ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 73 เข้าถ้ำเสือ
กงเสวี่ยฮวาถูกคนเหล่านั้นทำให้ตกใจจึงเผลอจิกเสื้อผ้าเอาไว้แน่น พอได้ยินสิ่งที่เจียงหลีพูดเขาก็รีบเอ่ยขึ้น “พวกเราหาที่พักกันก่อนดีกว่า ข้าจะไปหาคนมาถามสถานการณ์ให้แน่ชัด”
“ได้!”
เจียงหลีมิได้คัดค้านแต่อย่างใด
สำหรับคูเมืองแห่งนี้ เจียงหลียังพอมีความคุ้นเคยอยู่บ้าง
นางพาทั้งสองไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งแล้วเปิดห้อง ด้านล่างโรงเตี๊ยมเป็นโรงสุรา ผู้คนต่างสำนักต่างลัทธิมารวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ไม่ช้ากงเสวี่ยฮวาก็ออกไปแล้ว ส่วนเจียงหลีและมู่ชิงเหยียนขอห้องพักส่วนตัวที่โรงสุราเพื่อบดบังสายตาของคนจากภายนอก แต่ก็ยังสามารถได้ยินผู้คนที่โถงรับแขกสนทนากัน
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวที่เป็นประโยชน์บางอย่างก็ได้ยินมาถึงหูของทั้งสองคน
“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ พักนี้มักจะมีสาวกที่เป็นชายหนุ่มของสำนักพรตเสวียนหมิงหายตัวไป”
“ไม่เพียงแต่มีแค่สาวกบุรุษเท่านั้น แม้แต่สาวกที่เป็นสตรีก็หายตัวไปไม่น้อยเช่นกัน”
“ไม่ใช่แค่ภายในสำนักพรตเสวียนหมิงเท่านั้น แม้กระทั่งในเมืองของพวกเรา ช่วงนี้ก็มีคนหายตัวไปใช่หรือไม่”
“ข้าเองก็แปลกใจยิ่งนัก เจ้าบอกว่าสาวกสาวสวยๆ หายตัวไป อาจจะคิดไปถึงโจรบ้ากามเป็นได้ แต่ทำไมพวกชายหนุ่มถึงได้หายตัวไปด้วยเล่า หรือว่าจะมีโจรบ้ากามที่เป็นสตรี”
“โจรบ้ากามผู้สตรีงรึ ฮ่าๆๆๆๆ หากมีจริง ขอแค่นางไม่ขี้เหร่เกินไปสามารถมาหาข้าได้”
“เจ้านี่เลวทรามจริงๆ”
“…”
บทสนทนาเหล่านี้ทำให้เจียงหลีและมู่ชิงเหยียนสบตากันเงียบๆ
ตอนที่กงเสวี่ยฮวากลับมาทั้งสองก็พากันออกจากโรงสุราและกลับห้องกันไปแล้ว
“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” เจียงหลีเอ่ยถามอย่างรีบร้อน
กงเสวี่ยฮวาขมวดคิ้วด้วยความหนักอึ้งแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ข้าไปสืบถามดูแล้ว คนที่ตามหาเจ้ามีทั้งหมดห้าคน ชายสี่หญิงหนึ่ง เมื่อวานยังสืบถามคนในเมืองว่าเคยพบเห็นเจ้าหรือไม่ แต่ทว่าหญิงสาวในกลุ่มนั้นถูกคนลักพาตัวไป พวกเขาสี่คนสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของสำนักพรตเสวียนหมิงจึงพากันไปยังสำนักพรตเสวียนหมิง จนกระทั่งวันนี้พวกเขาก็ยังมิกลับมา”
หัวใจของเจียงหลีจมดิ่ง ลางสังหรณ์ไม่ดีก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ชื่อของนางในคูเมืองนี้ เกรงว่าจะมีคนที่รู้ไม่มากนัก แต่ภายในสำนักพรตเสวียนหมิงจะต้องเป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน
ชายสี่หญิงหนึ่ง
เจียงหลีร่างลักษณะท่าทางของสี่คนที่คุ้นเคยในหัวสมองอย่างรวดเร็ว
คนที่รู้จักนางในซีฮวงแล้วตามหานางมีเพียงพวกเขาห้าคนเท่านั้น หนานอู่เฮิ่น เฟิงสิงอวิ๋น เจียงเฮ่า ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งถูกคนจับตัวไปอย่างนั้นหรือ
พอนึกถึงไอ้ประมุขสำนักตัณหากลับนั่น แม้นางจะตัดไอ้จ้อนของเขาโยนให้เป็ดกินไปแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาจะมีความคิดวิปริตมาทรมานผู้คนหรือไม่ พอคิดถึงตรงนี้นางก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เสียแล้ว
“ข้าต้องไปสำนักพรตเสวียนหมิง” นางลุกยืนขึ้นจะออกไปนอกประตู
“เจ้ารอเดี๋ยว” กงเสวี่ยฮวาห้ามนาง “ตอนนี้ยังมิรู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร เจ้าจะไปอย่างไร”
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว พวกเขาไม่รู้เรื่องสถานการณ์ภายใน ให้พวกเขาดาหน้าไปเองมีหวังไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ๆ” เจียงหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
“ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงเป็นถึงหลิงหวังระดับสามเชียวนะ” กงเสวี่ยฮวาเอ่ยเตือนสติ
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร” แววตาของเจียงหลียิ่งเปล่งประกายมากขึ้น
นางผลักกงเสวี่ยฮวาเดินออกนอกประตูไป มู่ชิงเหยียนรีบเดินตามหลัง
กงเสวี่ยฮวารีบตามหลังไป “ถ้าเช่นนั้นต้องวางแผนสักหน่อยสิ”
เจียงหลีเอ่ยตอบโดยไม่หันหลังกลับ “ไม่มีอะไรที่ต้องวางแผน ข้ามีเพียงสองเรื่อง ช่วยคนกับฆ่าคน!”
