหลีแต่กลับไม่พบ จึงเร่งม้ากลับไปยังฮวงเสิน เพื่อขอกำลังเสริม ในขณะเดียวกันก็หวังว่าฮวงเสินจะตบรางวัลให้กับคนที่ค้นหาเบาะแสของเจียงหลีด้วย
“ไม่มีปัญหา เจ้าจะนำใครไปล่ะ” ท่านสาวกกล่าว
“ข้า…”
“ท่านอาจารย์หนาน ให้ข้าไปด้วยเถิด”
“และข้าด้วย”
“ข้าก็ด้วย”
ไม่รอให้หนานอู๋เฮิ่นกล่าวจบ เจียงเฮ่าทั้งสามคนก็เข้ามาเสนอตนเอง
“พวกเจ้าสามคน…” สีหน้าหนานอู๋เฮิ่นซับซ้อนไปหมด โดยเฉพาะสายตาที่มองไปยังเจียงเฮ่ามีความรู้สึกผิดเล็กน้อย
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่ทำให้เจียงหลีสูญหายไป
“ข้าไปด้วย” เฟินสิงอวิ๋นก็เสนอตัวไปด้วย
ท่านสาวกมองไปยังพวกเขาทั้งห้าแล้วพยักหน้าอย่างอ่อนใจ “เอาล่ะ หากเป็นเช่นนั้นก็พวกเจ้าทั้งห้านั้นแหละ ในปาฐกถาเจ้าครองนคร กลุ่มอำนาจฮวงเสินอย่าตื่นตระหนกไป หากว่ากลุ่มอำนาจอื่นทราบเรื่องว่าฮวงเสินใส่ใจกับคนใหม่มากเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นเหตุทำให้นางตกอยู่ในอันตรายกว่าเดิม การเดินทางของพวกเจ้าคราวนี้ให้เป็นไปอย่างเงียบๆ ด้วย อย่างอื่นทางพวกข้าก็จะพยายามรวบรวมเบาะแสของเจียงหลีเช่นกัน”
“ได้ขอครับท่านสาวก” ทั้งห้าตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในที่สุด โดยคำสั่งของท่านสาวกหลังจากสามวัน ทั้งห้าก็เดินทางจากฮวงเสินไปยังทางตอนใต้ของซีฮวง
……
ตู้ม!
พลังที่น่าเกรงขามออกมาจากระหว่างการปะทะของเจียงหลีและผู้คุมห้องขัง
ครึ่งกายของผู้คุมห้องขังถูกโจมตีจนละเอียดเป็นหมอกสีเลือดไปแล้ว ส่วนเจียงหลีก็ถูกเขาโจมตีโดนเทียนหลิงวิญญาณสวรรค์จนกระเด็นเซ่นซ่านเช่นกัน
การระเบิดของพลังวิญญาณมีพลังมหาศาล
ขณะที่ชิงหว่านเขามาถึงนั้น ก็เหลือเพียงเลือดที่กองอยู่บนพื้นและศพครึ่งหนึ่งของผู้คุมห้องขังเท่านั้น
ภาพนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ผู้คนต่างก็พากันค้นหาบริเวณรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเจียงหลีตายแล้วหรือยัง
“ตอนที่ข้ากำลังเร่งมานั้น ข้าเห็นว่าท่านผู้คุมห้องขังได้โจมตีโดนเทียนหลิงของนางทาสต่ำต้อยนั้น”
“ใช่แล้ว ข้าก็เห็นเช่นกัน การโจมตีครั้งนั้น เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างสูง คนที่ถูกโจมตีแน่นอนว่าต้องไม่มีชีวิตรอดแน่”
“…”
กลุ่มคนที่มาถึงก่อนต่างก็พากันยืนยัน
แต่กลุ่มคนที่มาถึงพร้อมกับชิงหว่าน กลับสงสัย “ถ้าหากว่าตายแล้วจริงๆ แล้วเหตุใดถึงไม่พบศพนางล่ะ”
นี่…
กลุ่มคนที่ถูกถามพากันมองหน้าและไม่สามารถให้คำตอบได้
