ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 58 นี่เรียกว่าทุนของความหยิ่งผยอง
คําพูดของเจียงหลี ดังก้องอยู่นานบนลานกว้างที่ซากกำแพงอวิ๋นเมิ่ง
ทุกคนยังคงตกตะลึง ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านางจะสังหารหัวหน้าลูกศิษย์ของเขาเฟิ่งอู่ซานเช่นนี้
ณ เวลานี้ ดูเหมือนว่าเรื่องจะจบยากแล้ว
หลายคนถอยออกไปอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้จักกับเจียงหลี ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
ถ้าหากคนจากเขาเฟิ่งอู่ซานเริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา และคิดว่าพวกเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด พวกเขาก็จะตายอย่างไร้ความเป็นธรรม
แต่ขณะที่ทุกคนกําลังถอยกลับ มู่ชิงเหยียนก็ก้าวออกมาและตะโกนว่า “พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีรอดจากเรื่องไปได้หรือ ข้าจะบอกพวกเจ้าว่า ในตอนแรก พวกเขาแอบส่งคนไปแจ้งข่าวที่เขาเฟิ่งอู่ซาน เพื่อจะพาพวกเจ้าทั้งหมดกลับไปเขาเฟิ่งอู่ซาน มอบทุกอย่างที่ได้รับจากกำแพงอวิ๋นเมิ่งมา ตอนนี้ข้าเกรงว่าคนจากเขาเฟิ่งอู่ซานคงจะมาถึงแล้ว”
ทันทีที่นางพูดจบ ราวกับจะพิสูจน์สิ่งที่นางพูดนั้นไม่มีผิด บนฟ้าก็ปรากฏเสียงดังกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ฟิ้วๆๆๆๆ!
เงาแต่ละร่างก็ลอยลงมาที่ขอบลานกว้างยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ ไม่นานก็มีผู้คนนับพันปรากฏตัวขึ้น ล้อมรอบทุกคนบนลานกว้างเอาไว้
เสื้อผ้าของพวกเขาเหมือนกันทั้งหมดคือมาจากเขาเฟิ่งอู่ซาน
“ถูกล้อมแล้วจริงหรือ”
“คนจากเขาเฟิ่งอู่ซานนั้นช่างน่ารังเกียจนัก!”
“น่ารังเกียจและไร้ยางอายสิ้นดี!”
“คนจากเขาเฟิ่งอู่ซานทําตัวโอหังเกินไปแล้ว ความเข้าใจตระหนักในซากกำแพงล้วนอาศัยวาสนาของตน พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะเข้าไป ตอนนี้กลับคิดจะมาแย่งชิง”
“ถุย! เขาเฟิ่งอู่ซานช่างหน้าไม่อาย!”
“…”
ทุกคนก่อนหน้านี้ ต่างดูถูกเขาเฟิ่งอู่ซานและแอบเข้ามาใกล้กัน พวกเขามองไปยังศิษย์ของเขาเฟิ่งอู่ซานที่กําลังกดขี่ข่มเหงอยู่รอบๆ
เมื่อเฟิ่งเซียนเห็นว่ากําลังเสริมมาถึงแล้ว นางก็แสดงท่าทางหยิ่งยโสออกมา นางไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของเฟิ่งเทียน นางรู้สึกว่านั่นเป็นความอัปยศอดสูของเขาเฟิ่งอู่ซาน
นางมองไปที่มู่ชิงเหยียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนและยิ้มเย้ยหยัน “มู่ชิงเหยียนเจ้ามันสุนัขข้างทาง เจ้ากลัวหรือยัง”
มู่ชิงเหยียนทําหน้าเย็นชา ไม่เถียงกับนาง แต่เดินตรงไปหาเจียงหลีแทน
เมื่อเผชิญกับการถูกล้อมอย่างหนาแน่น เจียงหลีก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่เคร่งเครียดหรือกังวลออกมา
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของนางในสายตาของเฟิ่งเซียนนั้นเป็นเพียงการแสร้งทําเป็นสงบนิ่ง
“จับคนพวกนี้ให้หมด!” เฟิ่งเซียนออกคําสั่ง
“ขอรับ”
คนจากเขาเฟิ่งอู่ซานตะโกนออกมา
“สู้กับพวกมัน!”
