ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 57 กวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่
พรวดดด!
เลือดที่เฟิ่งเทียนพ่นออกมาวาดเป็นเส้นโค้งยาวในอากาศ
ร่างกายของเขาราวกับว่าวที่ปลิวว่อน กระแทกเข้ากับลานกว้างและลากไกลออกไปด้านหลัง
ฉากนี้ทําให้ทุกคนในเขาเฟิ่งอู่ซานตกตะลึง คนอื่นๆ บนลานกว้างต่างเงียบสงัด
เฟิ่งเทียนกุมหน้าอกและลุกขึ้นมา แสงทองบนร่างของเขาเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ และพลังวิญญาณ ของเขานั้นเบาบางลง
ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เจียงหลีอย่างเย็นชา พร้อมยกมือขึ้นเช็ดเลือดออกจากมุมปาก “ดีมาก เจ้าทําให้ข้าโมโหแล้วจริงๆ”
เจียงหลีเลิกคิ้วขึ้น ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
แต่กงเสวี่ยฮวากลั้นหัวเราะออกมาไม่ได้ “ไม่ได้ยั่วโมโหเจ้ามาตลอดหรือ คนแพ้อย่างเจ้า ทําไมถึงมีหน้ามาพูดเช่นนี้ได้”
เมื่อทุกคนในเขาเฟิ่งอู่ซานได้ยินคําพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกว่าตนเสียหน้า
แต่เนื่องจากศักดิ์ศรีของเฟิ่งเทียนในเขาเฟิ่งอู่ซาน พวกเขาจึงไม่กล้าแสดงอาการนั้นออกมา
อย่างไรก็ตาม การที่พวกเขาไม่กล้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเฟิ่งเซียนไม่กล้า นางมองไปที่เฟิ่งเทียนด้วยความโกรธ “ศิษย์พี่ใหญ่ ทําไมเจ้าถึงไร้ประโยชน์นัก การถูกตบเช่นนี้ทําให้เขาเฟิ่งอู่ซานเสียหน้า เจ้ารีบฆ่านางเสีย!”
“หุบปาก!” เฟิ่งเทียนโกรธมาก พร้อมยังถูกเฟิ่งเซียนตําหนิอีกครั้งในเวลานี้ ความโกรธของเขาได้ไปลงที่นางหมด
เฟิ่งเซียนถูกเขาคํารามใส่จนอึ้งไป ครู่หนึ่งก็กล่าวด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “เจ้าตะโกนใส่ข้าทําไม แน่จริงเจ้าก็ฆ่าพวกนางให้ได้สิ!”
เมื่อเห็นพวกนางทะเลาะกัน เจียงหลีก็หันไปพูดกับกงเสวี่ยฮวา “นี่คือกลุ่มอำนาจระดับกลางที่ว่าหรือ”
กงเสวี่ยฮวากล่าวต่อ “ถึงได้ให้เจ้าไปกับข้าไงเล่า” พูดจบก็เหลือบตามอง
เจียงหลีมองจนรู้สึกเย็นวาบ และถอนสายตากลับมา
เฟิ่งเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
เขาจะสู้อีกครั้ง เพื่อลบล้างความอัปยศ!
“สายฟ้าพิฆาต!” เฟิ่งเทียนตะโกนออกมา แสงของพลังวิญญาณที่อยู่ข้างหลังเขาตกลงมาบนร่างของเขา ทําให้เฟิ่งเทียนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
พลังวิญญาณคํารามอย่างเกรี้ยวกราด สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้ผู้คนตกตะลึง
ในเวลานี้ เฟิ่งเทียนกำสิบนิ้วเข้าด้วยกัน ตั้งท่ากำหมัด ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า การเคลื่อนไหวของวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ข้างหลังสอดคล้องกับเขา ยกกําปั้นขึ้นเหมือนกัน
“ไปตายซะ!” เฟิ่งเทียนคํารามอย่างโกรธเกรี้ยว และยกมือขึ้นจากฟ้าและพุ่งเข้าใส่เจียงหลี พลังโจมตีนี้น่ากลัวกว่าครั้งก่อนอย่างมาก ราวกับว่าเขาหลอมรวมความโกรธทั้งหมดเข้ากับการโจมตีนี้
เหล่าฝูงชนถูกท่าทางของเฟิ่งเทียนทำให้สั่นสะท้าน
แม้แต่กงเสวี่ยฮวาก็หน้าเปลี่ยนสี ดวงตาฉายแววเคร่งเครียด มู่ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงหลีรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที กังวลว่าเจียงหลีจะรับการโจมตีนี้ไม่ไหว
บนลานกว้าง มีเพียงคนจากเขาเฟิ่งอู่ซานที่แสดงความตื่นเต้น โดยเฉพาะเฟิ่งเซียนที่ตื่นเต้นจนทําให้ใบหน้าที่งดงามนั้นดูดุร้ายขึ้นมา
วิญญาณยุทธ์ปกคลุมร่างของเฟิ่งเทียน และชกไปที่นางด้วยหมัดคำราม
พลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างของเขา หากเจียงหลีถูกโจมตีจะต้องเหลวเป็นโคลนอย่างแน่นอน
นี่ถึงจะเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเทียนเจียวอันดับหนึ่งในเขาเฟิ่งอู่ซาน!
