ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 48 เป็นนางเองหรอกหรือ
“หินวิญญาณอย่างนั้นหรือ”
ท่าทางตกตลึงของกงเสวี่ยฮวาทำให้เจียงหลีตกใจ
นางจ้องมองเขาและดุด่าว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน!”
มุมปากของกงเสวี่ยฮวากระตุกอย่างรุนแรง ชี้ไปที่ถุงในมือของนางและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “เจ้าเปิดมันดู ว่ามีอะไรอยู่ข้างในกันแน่”
เจียงหลีเปิดถุงอย่างสงสัยและหยิบหินขนาดสองนิ้วออกมาหนึ่งก้อน หินมีสีเข้มมาก แต่ก็มีความโปร่งใสอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากหินวิญญาณทั่วไปและพลังวิญญาณก็เยอะกว่า
“นี่คือผลึกหินวิญญาณ เมื่อเทียบกับหินวิญญาณแล้วมีขั้นสูงกว่า หินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนสามารถแลกเป็นผลึกหินวิญญาณได้เพียงก้อนเดียว ในถุงใบนี้ของเจ้า มีผลึกหินวิญญาณอย่างน้อยหนึ่งร้อยก้อน นี่คือค่าตอบแทนต่ำสุดของหลิงซือที่ฝึกฝนด้านการรักษา” กงเสวี่ยฮวากล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเจียงหลีมาจากป่าลึกภูเขาสูงที่ไหนกัน ทำไมเรื่องทั่วไปแค่นี้ถึงไม่รู้
เจียงหลีมองเขาด้วยความประหลาดใจ จิตใต้สำนึกทำให้นางอยากจะเปิดถุงนั้นดู
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของนาง ถูกห้ามโดยกงเสวี่ยฮวา “ข้าบอกแล้วว่าเงินทองมิอาจเปิดเผย! เจ้าจะเปิดดูในเวลากลางวันแสกๆ นี่ได้อย่างไรกัน อยากตกเป็นเป้าโจรหรือไงกัน”
เจียงหลีเก็บถุงอย่างเงียบๆ และกระแอมไอเสียงเบา “ไปกันเถอะ ไปหาร้านแวะกินอาหารสักหน่อย มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง” คนมีเงินไม่เหมือนกันจริงๆ
“ขอบพระคุณอย่างสูง!” กงเสวี่ยฮวาก็ไม่เกรงใจต่อนางเช่นกัน
ทั้งสองเดินออกไปหาโรงเตี๊ยมในตลาด และยังจองห้องส่วนตัวที่ชั้นสองไว้ด้วย สั่งอาหารและปิดประตู เจียงหลีหยิบถุงออกมาและเทผลึกหินวิญญาณที่อยู่ข้างในออกมา
ซีฮวงดินแดนทางตะวันตกเป็นเหมือนกับหนานฮวงดินแดนทางใต้ สกุลเงินหลักคือทองและเงิน แต่หินวิญญาณยังสามารถใช้เป็นสกุลเงินได้เช่นกัน แต่น้อยคนนักที่จะใช้มันจริงๆ
ดังนั้น เมื่อเจียงหลีเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมพร้อมกับผลึกหินวิญญาณในมือ ใบหน้าของคนรับแขกก็ยิ้มไม่หุบ
“… ไม่นึกเลยว่าจะมีถึงสองร้อยก้อน ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะใจกว้างเหมือนกันนะ รางวัลตอบแทนอย่างหนักของเขาไม่ได้พูดเล่นเลย!” กงเสวี่ยฮวากล่าวชื่นชมหลังจากนับผลึกหินวิญญาณในถุง
หัวใจของเจียงหลีเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่านางจะหาเงินก้อนนี้ได้! ก่อนหน้านี้นางใช้ความสามารถของพลังนกอมตะช่วยผู้คน แต่ไม่เคยขอค่าตอบแทนเลยสักครั้ง เรื่องในวันนี้ทําให้นางค้นพบเส้นทางเศรษฐีโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วล่ะ นับแต่นี้ไปก็ไม่ต้องกลัวว่าต้องหาเช้ากินค่ำอีกต่อไปแล้ว!