“ใช่! สู้กับพวกเขา แย่สุดก็แค่ตาย ดีกว่าถูกจับไปทรมาน!”
“ใช่! สิ่งที่เขาเฟิ่งอู่ซานทําในวันนี้ จะต้องได้รับการลงโทษอย่างแน่นอน!”
“…”
ฝูงชนมีความโกรธและมีเจตนารมณ์ที่จะต่อสู้กัน สงครามนี้ถูกกระตุ้นโดยความบ้าอำนาจของเขาเฟิ่งอู่ซาน
เมื่อทั้งสองฝ่ายชักดาบออกมา เจียงหลีกลับมองกงเสวี่ยฮวาอย่างสนุก กงเสวี่ยฮวาจัดแจงเสื้อผ้าของตน “เจ้ามองข้าทำไม”
“ถึงเวลาแล้วเจ้าออกโรงแล้ว” เจียงหลียิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้เขา
กงเสวี่ยฮวาตะลึงงัน แล้วเข้าใจความหมายของคําพูดนางในทันที เขาหัวเราะและส่ายหน้า ภายใต้การชี้นําของเจียงหลี เขากระแอมไอออกมาสองครั้งก่อนจะเดินออกมา
“นอกจากเฟิ่งเซียนแล้ว มีใครอีกที่สามารถตัดสินใจได้” กงเสวี่ยฮวาเอามือไขว้หลัง เงยหน้ายืดอก ทําหน้าเย่อหยิ่ง
เฟิ่งเซียนยิ้มเยาะและกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ตอนนี้เจ้าขอความเมตตาหรือ มันสายไปแล้ว!”
แต่กงเสวี่ยฮวาไม่สนใจนาง เหลือบมองฝูงชนจากเขาเฟิ่งอู่ซานอย่างดูถูก เขาไม่เชื่อว่าส่งคนมามากมาย จะไม่มีผู้นําเลยหรือ
ตามที่คาดไว้ หลังจากที่เฟิ่งเซียนถูกเมิน ชายวัยกลางคนก็เดินออกมาจากฝูงชนและยืนอยู่ข้างๆเฟิ่งเซียน
“ท่านคือ…” เขาถามอย่างระวังไม่ได้เหมือนอย่างเฟิ่งเซียน
“ท่านลุงรอง ทําไมท่านถึงสุภาพกับเจ้าโจรน้อยนี่นัก” เฟิ่งเซียนกล่าวอย่างไม่พอใจ
เฟิ่งเอ้อร์ส่ายหน้าช้าๆ กับนาง มองดูกงเสวี่ยฮวาอย่างระมัดระวัง
กงเสวี่ยฮวายิ้ม “ยังมีคนที่ยังมองสถานการณ์ออก” พูดไปเขาก็หยิบป้ายหยกออกมาจากอกแล้วโยนใส่เฟิ่งเอ้อร์
เฟิ่งเอ้อร์ใช้สองมือรับไว้ เมื่อมองดีๆ ดวงตาก็หดเล็กลงทันที วังเทียนอู่กง!
มือของเขาสั่นเล็กน้อย และถูกซ่อนไว้ทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ เขาตําหนิเฟิ่งเทียนกับเฟิ่งเซียนและตําหนิพวกเขาที่ยั่วยุคนที่พวกเขาไม่ควรไปยุ่งด้วย
“ขอถามชื่อเสียงเรียงนามของคุณชาย” เฟิ่งเอ้อร์ลองเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
กงเสวี่ยฮวายิ้มสดใสมากขึ้น “ข้าแซ่กง”
แซ่กง
เฟิ่งเอ้อร์หายใจแรง ดวงตาคู่นั้นเกือบจะถลึงออกมา ในวังเทียนอู่กง มีเพียงครอบครัวเดียวที่แซ่กง!
“ขอเสียมารยาทถามอีกครั้ง นายท่านกงคือ…”
“ท่านพ่อของข้า” คิ้วของกงเสวี่ยฮวายกขึ้น เอวตั้งตรงขึ้น
ฉึก
เฟิ่งเอ้อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนเกือบจะกัดลิ้นตัวเองจนขาด อันตรายมาก! น่าตกใจมาก! เกือบถึงจุดหายนะแล้ว
“ที่แท้ก็นายน้อยกงนี่เอง เขาเฟิ่งอู่ซานข้าเสียมารยาทแล้ว!” เฟิ่งเอ้อร์ยกมือทั้งสองข้างคืนป้ายให้กงเสวี่ยฮวาทันที เอวก็โค้งงอลง
วังเทียนอู่กง! นายน้อย!
