ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 62 รู้สึกแปลกๆ
“หลีเอ๋อร์ คิดถึงข้าหรือ” มือของเซ่าตี้ลูบไปที่ผมอันเงางามของนาง พูดกระซิบข้างหูนางอย่างอ่อนโยน
เสียงของเขาเหมือนกับมีมนต์เสน่ห์ที่ทำให้พยักหน้ายินยอมทำตามคำสั่ง
เจียงหลีก็เช่นกัน เดิมทีนางก็คิดถึงเขามากอยู่แล้ว
“เมื่อใดเจ้าถึงจะสามารถกลับมาอยู่เคียงข้างข้าได้” เจียงหลีพูดอย่างขมขื่น
ข้าก็อยู่เคียงข้างเจ้ามาตลอด เซ่าตี้พูดในใจ ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เคร่งขรึมได้เผยรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วปลอบโยนหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอด “ใกล้แล้ว อดทนรอข้าอีกหน่อยนะ”
“อืม” เจียงหลีตอบ
นางเงยหน้าขึ้นจากในอ้อมกอดของเขา แล้วจ้องมองหน้าเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ เหมือนว่าจะวิเคราะห์โฉมหน้าของเขาอย่างละเอียดอย่างไรอย่างนั้น
“มองอะไร” เซ่าตี้เลิกคิ้ว
“มองเจ้าน่ะสิ” เจียงหลีตอบอย่างตรงไปตรงมา
เซ่าตี้ยิ้ม เหมือนว่าเขาพอใจกับความรู้สึกที่นางมีต่อเขามาก เขาจูงมือนางไปที่เตียง แล้วนั่งลงบนเตียงด้วยกัน “หลีเอ๋อร์ ตอนที่ข้าไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า มีชายหนุ่มเข้าหาเจ้าด้วยเจตนาที่ไม่ดีหรือไม่”
“เจตนาไม่ดีหรือ” เจียงหลีคิดดูอย่างละเอียด ดูจากหน้าแล้วเหมือนว่าไม่มี
ดังนั้น นางส่ายหัวอย่างจริงใจ “ไม่มี”
“ไม่มีจริงๆ รึ” ดวงตาที่แวววาวคู่นั้นมืดมัวลงเล็กน้อย
เจียงหลียังคงส่ายหน้า
ทันใดนั้น ร่างของนางก็ถูกดึงล้มลงบนเตียง เงาที่สูงใหญ่ปกคลุมตัวนางอยู่ด้านบน
ผมที่ยาวของเซ่าตี้ตกลงบนตัวนาง เผยกลิ่นอายเฉพาะตัวของเขาออกมา
เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะสูดดมสักฟอด แล้วพูดชื่นชมว่า “หอมจริงๆ”
สตรีนางนี้ช่าง…ยิ่งนัก!
เดิมเซ่าตี้คิดอยากจะเตือนนางให้นางรักษาระยะห่างกับบุรุษอื่นๆ แต่ก็พูดมากไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางรู้สึกระแคะระคาย
“อย่าไปสนิทสนมกับชายอื่นมากเกินไป ข้าไม่ชอบ” เซ่าตี้พูดเตือน
เจียงหลีอึ้งไป แล้วก็หัวเราะออกมา
ท่าทางที่ฉอเลาะของนาง ทำให้แววตาของเซ่าตี้มืดมัวอยู่อย่างนั้น ความโกรธค่อยๆ ปะทุขึ้น
“เจ้าขี้หึงขนาดนั้นเลยหรือ” เจียงหลีเอามือทั้งสองข้างคล้องคอเขา แล้วทำตาเยิ้มใส่
มองเขาที่ท่าทางเคร่งขรึม นางก็เลยพูดอธิบายว่า “ไม่ใช่ว่าชายทุกคนที่เข้าหาข้าจะมีเจตนาไม่ดีทุกคน แล้วก็ใช่ว่าชายทุกคนจะชอบข้าสักหน่อย”
“ไม่ได้!” เซ่าตี้พูดออกมาสองคำ แสดงความคิดของตนออกมา