“นี่ เจ้าไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” เมื่อเห็นว่าเจียงหลีรีบเก็บผลึกหินวิญญาณกลับคืนอย่างรวดเร็ว กงเสวี่ยฮวาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
หลังจากเก็บผลึกหินวิญญาณแล้ว เจียงหลีก็มองมาที่เขา
กงเสวี่ยฮวาตกใจกับสายตาของนาง สองมือจับชายเสื้อแน่นและกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “เจ้าจะทําอะไร “
“เก็บไว้ที่เจ้า” เจียงหลีกล่าว
“อ่า” กงเสวี่ยฮวาคิดว่าตนได้ยินผิดไป
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเจียงหลี เขาก็ถามขึ้นว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่เก็บไว้เอง ให้ข้าเก็บไว้ทำไมกัน”
เจียงหลีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าดูสิ ข้าไม่มีอะไรบดบังเลย ถุงนี้ข้าจะเก็บไว้ที่ใดกันเล่า คงไม่สามารถห้อยถุงไว้รอบเอวได้ตลอดหรอกนะ นี่มันคือการป่าวประกาศแก่ทุกคนให้มาปล้นข้ามิใช่รึ”
หลังจากที่นางพูดจบ กงเสวี่ยฮวาก็มองนางเหมือนตัวประหลาด
มองจนนางอึดอัด นางจึงถามขึ้นว่า “เจ้ามองอะไรกัน”
กงเสวี่ยฮวามองนางอย่างระมัดระวังและบ่นงึมงำว่า “เจ้าเป็นคนบ้านนอกมาจากไหนกัน เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าหากฝึกฝนจนถึงขั้นหลิงจงแล้วจะสามารถเปิดมิติจัดเก็บของของตนเองได้”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!” เจียงหลีลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
กงเสวี่ยฮวามองนางด้วยความหวาดกลัว “เจ้าไม่รู้จริงหรือ”
“พูดจาไร้สาระ” เจียงหลีกรอกตามองเขา
กงเสวี่ยฮวาหัวเราะอย่างสดใส “พูดง่ายๆ ก็คือ หลังจากบรรลุขั้นหลิงจงแล้ว เจ้าจะสามารถเปิดมิติเก็บของได้ เมื่อระดับของเจ้าสูงขึ้น มิติก็จะใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น ฮึบ...” เขาใช้มือคว้าที่กลางอากาศ แล้วก็มีขวดสุราปรากฏขึ้นบนมือของเขา
เขาเติมสุราให้เต็มจอกของทั้งสองและพึมพําอย่างไม่เข้าใจ “การเปิดมิตินั้นทำได้ง่ายมากนะ แต่เจ้ากลับไม่รู้”
เจียงหลียิ้มอย่างฝืนใจ
ในหนานฮวง ผู้ที่อยู่ในระดับหลิงจงนั้นมีน้อยมาก แล้วจะไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกันเล่า เมื่อมาถึงซีฮวง สิ่งที่นางไม่รู้ก็กลายเป็นเรื่องทั่วไป แล้วจะมีใครเอ่ยกับนางเองล่ะ
ดังนั้น…จึงพลาดไปโดยสมบูรณ์
“บอกข้ามาว่าจะเปิดมิติได้อย่างไร” เจียงหลีถามตรงๆ
กงเสวี่ยฮวาไม่ได้ปิดบังอะไร บอกเจียงหลีถึงวิธีการเปิดมิติ จากนั้นนางก็ใช้โอกาสนี้เปิดมิติเก็บของของตัวเองอย่างง่ายดายก่อนที่อาหารจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มิตินั่นยังไม่ใหญ่มากนัก มีขนาดเท่าห้องๆ เดียวเท่านั้น แต่ก็เพียงพอสำหรับการจัดเก็บแล้วล่ะ