ทุกคนต่างตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าบุรุษรูปหล่อที่ต่ำต้อยนี้จะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ วังเทียนอู่กง! นั่นเป็นหนึ่งในเจ็ดกลุ่มอำนาจระดับสูง คนภายในล้วนเป็นบุคคลที่สามารถเดินเริงไปทั่วดินแดนซีฮวงได้ ยิ่งไปกว่านั้น…นายน้อยมาด้วยตนเองหรือ
รอบนี้เขาเฟิ่งอู่ซานเจอตอเข้าแล้วเป็นแน่
หลายคนแอบคิดเรื่องนี้ก็มีความรู้สึกสะใจไม่น้อย
“ท่านลุงรอง ท่านจะเกรงใจเขาขนาดนั้นทําไมกัน” เฟิ่งเซียนเคยชินกับการถูกตามใจและไม่ค่อยออกจากเขตแดนของเขาเฟิ่งอู่ซาน นางไม่รู้และไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของวังเทียนอู่กง
“เจ้าหุบปากซะ กลับไปแล้วค่อยจัดการเจ้า” เฟิ่งเอ้อร์พูดอย่างเกรี้ยวกราด
เฟิ่งเซียนงุนงงและรู้สึกผิดมากขึ้น นางกระทืบเท้าอย่างแรง “ท่านลุงรอง พ่อข้าเรียกท่านมา ให้ท่านมาช่วยคนนอกรังแกข้าหรือ”
“ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก!” เฟิ่งเอ้อร์กล่าวเสียงเข้มอีกเป็นครั้งที่สอง
เมื่อหันกลับไปมองกงเสวี่ยฮวา ก็ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง “นายน้อย ทำให้ท่านต้องเห็นเรื่องน่าอับอายแล้ว ข้าไม่รู้ว่านายน้อยจะเดินทางมายังที่นี่ มีเรื่องล่วงเกินมากมาย อย่าได้ถือโทษเลย”
“วันนี้เขาเฟิ่งอู่ซานของพวกเจ้าทําให้ข้าได้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นจริงๆ!” กงเสวี่ยฮวากล่าวอย่างยิ้มแย้ม
แผ่นหลังของเฟิ่งเอ้อร์เย็นเยียบ และหยาดเหงื่อเย็นหยดลงมาจากมุมขมับของเขา “นี่….นี่เป็นแค่เรื่องไร้สาระของพวกที่โง่เขลาทั้งนั้น”
“เรื่องไร้สาระหรือ” กงเสวี่ยฮวาพูดอย่างสนุกสนาน
เฟิ่งเอ้อร์ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ แต่ทำได้เพียงพยักหน้า
“ได้ ข้าจะถือว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ เช่นนั้นตอนนี้เราไปกันได้หรือยัง” กงเสวี่ยฮวามองเขาอย่างติดตลก
“แน่นอนๆ! แท้จริงแล้วซากกำแพงอวิ๋นเมิ่งนี่ก็ไปมาได้ตามใจ นายน้อยพูดเกินไปแล้ว แต่นายน้อยยากที่จะมาเยือนเขาเฟิ่งอู่ซาน ไม่ไปนั่งพักหน่อยหรือ และให้เราได้แสดงความเคารพต่อมิตรภาพในฐานะของเจ้าบ้าน” เฟิ่งเอ้อร์รีบพูด
ขณะเดียวกัน ภายใต้การชี้นําจากสายตาของเขา คนที่ล้อมวงไว้อย่างแน่นหนาก็ถอยไปด้านข้าง แล้วหยุดวงล้อม
“ท่านลุงรอง ท่านบ้าไปแล้วหรือ ปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไร! นางคนนั้นเป็นคนฆ่าเฟิ่งเทียน!” เฟิ่งเซียนตะโกนออกมาด้วยสีหน้าดุร้าย ดวงตาอาฆาตของนางมองไปที่เจียงหลี
ดวงตาของเฟิ่งเอ้อร์เป็นประกาย เขาเงยหน้าขึ้นมองเจียงหลีที่กําลังเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