หลายคนนึกคิดในใจของพวกเขา
เมื่อเห็นว่าการโจมตีกําลังจะมาถึง เมื่อเฟิ่งเทียนเห็นว่าเจียงหลียืนนิ่งอย่างหวาดกลัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง ทุกคนก็เห็นเจียงหลีค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นและตวัดไปที่ท้องฟ้าอย่างเฉยชา
ฉากนี้ทําให้ผู้คนนับไม่ถ้วนแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา
เก่งกาจเพียงนั้นเชียวหรือ! กงเสวี่ยฮวาพึมพำ
นางบ้าไปแล้วหรือ
ภายในใจของหลายๆ คนเกิดคําถามนี้ขึ้นมา
คนของเขาเฟิ่งอู่ซานแสดงสีหน้าแดกดัน ช่างน่าขันเสียจริง เมื่อครู่พวกเขารู้สึกว่าเจียงหลีร้ายกาจอยู่บ้างเล็กน้อย ดูท่าตอนนี้นางจะเป็นเพียงสตรีบ้านางหนึ่งเท่านั้น
คิดจะรับการต่อสู้ที่มีทักษะพรสวรรค์ของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขาด้วยมือเปล่าเช่นนี้หรือ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง เป็นความฝันที่โง่เขลา
แต่ว่า พวกเขาก็ไม่สามารถละสายตาได้ เจียงหลียกมือขึ้น พลังวิญญาณใต้ผิวขาวใสของนางไหลผ่าน ร่างกายที่ขาวนวลของนางมีพลังวิญญาณที่มากกว่าผู้อื่นถึงสองเท่า และเข้าใจถึงพลังแห่งเจตจำนงที่ควบคุมจิตให้ไม่ย่อท้อ การโจมตีที่ดูเรียบง่ายของนางนั้น มีแก่นแท้ที่นางได้เรียนรู้มาอย่างกลมกลืน
ฟู่ว!
ความดุร้ายในดวงตาของเฟิ่งเทียนยังไม่จางหายไป แต่กลับถูกตีกระเด็นออกไปอีกครั้ง
การโจมตีที่แข็งแกร่งของเขา ภายใต้การตบเบาๆ ของเจียงหลีกลับพังทลายลง แม้แต่พลังวิญญาณก็คํารามออกมาด้วยความเจ็บปวดและกระจายหายไปจากข้างหลัง
กรอบแกรบๆ!
เสียงกระดูกแตกดังกึกก้อง
ผู้คนเห็นเพียงแขนสองข้างของเฟิ่งเทียนที่ลอยออกไปและมีท่าทางที่บิดเบี้ยว
มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขาอีกครั้ง และพ่นกระจายลงพื้น
หัวใจของทุกคนที่อยู่บนลานกว้างหยุดเต้นและจ้องมองอย่างตกตะลึงกับฉากนี้ ไม่มีคําใดที่จะอธิบายได้ การตบแบบสบายๆ นั้นทําให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเพราะมันส่งผลต่อพวกเขาเช่นกัน
นางทําได้เยี่ยงไร!
นางแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว
หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง พวกเขามองไปที่หญิงสาวที่มีเสน่ห์ นางยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้เปลี่ยนที่ไปไหน หลังตรงตระหง่าน ผมสีดําปลิวไสว ไม่ขยับเขยื้อน
“มันสุดยอดไปเลย! เป็นนางปีศาจจริงๆ ด้วย! อย่างไรก็ตามต้นกล้าที่ดีเช่นนี้ ต้องพากลับวังเทียนอู่กงให้ได้!” เมื่อเห็นฉากอันน่าสะพรึงกลัวนี้ ดวงตาของกงเสวี่ยฮวาก็ส่องประกายเจิดจ้ามากขึ้น
เขามองไปที่เจียงหลีราวกับว่าเขาเห็นสมบัติล้ำค่า
นอกจากนี้ กงเสวี่ยฮวาก็เตรียมรับการโจมตีในใจ การโจมตีเมื่อครู่ของเจียงหลี ทําให้เขารู้สึกขนลุกขนพอง ช่างเป็นการโจมตีที่หนักแน่นและมั่นคงจริงๆ
เฟิ่งเซียนและทุกคนของเขาเฟิ่งอู่ซานถูกบดขยี้โดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อมองไปที่เฟิ่งเทียน ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไป
เฟิ่งเทียนพ่ายแพ้ให้กับเจียงหลีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเป็นวิธีการที่หยาบเช่นนี้ ศักดิ์ศรีของเขาถูกเหยียบย่ำจมลงใต้โคลนแล้ว
“ข้า…ข้าจะฆ่าเจ้า!” ในเวลานี้ เฟิ่งเทียนลืมทุกอย่างไปแล้ว เขาเพียงต้องการเอาชีวิตเจียงหลีเพื่อล้างความอัปยศอดสูของตนในวันนี้
เขาลุกขึ้นมาอย่างล้มลุกคลุกคลาน แขนทั้งสองข้างของเขาอ่อนราวกับโคลนดิน กวัดแกว่งไปมาและพุ่งเข้าหาเจียงหลีอีกครั้ง
ครั้งนี้ คนจากเขาเฟิ่งอู่ซานเงียบและจ้องมองเขาด้วยสายตาดูถูก ไม่มีใครหยุดเขา
แม้แต่เฟิ่งเซียนก็ยังมองเขาด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง นางรู้สึกว่าการที่เขาตายเช่นนี้ดีกว่าการมีชีวิตอยู่เป็นคนที่ไร้ค่า
เขาพุ่งไปหาเจียงหลี และมือของเจียงหลีก็ตกลงไปที่ลําคอของเฟิ่งเทียนและค่อยๆ บีบลง ทันใดนั้นเขาก็หายใจไม่ออก ทําให้เฟิ่งเทียนตื่นรู้ขึ้นมา
“อย่า… อย่าฆ่าข้า…ได้โปรด…” ความเกลียดชังในดวงตาของเฟิ่งเทียนจางหายไป และความกลัวก็เริ่มแผ่กระจายออกไป
เจียงหลีกลับยิ้มหยอกล้อและกล่าวด้วยเสียงที่เกียจคร้านว่า “เมื่อกี้เจ้าไม่ได้คิดจะฆ่าข้าแค่ครั้งเดียว ทําไม ข้าดูนิสัยดีขนาดนั้นเลยหรือ”
“เจ้า…เจ้าฆ่าข้า…เขาเฟิ่งอู่ซานจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” การอ้อนวอนขอความเมตตาไม่ได้ผล เฟิ่งเทียนทําได้เพียงข่มขู่เท่านั้น
เจียงหลียิ้มอย่างเหยียดหดและส่ายหน้าเบาๆ “เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่ได้อยู่เห็นต่อไปแล้วล่ะ”
แกร็ก!
เจียงหลีบิดข้อมือ ดวงตาของเฟิ่งเทียนมองตรงและสายตาของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
“เจ้า…เจ้าฆ่าเขา!” เฟิ่งเทียนตายแล้ว เฟิ่งเซียนถึงได้รู้สึกตัว
เจียงหลียิ้มเยาะอย่างหยิ่งยโส ทิ้งศพไว้ข้างๆ แล้วกล่าวกับคนของเขาเฟิ่งอู่ซานว่า “หากต้องการแก้แค้นแทนเขา ข้าจะรออยู่ที่นี่”