ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 64 บังเอิญจริงๆ!
สถานที่ๆ แผนที่ดาราเทพสงครามตั้งอยู่มีชื่อเรียกว่าหอดูดาว
หอดูดาวตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในส่วนของเสวียนจื้อ ณ วังเทียนอู่กง เป็นอาคารทรงกลมมีโดมที่เผยให้เห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ตัวอาคารทั้งหลังสร้างด้วยหยกขาวบริสุทธิ์
“โดยทั่วไปเวลาที่ดีที่สุดในการไปหอดูดาวก็คือเวลากลางคืน ดังนั้นที่พวกเราไปตอนนี้ ก็ยังไม่ได้ดึกมากนัก” ระหว่างทาง กงเสวี่ยฮวาแนะนำให้ทั้งสองฟัง
“ในหอดูดาวมีแผนที่ดาราเทพสงครามอยู่ห้าผืน แต่แฝงไปด้วยทักษะการต่อสู้ที่มากมาย จะเรียนรู้ได้มากเท่าไหร่ เรียนรู้ได้ถึงระดับไหน ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และความสร้างสรรค์ของตัวเอง เพียงแต่ถ้าหากยิ่งอยู่ในนั้นนานๆ ก็จะเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ได้มาก พลังอำนาจก็จะยิ่งแข็งแกร่ง” ในขณะที่กงเสวี่ยฮวาพูด สีหน้าก็ดูจริงจังขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเขาจะนิสัยแบบนี้ แต่เมื่อพูดถึงแผนที่ดาราเทพสงคราม ก็จริงจังเป็นอย่างมาก
“เจ้าได้เรียนรู้จากหอดูดาวมากน้อยเพียงใด” เจียงหลีถาม
“พรสวรรค์ของข้า!” ความจริงจังของกงเสวี่ยฮวาสลายหายไปในพริบตา หางคิ้วของเขายกขึ้น “พรสวรรค์ของข้านั้นเกินกว่าพ่อของข้า สถิติที่ดีที่สุดของข้าที่อยู่ในหอดูดาวก็คือหนึ่งเดือน!”
พูดจบ เขายังเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
“หนึ่งเดือนเชียวหรือ นานมาก! เช่นนั้นเจ้าก็รักษาสถิติไว้ได้อย่างแน่นอน” มู่ชิงเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม นางช่างอยู่เป็น ไม่ได้ถามกงเสวี่ยฮวาว่าได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้อะไรมาบ้าง
แต่ทว่า นางกลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่พูดคำนี้ออกไป ทำให้กงเสวี่ยฮวาที่ท่าทางภาคภูมิใจหยุดชะงักทันที
“เจ้า…เป็นอะไรไป” สีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้มู่ชิงเหยียนตกใจ คิดว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
กงเสวี่ยฮวาพูดออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจว่า “เดิมทีข้าคือที่หนึ่ง! แต่ว่าเมื่อสองสามปีก่อน ได้มีลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงคนหนึ่ง เขาคือปีศาจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าแค่เขานั่งในหอดูดาวก็ปาไปเดือนครึ่งแล้ว! ทำลายสถิติของข้าลง!”
ฮ่าๆๆ มู่ชิงเหยียนขำสีหน้าท่าทางของเขา
เจียงหลีก็พูดด้วยความขำขันว่า “เช่นนั้นก็ต้องยินดีกับวังเทียนอู่กงที่มีปีศาจนะ”
กงเสวี่ยฮวามองแรงใส่นางไปทีหนึ่ง “เจ้าไม่ซ้ำเติมคนอื่นจะตายหรืออย่างไร!”
