ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 74 เชือดเจ้าให้ตายเยี่ยงสุนัข
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการหลีกเลี่ยง ทำไมกงเสวี่ยฮวาถึงจะมองไม่ออก แต่เขาก็ไม่คิดจะทำลายมันพร้อมทั้งยอมรับไปตามข้อเสนอ
หลังจากพูดคุยกันได้ไม่นาน ชิงหว่านก็ให้คนพาทั้งสามไปยังที่พักชั่วคราว
เมื่อเข้ามายังจวนรับรองแล้ว กงเสวี่ยฮวาจึงอดพูดไม่ได้ “ทำไมข้ารู้สึกว่าชิงหว่านช่างแตกต่างไปจากเดิม ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นในสำนักพรตเสวียนหมิงของพวกเจ้า”
มู่ชิงเหยียนไม่ทราบถึงสถานการณ์ในตอนนั้นจึงหันไปมองเจียงหลีด้วยความสงสัยเช่นกัน
เจียงหลียิ้มอ่อน “เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจริงๆ แต่การหายตัวไปของข้าคงจะเป็นเรื่องดีสำหรับนาง หลังจากนั้นนางผ่านอะไรมาบ้างข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“มิสู้เจ้าแอบไปพบนางเป็นการส่วนตัว ด้วยความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเจ้าในตอนนั้น นางคงไม่ปิดบังเจ้าหรอกกระมัง” กงเสวี่ยฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาอยากให้เจียงหลีไปสืบข่าวจากชิงหว่าน
เจียงหลีส่ายหน้าช้าๆ
ถ้ากงเสวี่ยฮวาเสนอความเห็นเช่นนี้เมื่อก่อนหน้า นางอาจจะพิจารณาดูสักตั้งสองตั้ง แต่ทว่าวันนี้นางเจอชิงหว่านอีกครั้ง นางกลับคิดว่าวิธีนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
“เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไร” กงเสวี่ยฮวาผายมือ
ความจริงที่ซุกซ่อนเอาไว้กำลังคืบคลานเข้ามา แต่จะสืบข่าวเรื่องห้าคนนั้นได้อย่างไร กงเสวี่ยฮวามิอยากอยู่ท่ามกลางความแปลกประหลาดในสำนักพรตเสวียนหมิงนี้นานเท่าไหร่นัก
เจียงหลีนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบทั้งสองคน “ข้าจะแอบออกไปข้างนอกเงียบๆ เพื่อสืบข่าว พวกเจ้าทั้งสองรออยู่ที่นี่”
“นี่จะทำได้อย่างไร เจ้าไปคนเดียวมันอันตราย” กงเสวี่ยฮวาส่ายหน้าคัดค้าน
แววตาของมู่ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วยเช่นกัน
เจียงหลีกล่าว “ข้าคุ้นเคยกับที่แห่งนี้มากกว่าพวกเจ้า รู้ว่าพวกมันขังคนไว้ที่ไหน ตำหนักของประมุขสำนักอยู่แห่งใดพวกเจ้ารู้หรือ”
ทั้งสองส่ายหน้าทันที
“วางใจเถอะ ข้าไม่เพ่นพ่านหรอก” เจียงหลีรับประกันก่อนจะออกจากจวนที่พักไป
เพลานี้นางเป็นห่วงพวกเจียงเฮ่ามาก เมื่อทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้วนางจึงตัดสินใจไปยังสถานที่กักกันนักโทษของสำนักพรตเสวียนหมิงก่อน
เจียงหลีหลบหลีกผู้คุ้มกันเข้ามาในคุกได้อย่างง่ายดายด้วยความคุ้นทาง แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงดุด่าทุบตีดังลอดออกมา
“ไอ้สารเลว ฆ่าข้าสิ มาสิ มาเลย!”
ลู่เสวียน!
เจียงหลีหรี่ตา ยืนยันว่านี่คือเสียงของลู่เสวียน แม้จะไม่ได้ยินมาหลายปี แต่น้ำเสียงอันแสนคุ้นเคยเยี่ยงนี้ทำให้นางรู้สึกอุ่นวาบในใจ
เป็นพวกเขาจริงๆ ด้วย เงาร่างของเจียงหลีกะพริบไหวหายเข้าไปในคุก
นางคล่องแคล่วว่องไวสามารถปลิดชีวิตทหารยามข้างนอกได้โดยที่พวกเข้าไม่ทันตั้งตัว เมื่อตรงเข้ามายังข้างในก็เห็นภาพของพวกเจียงเฮ่าทั้งสี่คนโดนจับมัดและถูกทุบตี
สมควรตาย!