กงเสวี่ยฮวาถอนหายใจมองเงาหลังที่ตั้งตรงของเจียงหลีแล้วลอบพูดในใจ เลิศ!
เขาส่ายหน้าไร้รอยยิ้มแล้วรีบตามให้ทันเจียงหลีด้วยความเร็วแล้วพูดกับนางว่า “ข้าสามารถเข้าไปเยี่ยมก่อนในนามนายน้อยแห่งวังเทียนอู่กง พวกเราเข้าไปให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยหาโอกาสเจอกันทีหลัง”
เจียงหลีหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองเขา ไม่ใช่ว่านางไม่คาดคิดถึงความคิดเห็นเช่นนี้ เพียงแต่นางคิดว่าการลากกงเสวี่ยฮวาเข้ามาเกี่ยวข้องมิได้ง่ายดายเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ริเริ่มที่จะเสนอความเห็นให้ เจียงหลีจะไม่หักหาญน้ำใจอย่างหยิ่งทระนงแต่จะจดจำความหวังดีนี้อย่างเงียบๆ
เมื่อกลับมายังด่านหน้าของสำนักพรตเสวียนหมิงอีกครั้ง เมื่อมองไปที่ประตูภูเขาที่ได้รับการซ่อมแซม ก็มีแสงเย็นวาบในดวงตาของเจียงหลี
……
เมื่อรายงานชื่อแล้ว แน่นอนว่าสำนักพรตเสวียนหมิงไม่มีทางปฏิเสธนายน้อยของวังเทียนอู่กงเป็นธรรมดา
ทันทีที่เข้าสู่สำนักพรตเสวียนหมิง ความรู้สึกแปลกประหลาดอันน่าอึดอัดก็กลับมาอีกครั้งซึ่งช่างแตกต่างจากครั้งแรก คราวนี้เจียงหลีรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกและน่าพิศวงมากกว่าเดิมเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่นางเห็นสาวกที่เป็นผู้ชายพวกนั้นมีท่าเดินที่แปลกประหลาดมากซึ่งมีความคล้ายคลึงกับขันทีในตำหนักของนาง!