ไม่นานนัก ก็มีคนเดาว่า “การปะทะกันเมื่อครู่รุนแรงมาก ในขณะที่พวกเรากำลังเร่งฝีเท้ามาอยู่นั้น ก็ได้เห็นพลังวิญญาณของนางระเบิดไปแล้วกับตา หรือว่าศพของนางทาสต่ำต้อยนั่นจะระเบิดกลายเป็นเลือดไปแล้ว” กล่าวจบ สายตาของเขาก็มองไปยังศพของผู้คุมห้องขังที่เหลือเพียงครึ่งเดียวบนพื้น
“ไม่มีร่องรอยเลยอย่างนั้นรึ” มีบางคนซักถาม
ท่ามกลางกันโต้แย้งกันของคนอื่นๆ มีเพียงชิงหว่านเท่านั้นที่ยืนอยู่กลางกองเลือดเพื่อต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางนั่งลงไปเก็บเศษผ้าขึ้นมาแล้วหันไปบอกกับทุกคนว่า “นี่เป็นเสื้อของเจียงหลี ข้าจำได้”
หลายคนมองไปที่นางและคนหนึ่งในนั้นก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มีเพียงเศษผ้าชิ้นหนึ่ง ไม่สามารถยืนยันอะไรได้หรอก”
“ขอธิดาสวรรค์สัมผัสให้ทีว่ายันต์ธาราทมิฬยังอยู่หรือไม่” มีคนถามอย่างจริงจัง
ชิงหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้มหน้าหลับตาลง
เมื่อนางลืมตาขึ้นมา แววตามีความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่แน่ใจว่าควรจะเสียใจหรือว่าดีใจดี
“ธิดาสวรรค์?” มีคนเอ่ยเร่งเร้า
สีหน้าชิงหว่านซีดเซียวแล้วตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่มีแล้ว” กลิ่นอายของยันต์ธาราทมิฬหายไปแล้วจริงๆ ถ้าเช่นนั้นเจียงหลี…ตายแล้วจริงหรือ
“ท่านแน่ใจรึ ธิดาสวรรค์” คนๆ นั้นถามอย่างไม่มั่นใจ
ชิงหว่านอดทนมาตลอดทาง ได้ยินคำถามเช่นนี้ สีหน้านางก็เย็นชาลงทันที “ยันต์ธาราทมิฬเป็นสิ่งที่ท่านประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงสั่งให้มหาปุโรหิตทำขึ้นมา มันจะหายไปหรือไม่นั้น นอกจากข้าแล้ว มหาปุโรหิตและท่านประมุขก็สามารถสัมผัสได้ หากพวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็สามารถไปถามท่านประมุขสำนักได้”
หลายคนมองหน้ากัน ต่างสื่อสารกันในใจ
ยันต์ธาราทมิฬนอกจากจะตายไปแล้วเท่านั้นถึงจะหายไปได้
ดูท่าแล้ว นางเจียงหลีคงจะตายแล้วจริงๆ
แต่ท่านประมุขสำนักพรตต้องการนางที่ยังมีชีวิตอยู่
พวกข้าก็อยากจับร่างที่มีชีวิตอยู่ แต่…เพื่อจับนาง ท่านผู้คุมห้องขังก็ต้องเสียสละตนเองเช่นกัน
พวกข้าพยายามแล้ว ไม่มีทางเลย
“…”
หลายคนต่างจ้องมองกันสักพัก ถึงกล่าวกับชิงหว่านว่า “เชิญธิดาสวรรค์กลับไปรายงานทุกอย่างให้กับท่านประมุขสำนักด้วยเถิด”
ชิงหว่านเปลี่ยนสีหน้า กล่าวกับเหล่าคนที่ยกเสลี่ยงของธิดาสวรรค์ “ข้าจะรายงานทุกอย่างกับท่านประมุขสำนักเอง”
…
ในที่สุดคนของสำนักพรตเสวียนหมิงก็แยกย้ายกันไป ในเมื่อยืนยันแล้วว่าเจียงหลีตายแล้ว ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่ออีก
แต่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุก่อนหน้านี้ บริเวณทุ่งหญ้าลาดลึกนั้นมีแสงสีแดงสวยงามปรากฏออกมาอย่างช้าๆ ในยามค่ำคืน…