ความโกรธพุ่งออกมาจากหัวใจ แววตาของเจียงหลีสั่นไหว แส้ยาววาบออกมาจากมือของนางพร้อมทั้งเกี่ยวกระหวัดลำคอของพวกสาวกสำนักพรตเสวียนหมิงเหล่านั้นแล้วเหวี่ยงออกอย่างแรง
ไม่มีเวลาตั้งตัว คนพวกนั้นถูกฆ่าตายทันทีในที่เกิดเหตุ
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหญิงสาวทำให้ลู่เสวียนที่ร่างกายโชกไปด้วยเลือดตกตะลึง
เจียงหลีกลับคืนสู่รูปร่างหน้าตาของตนดั่งเดิมแล้วเอ่ยขึ้นกับทั้งสี่คน “ข้าเอง”
“เจียงหลี!”
“อาหลี!”
“ซ้อเล็ก!”
“เจียงหลี!”
หนานอู๋เฮิ่น เจียงเฮ่า ลู่เสวียนและเฟิงสิงอวิ๋นตะโกนเรียกพร้อมกัน ความตื่นเต้นในสายตาของทั้งสี่นั้นเกินคำบรรยาย
“อย่าส่งเสียงไป ให้ข้าปล่อยพวกท่านลงมาก่อน” เจียงหลีไขโซ่ออกจากตัวพวกเขาพร้อมทั้งใช้พลังของนกอมตะรักษาบาดแผลให้พวกเขาแล้วเอ่ยถาม “พวกท่านถูกจับมาได้เยี่ยงไร”
“เพราะสำนักพรตเสวียนหมิงที่สมควรตายนี่ แล้วก็ไอ้ประมุขวิปริตนั่น!” ลู่เสวียนด่าด้วยความโมโหก่อนถึงจะเอ่ยขึ้น “พวกมันจับตัวชิ่งชิ่งไป พวกข้าตามไปแต่กลับถูกพวกมันวางยาสลบ ตอนที่พวกข้าฟื้นขึ้นมาก็ถูกจับขังในนี้แล้ว”
“ชั่วช้าสามานย์ไร้ยางอายจริงๆ!” เฟิงสิงอวิ๋นก่นด่าเช่นกัน
มิได้พ่ายแพ้จากการต่อสู้แต่กลับถูกวางยางสลบ เรื่องเช่นนี้ทำให้พวกเขาเจ็บใจยิ่งนัก
เจียงหลียังไม่รามือ นางเอ่ยถามต่อ “แล้วเหวินเหรินชิ่งชิ่งล่ะ”
“หลังจากที่พวกข้าถูกจับมาก็ไม่เจอนางแล้ว แต่หลังคุกนี้ดูเหมือนจะมีเสียงร้องไห้ของสตรีไม่น้อย” เจียงเฮ่ารีบบอก
เจียงหลีทำการรักษาให้หนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นก่อนจะรักษาให้เจียงเฮ่าและลู่เสวียนตามลำดับ
ในขณะที่กำลังรักษาเจียงเฮ่าและลู่เสวียนอยู่นั้น นางหันไปพูดกับหนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋น “ท่านอาจารย์หนาน ท่านอาจารย์เฟิงเจ้าคะ รบกวนพวกท่านทั้งสองไปดูข้างหลังให้หน่อยว่าชิ่งชิ่งอยู่ที่นั่นหรือไม่”
อาการบาดเจ็บของหนานอู๋เอิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นดีขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกเขาต่างฝึกฝนอยู่ในระดับของหลิงจงขั้นเก้า เรื่องแค่นี้แน่นอนว่าไม่ยาก
หลังจากที่ทั้งสองไปด้านหลังได้ไม่นานก็กลับมาด้วยสีหน้าย่ำแย่
เจียงหลีรักษาเจียงเฮ่าและลู่เสวียนเสร็จเรียบร้อยพอดี เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองจึงเอ่ยถาม “ไม่อยู่หรือ”
ลู่เสวียนเผยสีหน้าร้อนรนแล้วรีบจี้ถาม “ท่านอาจารย์หนาน ท่านอาจารย์เฟิง ชิ่งชิ่งล่ะขอรับ”
“ข้าถามแม่นางที่อยู่ในนั้น นางบอกว่าผู้หญิงที่คลับคล้ายคลับคลาชิ่งชิ่งพึ่งถูกพาตัวออกไปเมื่อไม่นานนี้ ทั้งยังบอกอีกว่านางต้องไปปรนนิบัติประมุขสำนัก” หนานอู๋เฮิ่นเผยสีหน้าเย็นเยียบ
“ท่านว่าอย่างไรนะ” เมื่อได้ยินประโยคนั้น ลู่เสวียนก็กระโดดลุกขึ้นมาพรวดพราด
เจียงหลีหันตัววิ่งออกไปทันที “ข้าจะไปตามหานาง”
“อาหลี ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เจียงเฮ่าตามนางออกไป
เจียงหลีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง พี่ชายของนางคนนี้มีร่างกายไม่เหมือนใคร ในเมื่อฝึกมาถึงหลิงจงระดับเก้าแล้ว ทั้งยังมีฐานการฝึกที่สูงกว่าหนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นอีก
