ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 47 ค้นพบเส้นทางเศรษฐี
อ่ะ ไปก็ไป
เมื่อคืนเจียงหลีตัดสินใจแล้วว่านางจะไปที่ซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งก่อน แล้วค่อยไปที่ฮวงเสิน
ดังนั้นวันนี้เมื่อกงเสวี่ยฮวามาหา นางจึงตกลงที่จะไปด้วยกัน
ระหว่างทาง นางถามกงเซี่ยฮวาอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับตํานานของกลองศิลาจารึก คําพูดของกงเสวี่ยฮวานั้นเหมือนกับคําพูดของสามยอดปราชญ์แห่งสถาบันไป๋หยวน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเขาจะรู้เกี่ยวกับกลองศิลาจารึกที่หายไปในหนานฮวงไม่มากนัก
“ซากกำแพงอวิ๋นเมิ่ง ว่ากันว่าเมื่อกลองศิลาจารึกตกลงมา จะทำให้หน้าผาที่ยังคงสภาพดีถูกทุบทำลาย จากนั้นภาพที่เหลือของกลองศิลาจารึกก็ถูกทิ้งไว้ในกำแพงพังทลายที่เหลืออยู่ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่ไปซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งจะสามารถมองเห็นอะไรได้จากภาพ และผู้ที่ไม่เป็นเทียนเจียวไม่สามารถมองเห็นร่องรอยของซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งได้ นอกจากนี้ความถนัดที่แตกต่างกัน ภาพที่เห็นก็แตกต่างกันออกไป เจ้าควรรู้ว่า มีตำนานบางเรื่องหายไปจากกลองศิลาจารึก หน้ากลองสลักพระธรรมเอาไว้ หากสามารถฝึกฝนและเข้าใจได้ ก็จะสามารถทำลายความว่างเปล่าและเข้าสู่โลกใหม่ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีร่องรอยของกลองศิลาจารึก ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวาย” กงเสวี่ยฮวาอธิบายกับเจียงหลีอย่างละเอียด
“ไม่เป็นเทียนเจียวจะมิสามารถมองเห็นได้รึ” เจียงหลีพึมพํา
กงเสวี่ยฮวายิ้มและกล่าวว่า “ข้าก็แค่ได้ยินมา เลยต้องการมาดู”
“นายน้อยอย่างเจ้านั้นคงว่างมากสินะ!” เจียงหลีจงใจหยอกล้อเขา
แต่กงเสวี่ยฮวายกคิ้วขึ้นและพูดอย่างเย่อหยิ่งมีเลศนัยว่า “ใครให้ครอบครัวข้าเป็นถึงกลุ่มอำนาจระดับสูงกันเล่า ใครให้เสด็จพ่อของข้าอายุมากแล้วยังแข็งแรงกัน”
เจียงหลียกมุมปากขึ้น ไม่ปฏิเสธการโอ้อวดของเขา
“ใช่แล้ว เจียงหลี เจ้าคิดดีหรือยัง เจ้าอยากกลับไปที่วังเทียนอู่กงกับข้าหรือไม่” กงเสวี่ยฮวากล่าว
เมื่อเห็นว่าเขาถามเรื่องนี้อีกครั้ง เจียงหลีก็กลอกตาใส่เขาและไม่สนใจ
กงเสวี่ยฮวาไม่ยอมแพ้ “วังเทียนอู่กงของเราดีมาก เจ้าดูข้าก็รู้ เจ้ากลับไปทบทวนให้ดี ไปที่วังเทียนอู่กงกับข้า ข้าสัญญาว่าเจ้าจะไม่เสียใจแน่นอน”
“ไม่ไป” ถูกเขาก่อกวนจนอารมณ์เสีย เจียงหลีตะคอกสองคำอย่างเด็ดขาด
