ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 79 ล้วนเป็นเจ้าที่ทำร้ายข้า
เจียงหลีในตอนนี้หมดแรงและปวดเมื่อยไปหมด วิญญาณยุทธ์ก็ไร้ซึ่งพลังวิญญาณสนับสนุน และการเพิกถอนเนตรญาณก็พลันหายไป มิต้องเอ่ยถึงการต่อสู้ แม้กระทั่งยกมือขึ้นนางยังต้องพยายามออกแรงอย่างหนัก
นี่คือการต่อสู้ที่สูบพลังมากที่สุดตั้งแต่นางมาเกิดใหม่
หลิงหวังทั้งสองได้สูบพลังวิญญาณของนางไปหมดแล้ว และแม้แต่พลังจิตของนางก็ยังว่างเปล่า
ขณะนั้นเองก็ได้มีแสงสว่างอันเยือกเย็นปรากฏขึ้นด้านหลังของนาง นางรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าและมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นแสงเย็นเฉียบกำลังจะส่องทะลุแผ่นหลังของนางด้วยรัศมีอันเฉียบคม จู่ๆ ก็มีประกายวาววับออกมาจากด้านหลังของนางพร้อมอุ้งเท้าเนื้อสีชมพูนุ่มๆ แตะลงไปบนแสงเย็นนั้น
ตึงตัง!
เสียงของโลหะที่ตกลงสู่พื้นดังขึ้น และดาบสั้นที่กำลังลอบโจมตีเจียงหลีก็ถูกปัดไปด้านข้าง
เจียงหลีถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะแอบพูดในใจ หลิวหลีไว้ใจได้จริงๆ ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวที่นางเหลือไว้สามารถเปิดกระเป๋าวิเศษได้เท่านั้น
โชคดีที่หลิวหลีตื่นแล้ว
แสงสีขาวและสีเงินพุ่งไปข้างหน้าและมีเจตนาฆ่าเย็นเฉียบในดวงตาเคลือบใสแวววาว
“อ๊ะ!” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้เจียงหลีหรี่ตาลง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างไม่เต็มใจและตะโกนว่า “หลิวหลี”
เจ้าเปี๊ยกที่กำลังโจมตีต่อไปหยุดกะทันหันหลังจากได้ยินคำเรียกนี้ มันยืนอยู่ต่อหน้าเจียงหลีโดยหันหลังให้กับนาง และสายตาเฉียบคมจ้องไปที่คนตรงหน้า
เจียงหลีหันข้างและนั่งลงในท่าที่สบายมากขึ้นโดยยังคงถือผลึกหินวิญญาณไว้ในมือของนางอย่างแน่นหนา และดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่ในนั้นอย่างรวดเร็ว นางพิงซากเสาหินหักพัง แสดงท่าทางเกียจคร้านมองคนที่ลอบโจมตีนางด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะ ชิงหว่าน”
คนที่ต้องการฆ่านางคือชิงหว่านเองน่ะหรือ
คิดไม่ถึงจริงๆ!
ในรอยยิ้มของเจียงหลีดูไม่ออกว่ายินดีหรือยินร้าย ระหว่างนางกับชิงหว่านไม่ได้เรียกว่าเป็นสหาย ก่อนหน้านี้ที่เคยยื่นมือช่วยเหลือนาง ประการแรกนางไม่ได้สนใจในตำแหน่งธิดาสวรรค์นี้ ประการที่สองนางหมั่นไส้ซู่ซิน ประการที่สามนางช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน
ดังนั้นที่ชิงหว่านต้องการฆ่านาง เจียงหลีจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือโกรธที่ถูกหักหลัง
เพราะนางไม่เคยสนใจคนผู้นี้ตั้งแต่แรก เช่นนั้นพฤติกรรมของนางจะทำให้อารมณ์ตัวเองแปรปรวนได้อย่างไร
“ทำไมเจ้าถึงไม่ตาย” ชิงหว่านกุมข้อมือข้างที่ถูกเจ้าเปี๊ยกข่วนจนบาดเจ็บมีเลือดไหลอาบแดงไปทั่วทั้งมือของนาง
นางมองเข้าไปในแววตาของเจียงหลีอย่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
แค้นหรือ
ฉะนั้นเจียงหลีก็ไม่รู้ด้วยแล้วล่ะ นางถามตัวเองก็ไม่มีตรงไหนที่ทำให้ชิงหว่านขุ่นข้องหมองใจ
เจียงหลีหัวเราะขึ้นกวักมือเรียกเจ้าเปี๊ยก “หลิวหลี มานี่มา”
ชิงหว่านเหลือบมองด้วยความหวาดกลัว เจ้าสัตว์ตัวเป็นขนหน้าโง่นี่นางไม่ลืม ตอนที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ เจ้าเดรัจฉานน้อยที่ดูไม่มีพิษมีภัยตัวนี้กลับมีความน่ากลัวบางอย่าง
เจ้าเปี๊ยกปีนเข้าไปในอ้อมแขนของเจียงหลีอย่างเงียบๆ และยังไม่เก็บซ่อนเจตนาสังหารในแววตาของมันทั้งยังจ้องไปที่ชิงหว่านตาเขม็ง
การต่อสู้ระหว่างมหาปุโรหิตและเจียงเฮ่ารุนแรงยิ่งขึ้น ไม่มีทีท่าจะตัดสินเรื่องนี้ได้ในขณะนี้ และแม้แต่ มหาปุโรหิตก็ไม่สามารถไปช่วยเหลือประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงที่ตายไปแล้วได้
ดังนั้นชิงหว่านจึงกล้าสบโอกาสนี้หมายมั่นเอาชีวิตของเจียงหลีในขณะที่ร่างกายกำลังอ่อนแอ
เจียงหลีมองนางด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ในเมื่อรู้จักกันดีอยู่แล้ว ทำไมเจ้าจึงอยากให้ข้าตายล่ะ”
“เจ้าตายแล้ว ข้าก็จะได้ไม่แค้นเจ้าอีกอย่างไรเล่า!” น้ำเสียงของชิงหว่านช่างเฉียบคม
“เจ้าแค้นข้าเรื่องอะไร” เจียงหลีเลิกคิ้วด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
เมื่อชิงหว่านเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็รู้สึกโกรธมากขึ้น ความเกลียดชังและความเจ็บปวดอย่างรุนแรงสะท้อนให้เห็นในดวงตาของนาง จากนั้นนางจึงตะคอกใส่เจียงหลี “เจ้ารู้ไหมหลังจากที่เจ้าหนีไป ข้าต้องเจออะไรบ้าง”
เจียงหลีไม่เอ่ยสิ่งใดและยังคงมีสีหน้าไร้เดียงสา
ชิงหว่านกล่าวด้วยความคับแค้น “เมื่อข้ากลับมารายงานประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงว่าเจ้าตายแล้ว ในคืนนั้น…ในคืนนั้นเขา..เขาทำให้ข้าต้องมีมลทินมัวหมอง!”