เจียงหลีลืมตาขึ้น หยิบถุงที่เต็มไปด้วยผลึกหินวิญญาณขึ้นมา โยนไปอย่างสบายๆ และถุงนั้นก็หายไปจากตรงหน้าของทั้งสองคน นางสัมผัสอย่างระมัดระวังรับรู้ว่าถุงได้เก็บเข้าในมิติของนางแล้ว
“จริงสิ เหตุใดเจ้าถึงมีความสามารถในการรักษาได้” ในเวลานี้กงเสวี่ยฮวาเพิ่งถาม
เจียงหลีกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ข้าฝึกเพิ่มเติมน่ะ”
ในซีฮวง โดยหลักทั่วไปจะฝึกฝนการโจมตีหรือการป้องกัน การฝึกเสริมด้านการช่วยเหลือก็ใช่ว่าจะไม่มี ดังนั้นคำอธิบายของนางจึงไม่ได้ทำให้กงเสวี่ยฮวาประหลาดใจนัก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าเจียงหลีเป็นผู้ฝึกฝนทั้งสามด้านพร้อมกัน และไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิด
“เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็มีเส้นทางเศรษฐีอีกช่องทางแล้วสิ!” กงเสวี่ยฮวาหัวเราะ
เจียงหลีอารมณ์ดี ดวงตายิ้มแย้ม
ทั้งสองกินไปพลางพูดคุยกันไป จากนั้นเจียงหลีก็ได้รู้ความรู้ทั่วไปมากมาย และความไม่รู้เรื่องรู้ราวของนางก็ทำให้กงเสวี่ยฮวาประหลาดใจ
ในที่สุด เจียงหลีก็ใช้เพียงประโยคเดียว ข้าฝึกฝนอย่างสุดความสามารถ และไม่ค่อยพบเจอกับคนอื่น จะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน มาปิดกั้นความอยากรู้ของกงเสวี่ยฮวาไว้
หลังจากกินอิ่มแล้ว ทั้งสองก็ออกจากโรงเตี๊ยมไป
เจียงหลีเดินตามหลังกงเสวี่ยฮวาเพื่อเตรียมสิ่งของที่จะไปซากกำแพงอวิ๋นเมิ่ง เรื่องเลือกของและต่อราคา ล้วนเป็นงานของกงเสวี่ยฮวาคนเดียว เขาดูเหมือนจะมีความสุขกับมันมาก
เจียงหลีกอดเจ้าเปี๊ยกที่หลับอยู่และยืนรออยู่ข้างๆ
ทันใดนั้น ร่างบางร่างหนึ่งก็ผ่านสายตาของเจียงหลีไป นางกะพริบตาแล้วรีบตามหาร่างที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็วในฝูงชน
ในตลาดมีผู้คนมากมาย
เจียงหลีค้นหาดูแล้ว แต่ก็ไม่พบคนผู้นั้น
“เจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่หรือ” เมื่อกงเสวี่ยฮวาจัดการเสร็จเรียบร้อย ก็หันกลับมาและเห็นเจียงหลีท่าทางเหมือนกำลังตามหาคนอยู่
เจียงหลีไม่ได้ปิดบัง “ข้าเหมือนจะเห็นคนรู้จัก “
“คนรู้จักอย่างนั้นหรือ” กงเสวี่ยฮวาก็ช่วยตามหา
ในขณะนั้น สายตาของเจียงหลีจับไปที่ใครบางคนในฝูงชนอีกครั้ง แม้ว่านางจะไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว และตอนนั้นทั้งสองก็ไม่ได้เจอหน้ากันมากนัก แต่วันนี้เมื่อเจียงหลีเห็นนาง ก็จดจำคนผู้นั้นได้ในพริบตา เป็นนางจริงๆ! คิดไม่ถึงว่านางจะมาซีฮวงได้และพวกเราดันมาเจอกันที่นี่อีกด้วย
ดูเหมือนว่าเพราะเจียงหลีไม่ได้ละสายตา คนผู้นั้นจึงหันกลับมามองและสบตากับนาง คนผู้นั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าอันสวยงามมีความประหลาดใจปรากฏออกมา แววตาดูเหมือนยังไม่กล้ายืนยันเล็กน้อย
เจียงหลีครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นก็อุ้มเจ้าเปี๊ยกแล้วเดินเข้าไปหานาง…