“…” เจียงหลีมองเขาอย่างหมดคำจะพูด พูดในใจ ใจแคบ ขี้หึง แล้วยังเผด็จการอีก
“ห้ามว่าข้าในใจ” เซ่าตี้พูดพาลใส่เจียงหลีอีกครั้ง
“…” เจียงหลีมองเขาด้วยความงงงัน “ขนาดในใจข้าคิดอะไรเจ้าก็รู้ได้เลยหรือ”
เซ่าตี้ยิ้มเยาะ นิ้วมือที่เรียวยาวแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของนาง “เจ้าคิดอะไรอยู่ ดูจากหน้าก็รู้แล้ว”
“ใช่หรือ” เจียงหลีตกใจแล้วลูบหน้าตัวเอง
ดวงตาที่ไม่ควรมีความรู้สึกใดๆ ของเซ่าตี้ ตอนนี้กลับมองนางด้วยความเอ็นดู เขาชอบที่นางเป็นตัวเองเวลาอยู่กับเขา ชอบที่นางขาดเขาไม่ได้
“หลีเอ๋อร์ เจ้าช่างงดงามจริงๆ” จ้องมองใบหน้าที่สวยหยาดเยิ้มของนาง เซ่าตี้เผยสายตาที่คลุมเครือออกมา
นี่คือภรรยาของเขา!
เขาเคยคิดว่าจะไม่มีทางหวั่นไหว ในใจของเขามีแต่อาณาประชาราษฎร์ มหาธรรมไร้เยื่อใย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวที่เกียจคร้านและมีเสน่ห์ที่อยู่ในอ้อมกอดเขา กลับสามารถทำลายกำแพงเข้ามาอยู่ในใจของเขาได้อย่างง่ายดาย
“ข้างามจริงๆ หรือ” เจียงหลียิ้มมีเสน่ห์จนน่าหวั่นไหว งดงามราวกับดอกไม้นับร้อยที่เบ่งบานในฤดูหนาว
นางชอบท่าทางที่ผู้ชายของตัวเองหลงใหลในความงามของนาง เช่นเดียวกัน นางก็หลงใหลความสง่างามของชายคนนี้เช่นกัน “เจ้าก็มีรูปงามเช่นกัน! ชายรูปงามของข้า”
ถูกนางหยอกล้อโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เซ่าตี้หรี่ตาทั้งสองข้างลง พูดเตือนด้วยเสียงเข้มว่า “ห้ามบอกว่าข้ารูปงาม”
“ก็เจ้ารูปงามจริงๆ นี่!” เจียงหลีกะพริบตาอย่างใสซื่อ
“เช่นนั้นก็ห้ามพูด” เซ่าตี้พูดอย่างดื้อดึง ชายคนหนึ่งถูกคนของตัวเองชมว่ารูปงามทั้งวัน ฟังดูแล้วก็แปลกๆ
แต่ว่าเจียงหลีไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอย่างไร ขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมล่ะ”
“ก็ไม่ทำไมหรอก อย่าดื้อ” เซ่าตี้พูด
เจียงหลียิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ “ถ้าข้าไม่ดื้อ แล้วจะได้อะไร”
นางยิ้มเหมือนกับแมวน้อยจอมโลภมาก
เซ่าตี้ถาม “เจ้าอยากได้อะไร”
“อยากได้” แววตาของหญิงสาวที่งดงามเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา นางดึงเขาเข้ามาใกล้อย่างแรง ริมฝีปากแดงๆ ที่น่าดึงดูดประกบเข้าที่ริมฝีปากของเขา “การดูแลอย่างดีจากเจ้า…”
แรงดึงดูดของริมฝีปาก ทำให้แววตาของเซ่าตี้มืดมัวลงอย่างรวดเร็ว
ภรรยาของเขากำลังยั่วยวนเขา เขาต้องอดทนในความฝันหรือไม่ “หลีเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ” เขายังพูดเตือนขึ้นมาประโยคหนึ่ง