“อย่าเพิ่งปฏิเสธข้าสิถึงอย่างไรตามนายน้อยแห่งวังเทียนอู่กงก็เป็นคนชักชวนเจ้าและข้ายังช่วยเจ้าไว้อีกด้วย เจ้าช่วยให้เกียรติข้า ตามข้าไปดูวังเทียนอู่กงทีเถิด! หลังจากเจ้าไป ข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องตัดสินใจที่จะอยู่ต่อแน่นอน” กงเสวี่ยฮวากล่าวต่อ
เจียงหลีพูดกับเขาอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าสนใจอะไรในตัวข้าหรือ บอกข้ามาเถิด เดี๋ยวข้าเปลี่ยนให้”
หลังจากที่พูดจบ นางก็เร่งฝีเท้าและทิ้งระยะห่างจากกงเสวี่ยฮวาอย่างหลบหนี
กงเสวี่ยฮวามองแผ่นหลังของนางแล้วหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่เคยมีใครปฏิเสธคําเชิญของวังเทียนอู่กง ยิ่งเจ้าไม่อยากไปมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งอยากให้เจ้าเข้าร่วมกับวังเทียนอู่กงมากขึ้นเท่านั้น”
ทั้งสองทะเลาะกันไปตลอดทาง บางครั้งตี้จวินที่ตื่นขึ้นมาก็ใช้สายตามองไปที่กงเสวี่ยฮวา ผ่านไปครึ่งเดือนก็มาถึงบริเวณซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งแล้ว
มองไปยังภูเขาสุดลูกหูลูกตา ผืนป่าหนาแน่น เจียงหลีถามว่า “ซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งอยู่ที่นี่หรือ”
กงเสวี่ยฮวาพยักหน้า “มันอยู่ในภูเขานี้ แต่ก่อนที่เราจะเข้าไปในภูเขา เราไปที่ตลาดนอกภูเขาเพื่อเตรียมสิ่งต่างๆ ก่อน”
เจียงหลีมองดูเขา แล้วเลิกคิ้วขึ้น
กงเสวี่ยฮวาอธิบาย “เราไม่รู้ว่าจะอยู่ในซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งนานแค่ไหน อาหารบางอย่างต้องเตรียมไว้ให้พร้อม”
“ไปกันเถอะ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างเข้าใจ และอุ้มเจ้าอสูรน้อยเดินนำหน้า
กงเสวี่ยฮวามองไปที่หลังห้าวหาญของนางและอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากพร้อมกับพึมพำ “ระหว่างทางมานี้ ข้าเป็นคนคอยให้บริการอาหารและเครื่องดื่มอร่อยๆ นี่ต้องหนังหนาขนาดไหน ถึงได้ทำหน้าเยี่ยงนั้น”
เขาไม่รู้ว่าเจียงหลีเคยชินกับการเป็นจักรพรรดินีและไม่เคยกังวลกับสิ่งภายนอกร่างกายของนาง
นางสามารถมีชีวิตอยู่ในวันที่ยากลำบาก ในวันที่สุขสบายนั้นก็ยิ่งสามารถมีชีวิตที่ดีได้
นางถือว่ากงเสวี่ยฮวาเป็นเพื่อนแล้ว ดังนั้นนางจะไม่ถือสามากนัก เพราะคิดว่ากำลังเอาเปรียบเขา หากวันหนึ่งกงเสวี่ยฮวาต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางก็จะไม่รอช้าและไม่ลังเล
สำหรับกงเสวี่ยฮวานั้น ถึงปากจะบ่น แต่เขาก็มักจะจ่ายเงินทุกครั้ง อันที่จริงเขาก็คิดว่าเจียงหลีเป็นคนกันเอง ถึงได้ทำเช่นนั้นไม่ใช่หรือ
ในฐานะนายน้อยแห่งกลุ่มอำนาจระดับสูงแล้ว เขาจะโง่เขลาได้ซักเพียงใดกัน
…
“ช่วยด้วย!”