เจียงหลียิ้มแต่ไม่พูดอะไร
กงเสวี่ยฮวามองมู่ชิงเหยียนแล้วพูดว่า “อ่อ ใช่แล้ว เขาคนนั้นก็แซ่มู่เช่นกัน ไม่แน่ว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกเจ้าอาจจะมีบรรพบุรุษเป็นคนเดียวกัน”
“แซ่มู่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเหยียนขำไม่ออก ในแววตามีความตกใจ
เจียงหลีมองนาง รู้ทันทีว่าในใจนางตอนนี้คิดอะไรอยู่ จุดประสงค์แรกของมู่ชิงเหยียนที่มาซีฮวงก็คือตามหาองค์ชายที่คลั่งไคล้การต่อสู้คนนั้น
“เขามีชื่อว่าอะไร” เจียงหลีถามแทนมู่ชิงเหยียน
เป็นธรรมดาที่กงเสวี่ยฮวาต้องจำได้ “เขามีชื่อว่ามู่เหยี่ยนฉือ”
มู่ชิงเหยียนสั่นไปทั้งตัว มองเจียงหลีด้วยสีหน้าซีดขาว แววตาเผยความหวาดกลัวออกมา
เจียงหลีมองนาง และเห็นว่านางกลัว แต่ไม่ได้แสดงออกอะไร
“พวกเจ้าเป็นอะไรกันหรือ” กงเสวี่ยฮวาถามด้วยความสงสัย
เจียงหลีส่ายหัวอย่างช้าๆ “ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด”
กงเสวี่ยฮวายักไหล่ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เขาเป็นคนบ้าคนหนึ่ง คลั่งไคล้การต่อสู้นัก วันๆ นอกจากฝึกฝน ก็คือหาคนประมือด้วย ตอนนี้น่ะหรือ ถ้าไม่ได้ฝึกฝนอยู่ก็กำลังต่อสู้ประมือกับใครสักคนอยู่นั่นแหละ”
มู่ชิงเหยียนฝืนยิ้มออกมา แต่สีหน้ากลับดูไม่ได้เลย
กงเสวี่ยฮวาถามขึ้นด้วยความสงสัยอีกครั้ง “พวกเจ้าเป็นอะไรกันแน่ ทำไมพอได้ยินชื่อเขา กลับมีปฏิกิริยาขนาดนี้”
“อืม มีความเคียดแค้นต่อกันนิดหน่อย” เจียงหลีพยักหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าหนุ่มคนนั้นมีความแค้นกับเจ้ารึ” ใครจะรู้ กงเสวี่ยฮวากลับตื่นเต้นขึ้นมา
เจียงหลีมองเขาด้วยความแปลกใจ “เจ้าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น เจ้าจะช่วยข้าจัดการศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับเจ้าหรือ”
“เปล่า! ข้าดูเป็นคนเลวทรามไร้ยางอายขนาดนั้นเชียวรึ” กงเสวี่ยฮวารีบอธิบาย “ข้าก็แค่อยากรู้ว่าหากปีศาจอย่างพวกเจ้าสองคนปะทะกัน ใครจะชนะ”
“ถ้าหากคนที่แพ้ต้องตาย เจ้ายังอยากดูอยู่หรือไม่” เจียงหลียิ้มตาหยีแล้วมองเขา
เอ๊ะ!
กงเสวี่ยฮวาสีหน้าเปลี่ยนไป “เจ้าคือเพื่อนของข้า ส่วนเขาคือศิษย์เอกในวังเทียนอู่กงของข้า ห้ามมีใครตายทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมีความเคียดแค้นต่อกันขนาดนี้ ดูแล้วข้าคงต้องระวังหน่อย ไม่ให้พวกเจ้าเจอกันในวัง”
“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนั้น จะมาในรูปแบบไหน ก็มีวิธีรับมือ” เจียงหลีพูดอย่างเย็นชา
กงเสวี่ยฮวามองมู่ชิงเหยียนที่เงียบตลอด ถามด้วยความสงสัยว่า “มู่เหยี่ยนฉือคนนั้นเป็นศัตรูของเจียงหลี แล้วกับเจ้าล่ะ”
มู่ชิงเหยียนไม่ได้สนใจเขา แต่กลับเงยหน้ามองเจียงหลี “เขาคงไม่สนใจเรื่องบุญคุณความแค้นเหล่านี้หรอก ข้ากับเขาไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกอะไร”
ความหมายในคำพูดของนางก็คืออยากจะหลีกเลี่ยงการปะทะกันของเจียงหลีและมู่เหยี่ยนฉือ
แต่ว่าเจียงหลีจะสนใจเรื่องพวกได้ด้วยหรือ ในตอนที่โค่นล้มราชวงศ์โฮ่วจิ้น นางไม่คิดกลัวเหล่าคนที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยของราชวงศ์โฮ่วจิ้นจะมาแก้แค้นนาง