ดวงตาของเจียงหลีเลื่อนผ่านริมฝีปากของเขา เรียวปากที่ส่งกลิ่นหอมเต็มไปด้วยความดึงดูด “ใช่แล้ว ข้าเป็นคนเริ่มก่อน แต่ว่าข้ายินยอมรับความเจ็บปวด”
หัวใจของเซ่าตี้เหมือนกับถูกบีบคั้นอย่างหนัก
คำพูดของเจียงหลีทำให้ทั้งกายและใจของเขาเร่าร้อนไปหมด
เขาโน้มตัวลงมาจับริมฝีปากที่เหมือนกับดอกฝิ่นของนางอย่างแม่นยำ ยินยอมที่จะลืมทุกอย่างและดื่มด่ำกับความอ่อนโยนของนาง
ค่ำคืนในความฝันที่ตราตรึงใจ ผ้าโปร่งบางปลิวไหว ปกคลุมเรือนร่างที่พัวพันกัน
คืนนี้ เจียงหลีหลับลึกมาก และฝันดีมาก
เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมาเป็นระยะ เจ้าเปี๊ยกขนปุกปุยถูกนางกอดไว้ มือทั้งสองข้างของนางจับขนของมันจนยุ่งเหมือนกับหญ้ารกไปหมด
แต่ทว่า เจ้าเปี๊ยกกลับยอมให้นางทำอย่างสงบ เจ้าเปี๊ยกที่กำลังนอนหลับลึกอยู่ ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสุขมากเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น เจียงหลีตื่นขึ้นจากฝัน รู้สึกได้ว่าตัวเองมีเหงื่อออกเต็มตัว เสื้อผ้าเปียกไปหมด นางมองไปที่อ้อมแขนของตัวเอง ก็รู้สึกตกใจ
ไม่ใช่เจ้าเปี๊ยกที่ขนยุ่งทำให้ตกใจ แต่เป็นเสื้อที่หลุดลุ่ยของนาง
“บ้าจริง! ข้าทำอะไรลงไป” เจียงหลีรีบลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วรีบจัดเสื้อผ้า เพื่อปกปิดเรือนร่างของตนเอง
จัดการตัวเองเสร็จ เจียงหลีก็ยังคงตกใจอยู่
ฝันเช่นนั้นก็มากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าในความเป็นจริงยังทำให้นางตกที่นั่งลำบอกอีก สมควรตาย! ทั้งหมดเป็นความผิดของลู่เจี้ย! นางกัดฟันอยู่ในใจ
ทันใดนั้น สายตาของนางก็ไปตกอยู่ที่เจ้าเปี๊ยกที่นอนขดตัวอยู่ ความโกรธและความอับอายในใจไปตกอยู่ที่มัน
“ไอ้บ้า! ไอ้ทะลึ่ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าเอาเปรียบข้า!” เจียงหลีจับที่หูสีชมพูของเจ้าเปี๊ยก แล้วดึงอย่างแรง
เจ้าเปี๊ยกตื่นขึ้นมา ค่อยๆ ลืมตา เผยให้เห็นดวงตาที่เหมือนกับคนในฝันไม่มีผิดเพี้ยน
ในตอนที่เจียงหลีมองตามัน ก็ถึงกับตกใจ
นางปล่อยมือออกอย่างไม่รู้ตัว แล้วมองตาเจ้าเปี๊ยกอย่างอึ้งทึ่ง ทำไมดวงตาคู่นี้ของมันถึงเหมือนกับลู่เจี้ยไม่มีผิดเพี้ยนเลยหรือ ตอนที่ถูกมันจ้อง ก็เหมือนกับถูกลู่เจี้ยมองอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ตุบๆ!
ในขณะที่เจียงหลีจ้องมองเจ้าเปี๊ยก ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น นางก็ขยี้หัวตัวเอง แล้วพูดกับตัวเองว่า “ข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้คิดว่ามันคือลู่เจี้ย!”
แต่นางกลับไม่ทันได้สังเกตว่าหลังจากที่เจ้าเปี๊ยกที่อยู่บนเตียงได้ยินคำพูดของนาง มันก็รีบหลบสายตา