เจียงหลีและกงเสวี่ยฮวาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในตลาด
ทั้งสองตะลึงในเวลาเดียวกัน มองหน้ากันและเดินไปยังสถานที่ที่ร้องขอความช่วยเหลือ
เมื่อพวกเขามาถึงก็มีกลุ่มคนอยู่ที่นั่นแล้ว
“ในที่นี่มีท่านใดที่เป็นหลิงซือด้านการรักษาให้การช่วยเหลือได้บ้างหรือไม่ หากมี ได้โปรดช่วยคนด้วยเถิดและข้าจะตอบแทนอย่างหนัก” เสียงกังวลดังมาจากฝูงชน
ตอบแทนอย่างหนัก
เจียงหลีเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำเหล่านี้
กงเสวี่ยฮวาผู้ซึ่งชอบร่วมสนุกได้เบียดเข้ามาแล้วบอกสิ่งที่เขาเห็น “เฮ้อ ดูเหมือนคนผู้นี้จะโดนยาพิษนะ! ผิวคล้ำขึ้นขนาดนี้ หายใจเข้าแผ่วเบา แต่หายใจออกแรง เกรงว่า…”
“เจ้าหยุดพูดไปเลย! ถ้าไม่สามารถช่วยคนได้ก็ออกไปและอย่าพูดเรื่องโง่เขลาที่นี่!” คนที่อุ้มชายผู้ถูกวางยาขัดจังหวะคำพูดของกงเสวี่ยฮวาอย่างโกรธเกรี้ยว
กงเสวี่ยฮวาโค้งมุมปาก และเงียบปากไป
เจียงหลีเบียดเข้ามาและมองไปที่คนที่นอนอยู่บนพื้น แน่นอนว่ามันเหมือนกับที่กงเสวี่ยฮวากล่าว ถ้าหากรอช้าอีกนิดเขาจะตายได้
เมื่อนึกถึงคำว่า ‘ตอบแทนอย่างหนัก’ ก็คิดถึงถุงเงินของตนก็รู้สึกละอายใจไปนาน
เจียงหลีก้าวออกมาและพูดขึ้น “ข้าช่วยเอง”
“เจ้า” กงเสวี่ยฮวามองไปที่เจียงหลีด้วยความประหลาดใจ ในความทรงจำของเขา เจียงหลีไม่ใช่ผู้ฝึกฝนทักษะการช่วยเหลือนะ
แต่ชายที่อุ้มคนนั้นก็ดีใจ “แม่นางได้โปรดเถิด ตราบใดที่สามารถช่วยเขาได้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างหนักเลย”
“ตอบแทนอย่างหนักใช่หรือไม่” เจียงหลีนั่งลงช้าๆ และพึมพำ
ชายคนนั้นรีบพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้กฎดี”
กฎอย่างนั้นหรือ กฎอะไรกัน
เจียงหลีรู้สึกงุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก นางยกมือขึ้น ฝ่ามือปรากฏแสงสีแดงขึ้น แสงสีแดงนั่นตกลงยังร่างของชายที่ถูกยาพิษ และผิวของเขาค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ ลมหายใจก็เริ่มคงที่
“โอ้! นี่เป็นวิธีที่ทรงพลังมาก ข้าเคยพบหลิงซือด้านการรักษามาก่อน แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเช่นเจ้า”
“ใช่ๆ! คนคนนี้เกือบตายแล้ว กลับรอดกลับมาได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ”
“ดูเหมือนว่าวิญญาณยุทธ์ของนางจะสูงส่งมากนะ!”
“ชู่วว! เจ้าพูดเรื่องอะไร หลิงซือฝึกหัดด้านการช่วยเหลือ แต่กลับมีวิญญาณยุทธ์ระดับสูงเช่นนี้ แสดงว่านางมีกองหนุนที่ทรงพลังแข็งแกร่งมาก บนโลกนี้มีเรื่องบางเรื่องที่อย่าทําและอย่าไปคิดดีกว่า เพราะความโลภในตอนนี้ แม้แต่ชีวิตก็นำเข้าไปเสี่ยงได้ “
“…”
เจียงหลีได้ยินทุกอย่างรอบตัว แต่ไม่ได้ตอบสนองใดๆ นางดึงมือกลับและมองไปที่ชายคนนั้นที่ทำหน้าตื่นเต้น “เสร็จแล้ว รางวัลข้าล่ะ”
คำสั้นๆ ที่แสดงจุดประสงค์ของการกระทำของนาง
ทั้งทื่อและตรงไปตรงมา ทำให้มุมปากของกงเสวี่ยฮวากระตุกอย่างรุนแรง ชายที่ขอความช่วยเหลือรู้สึกค่อนข้างปกติและรีบหยิบกระเป๋าหนักๆ ออกมายื่นให้เจียงหลีด้วยความเคารพ
เจียงหลีรับมันมาและชั่งน้ำหนัก แล้วจึงลุกขึ้นเพื่อเดินทางต่อ
กงเสวี่ยฮวาจากไปพร้อมกับนาง สายตาของเขากวาดไปรอบๆ คนที่จ้องมองมาที่เขา
“เงินทองมิอาจเปิดเผย” เขาเตือนในขณะที่เดินจากไปไกล
เจียงหลีกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ก็แค่หินวิญญาณเท่านั้น คงไม่ถึงกับมีคนมาปล้นฆ่าหรอกกระมัง”
“หินวิญญาณอย่างนั้นหรือ” กงเสวี่ยฮวามองไปที่นางด้วยความตกใจ