ตาเฒ่าหัวงูนั่น คงไม่ใช่เพราะตัวเองถูกจับตอนถึงได้จับสาวกผู้ชายเหล่านี้ไปตอนด้วยกระมัง! เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อความคิดน่ากลัวนี้ผุดขึ้นมาในหัว
“เหตุใดผู้คนที่นี่ถึงได้มีท่าทางแปลกๆ กันหมด” กงเสวี่ยฮวาก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดจึงกระซิบถามเจียงหลีเสียงต่ำ ที่ถามนาง เพราะถึงอย่างไรนางก็เคยเป็นธิดาสวรรค์แห่งสำนักพรตเสวียนหมิงมาก่อนจะต้องรู้เรื่องราวภายในแน่นอน
แต่ทว่าเจียงหลีจะบอกสิ่งที่ตนเองคาดเดาให้เขาฟังได้เยี่ยงไร จึงทำได้เพียงเงียบนิ่ง
พวกเขาถูกพามาถึงพระวิหารหลักเจียงหลีก็ได้ยินเสียงป้ายหยกห้อยดังมา นางช้อนสายตาขึ้นมาก็เห็นคนในอาภรณ์สีขาวของพระราชวังกำลังเดินใกล้เข้ามาอย่างสง่างาม
คนแรกทำให้แววตาของนางวูบไหวเล็กน้อยเล็กน้อยก่อนจะสงบลงอีกครั้งก็คือ…
ชิงหว่าน
ไม่เจอกันตั้งนาน ดูเหมือนชิงหว่านจะแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว ความไร้เดียงสาในอดีตได้จางหายไป สีหน้าของนางในตอนนี้ช่างราวกับธิดาสวรรค์ผู้สูงส่งจริงๆ
“นายน้อยแห่งวังเทียนอู่กงเสด็จมาเยือน สำนักพรตเสวียนหมิงให้การต้อนรับอย่างมิสมเกียรติ ได้โปรดอย่าถือสาเลยเพคะ” ชิงหว่านแย้มยิ้มให้กับกงเสวี่ยฮวา ทั้งยังจำไม่ได้ว่านายน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้านางก็คือชายหนุ่มสกปรกมอมแมมที่เคยเจอกันในถ้ำสวรรค์เมื่อคราวก่อน
ในเมื่อชิงหว่านจำเขาไม่ได้ แน่นอนว่ากงเสวี่ยฮวาก็ไม่เป็นฝ่ายเปิดเผยตัวตนก่อนเช่นกัน
เขายังทำความเคารพเล็กน้อยและกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ข้าก็เดินทางพเนจรมาที่นี่เช่นกัน ผ่านประตูภูเขาก็เลยถือโอกาสขึ้นมาเยี่ยมเยียน ท่านผู้นี้คือ”
“นี่คือธิดาสวรรค์ของสำนักของข้า” ชิงหว่านมิได้เป็นผู้ตอบคำถาม แต่เป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนางเป็นคนเอ่ยตอบแทน
กงเสวี่ยนฮวาฉีกยิ้ม “ที่แท้ท่านก็คือธิดาสวรรค์นี่เอง ข้าเสียมารยาทแล้ว”
“นายน้อยมิต้องเกรงใจ เชิญนั่งสิ” ชิงหว่านประพฤติตัวเหมาะสมราวกับเป็นประมุขหญิงแห่งสำนักพรตเสวียนหมิงเสียจริง ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นในตอนแรกหายไปไหนแล้ว
กงเสวี่ยฮวาเข้าไปนั่งอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนเจียงหลีและมู่ชิงเหยียนยืนอยู่ข้างหลังเขาทำหน้าที่เป็นสาวใช้
ชิงหว่านช้อนสายตาเหลือบมองพวกนาง นางเพียงแค่กวาดสายตาผ่านเจียงหลีที่หน้าตาดูธรรมดาจืดชืด แต่เมื่อนางมองไปที่มู่ชิงเหยียน นางกลับสะกดสายตาอยู่นานนับหนึ่งถึงร้อยได้หลายเที่ยว “สองท่านนี้คือ”
“ท่านแม่เกรงว่าข้ายามออกไปข้างนอกแล้วจะดูแลตัวเองไม่ได้จึงยัดพวกนางสองคนให้ข้าก่อนออกเดินทาง” กงเสวี่ยฮวาโป้ปดคำโตโดยที่ไม่กะพริบตาเลยสักนิด แม้กระทั่งเจียงหลีก็เกือบคิดว่าเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว
“อย่างนี้นี่เอง” ชิงหว่านยิ้มให้เล็กน้อย
บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เพราะระหว่างนางกับกงเสวี่ยฮวาไม่มีอะไรคุยกันจริงๆ ชิงหว่านไม่รู้จุดประสงค์การมาที่นี่ของกงเสวี่ยฮวา แต่ทว่ากงเสวี่ยฮวาก็อยากเจอบุคคลที่มีอำนาจมากกว่านี้
“ในเมื่อนายน้อยมาถึงสำนักพรตเสวียนหมิงของข้าแล้ว ท่านน่าจะอยู่ต่อหลายวัน คืนนี้พวกเราจะเตรียมงานเลี้ยงเพื่อเป็นการต้อนรับที่นายน้อยเดินทางมาเยือน” ชิงหว่านเป็นผู้ทำลายความเงียบ
กงเสวี่ยฮวาสบโอกาสเอ่ยถาม “รบกวนพวกท่านแล้ว แต่ว่าทำไมถึงไม่พบประมุขสำนักเลยล่ะ ข้าก็อยากขอบคุณท่านประมุขด้วยตนเองสักครั้ง”
เมื่อเอ่ยถึงประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง เจียงหลีก็สังเกตเห็นร่องรอยของความรังเกียจแวบผ่านดวงตาของชิงหว่านและแม้แต่น้ำเสียงของนางก็มีความเย็นเยียบขึ้นมา “ท่านประมุขมีธุระ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก งานเลี้ยงค่ำคืนนี้นายน้อยก็จะได้เจอท่านเอง”