“แล้วแต่เถอะ” เจียงหลีพูดส่งๆ นางมองกงเสวี่ยฮวา “พวกเราไปหอดูดาวกันเถอะ”
กงเสวี่ยฮวาเข้ามาใกล้นาง แล้วพูดกระซิบข้างๆ นางว่า “จะไม่ให้ข้าหาข้ออ้างให้เขาออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกจริงหรือ”
“ไม่จำเป็น” เจียงหลีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
“ตอนนี้เขาพลังหลิงจงขั้นแปด ถ้าต่อสู้ขึ้นมา หลิงหวังขั้นหนึ่งก็ใช่ว่าจะเอาชนะเขาได้” กงเสวี่ยฮวาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขารู้จักมู่เหยี่ยนฉือ และก็รู้จักเจียงหลีเช่นกัน
มู่เหยี่ยนฉือบรรลุหลิงจงขั้นแปดมาหลายปีแล้ว และก็แข็งแกร่งมาก มักจะท้าประลองข้ามขั้นอยู่บ่อยๆ ส่วนเจียงหลีน่ะหรือ ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ที่พิเศษเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งจะบรรลุหลิงจงขั้นแปด
“ถ้าหากเขารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ คงมาหาข้าเอง แล้วข้าก็จะรับคำท้า” สีหน้าของเจียงหลียังคงสงบนิ่ง ความสงบนิ่งแบบนี้แฝงไปด้วยความมั่นใจในความแข็งแกร่ง
หลังจากฟังคำพูดของนาง กงเสวี่ยฮวาก็พูดอะไรไม่ออก
มู่ชิงเหยียนที่เดินตามอยู่ข้างหลังพวกเขา เดิมก็ลังเลอยู่แล้วว่าจะกลับห้องพักเพื่อหลบหน้ามู่
เหยี่ยนฉือดีไหม หลังจากที่ได้ยินเจียงหลีพูดก็โล่งใจทันที
เดิมนางคิดว่าขอเพียงมู่เหยี่ยนฉือไม่เจอนาง จำนางไม่ได้ ก็จะไม่ถามถึงเจียงหลีและเรื่องเหล่านั้นของราชวงศ์โฮ่วจิ้น
แต่ว่าการหนีนั้นก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหามาตั้งแต่แรก
ถ้าหากเจอกันเข้าจริงๆ ก่อนที่จะปะทะกัน นางก็คงจะบอกเหตุและผลทั้งหมดให้มู่เหยี่ยนฉือฟังอย่างชัดเจน
“ถึงแล้ว” กงเสวี่ยฮวายืนอยู่นอกสะพาน แล้วพูดกับเจียงหลี
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมอง บนภูเขาที่สุดสะพานอีกฝั่งมีอาคารสีขาวหยกอยู่จริงๆ
“ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไป” กงเสี่ยฮวาพูดขึ้น
ทั้งสามเดินข้ามสะพาน กงเสวี่ยฮวาแสดงป้ายของตัวเอง แล้วนำทั้งสองคนเข้าสู่หอดูดาว
หลังจากที่ได้เข้ามา ตอนนี้ถึงได้รู้สึกว่าด้านในกว้างใหญ่มาก สามารถจุคนได้เป็นพันคนเลยทีเดียว
และในตอนนี้ มีผู้คนนั่งอยู่จำนวนไม่น้อย ทุกคนล้วนแต่หลับตาศึกษาวิชา ตัดขาดจากโลกภายนอก
“ตรงนี้ยังมีที่ว่าง”
ในขณะที่พวกนางกำลังมองดูภายในหอดูดาว กงเสวี่ยฮวาได้หาที่ๆ เหมาะสมให้กับพวกนางแล้ว
เจียงหลีมองไปยังโดม ด้านบนได้แกะลายฉลุแผนที่ดาราไว้ห้าภาพ และล้วนแต่เหมือนดั่งเทพเจ้า ท่าทางมีพลังอำนาจ
นางเดินไปยังที่ๆ กงเสวี่ยฮวาหาให้ แต่สายตากลับมองไปยังแผนที่ดารา
เห็นท่าทางที่หลงใหลของนาง กงเสวี่ยฮวาก็หัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าต้องระวังแล้วล่ะ เมื่อครู่นี้ที่เจ้าเข้ามา ชื่อของเจ้าได้ถูกสลักบันทึกอยู่ในหอดูดาวเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากบังเอิญเจ้าได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังเอามากๆ ชื่อของเจ้าก็จะถูกประกาศไปทั่วทั้งวังเทียนอู่กง แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ตามกฎแล้ว ทักษะการต่อสู้ที่เจ้าได้รับ เจ้าจะต้องบันทึกแล้วมอบให้วังเทียนอู่กงด้วย”