ดังนั้นนางจึงพยักหน้า
“ข้าก็จะไป!” ลู่เสวียนต้องการตามไปด้วย แต่กลับถูกเจียงหลียกมือห้ามเอาไว้ “ไปกันทำไมเยอะแยะ รนหาที่ตายหรือไร”
“ข้า!” ลู่เสวียนมองเจียงหลีด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
ความกังวลและร้อนใจในแววตาของเขาทำให้เจียงหลีถึงกับทอดถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความใจอ่อน “หากเจ้าจะตามไป เจ้าก็ต้องฟังคำสั่งข้าทุกอย่าง”
เมื่อกล่าวจบ นางก็บอกตำแหน่งของกงเสวี่ยฮวาให้กับหนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นเพื่อให้ทั้งสองล่วงหน้าไปรวมตัวกับพวกเขาก่อน จากนั้นค่อยคิดหาหนทางทำให้สำนักพรตเสวียนหมิงเกิดความวุ่นวาย
สำหรับมู่ชิงเหยียนนางไม่ได้เอ่ยถึง เพราะไม่อยากให้รบกวนใจเจียงเฮ่าในยามนี้
ทั้งห้าคนแบ่งเป็นสองกลุ่มและแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว
เจียงหลีเคยเข้าไปยังห้องนอนของประมุขสำนักจึงคุ้นเคยเส้นทางนี้เป็นอย่างดี ใช้พลังจิตเบิกทางทั้งสามคนจึงหลีกเลี่ยงสาวกตามถนนได้อย่างง่ายดาย แล้วเข้าใกล้ตำหนักของคนที่มีตำแหน่งสูงสุดเข้ามาเรื่อยๆ
เพลานี้ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงเผยสีหน้าน่ากลัวภายในตำหนัก เยื่องกรายเข้าไปหาเหวินเหรินชิ่งชิ่งทีละก้าวๆ
“เจ้าอย่าเข้ามานะ ข้าเป็นถึงสาวกของกลุ่มอำนาจฮวงเสิน หากเจ้ากล้าแตะต้องตัวข้า ฮวงเสินจะต้องฆ่าเจ้าตายแน่ๆ” มือของเหวินเหรินชิ่งชิ่งถูกมัดทั้งสองข้าง พลังการฝึกฝนถูกปิดผนึก จึงทำได้เพียงหดตัวถอยหนีไปข้างหลังให้ห่างจากคนผู้นี้
ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงเปลือยท่อนบน สวมเพียงเสื้อคลุมและกางเกงขายาวหลวมๆ และเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่าของเขา เขาเพิกเฉยต่อคำขู่เตือนของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง จากนั้นจึงถามว่า “ได้ยินว่าพวกเจ้ากำลังตามหาคน คนที่ตามหาชื่อเจียงหลีใช่หรือไม่”
เหวินเหรินชิ่งชิ่งตื่นตระหนกในใจ แล้วตะลีตะลานพูดขึ้น “นางเคยอยู่ที่นี่!”
“ฉลาดจริงๆ แต่พวกเจ้ามาสายไปเสียแล้ว นางตายไปแล้ว” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย
เจียงหลีตายแล้วอย่างนั้นหรือ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตอย่างยากที่จะเชื่อ
“ใครบอกว่าข้าตายไปแล้ว!” เมื่อสิ้นเสียงคำนี้ก็มีคนถีบประตูใหญ่ที่ปิดแน่นสนิทให้เปิดออก นึกอยากขอบคุณงานอดิเรกของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงเสียจริง ตอนทำเรื่องอะไรต่อมิอะไรไม่ชอบให้มีคนมายืนเฝ้าประตู มิฉะนั้นพวกนางคงต้องเปลืองแรงตอนเข้ามาแน่ๆ
“เจียงหลี!”
เมื่อได้ยินสุรเสียงนี้ เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ใจชื้นขึ้นมา
ประมุขสำนักพรตหันขวับไปมองนางปีศาจที่ก้าวข้ามธรณีประตูตำหนักเข้ามา ดวงตาฉายแววอาฆาตแค้น “เจ้ายังไม่ตาย!”
เจียงหลียกยิ้มเย็นมุมปาก “ข้าจะเชือดเจ้าให้ตายเยี่ยงสุนัข วันนี้ข้าจะเอาชีวิตสุนัขของเจ้า!”