ดวงตาของเจียงหลีตะลึงค้าง สร้างรอยมลทินหรือ เป็นได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่านางตอนไอ้จ้อนเขาไปแล้วนี่นา
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางช่วยเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็เพียงแค่กังวลว่าประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงจะวิปริตกว่าเดิมแล้วหาวิธีมาทรมานเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
“เจ้ารู้ไหมว่าตอนนั้นข้าทรมานขมขื่นมากแค่ไหน ข้าร้องขอชีวิตแทบตาย แต่เขากลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หลังจากที่เขาย่ำยีข้าจนเกือบตาย เจ้ารู้ไหมเขาให้ข้าดูสิ่งใด…” จู่ๆ ชิงหว่านก็หัวเราะขึ้นมา
เจียงหลีขมวดคิ้ว
ชิ่งหว่านหัวเราะทั้งน้ำตา “ข้ามองเห็นเลือดมากมาย เลือดเต็มไปหมด เขาร้องตะโกนอย่างเจ็บปวด แล้วฆ่าคนไปทั่ว ไอ้นั่นของเขาขาดรุ่งริ่งหล่นลงพื้น จากนั้นข้าเห็นเขาสั่งให้ลูกศิษย์จับผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ให้มหาปุโรหิตตัดสิ่งนั้นของเอามาต่อเข้ากับร่างกายของตนเอง”
ในขณะที่ชิงหว่านกำลังพูด ดวงตาของนางก็เผยให้เห็นแววความหวาดกลัว และเรื่องสะเทือนขวัญในคืนนั้นก็ส่งผลกระทบต่อนางเป็นอย่างมาก
จู่ๆ นางก็หันมาทางเจียงหลีสายตาก็พลันเปลี่ยนเป็นเฉียบคม “เขาให้ข้าเห็นหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วบอกกับข้าว่าทุกอย่างต้องให้เจ้าชดใช้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าข้าก็คงไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดทรมานแบบนี้ เขาก็จะไม่ทำแบบนี้กับพวกลูกศิษย์ เพราะเจ้า ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของเจ้า คนที่เขาหมายตาคือเจ้าต่างหาก หากเจ้าเชื่อฟังและคล้อยตามเขาตั้งแต่แรกก็ดี ทำไมเจ้าต้องหนีไปแล้วให้ข้าต้องรับเคราะห์แทนเจ้าทุกอย่างด้วย”
ตรรกะนี้ทำให้เจียงหลีนึกขัน
เดิมทีนางรู้สึกโกรธในการกระทำทั้งหมดของประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง แต่ทว่าตอนนี้กลับมีเพียงเสียงหัวเราะเยาะในใจของนาง
“ข้าควรเป็นธิดาสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีคนเคารพบูชาตั้งแต่แรก แต่เพราะเจ้าข้ากลับกลายเป็นสตรีที่สกปรกที่สุดในโลก น่าเสียดายตอนที่พวกมันตามล่าเจ้าข้ายังช่วยถ่วงเวลาให้เจ้าหนีไปได้ เมื่อเห็นว่าเจ้าทำลายยันต์ธาราทมิฬไปได้ ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วจริงๆ ข้ายังนึกเสียใจมาตลอดทาง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ากลับทำร้ายข้าจนกลายเป็นเช่นนี้!” ชิงหว่านตวาดลั่นด้วยความโกรธา
“พอแล้ว” เจียงหลีก้มหน้าลงอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
นางก็ไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไร อดทนฟังเสียงก่นด่าของชิงหว่านโดยไม่โต้กลับ นางเงยหน้ามองชิงหว่านด้วยสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก “เจ้าอ่อนแอเองต่างหาก ไม่รู้จักสู้กลับบ้างแล้วเอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ข้าอย่างนั้นหรือ คนที่มีจิตใจหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี หากอยากเกลียดแค้นก็ควรไปแค้นไอ้สารเลวเสวียนหมิงนู่น แต่เจ้ากลับแค้นข้าหรือ เมื่อเทียบกับความอำมหิตที่ไอ้แก่สำนักพรตเสวียนหมิงมอบให้เจ้ากับสิ่งที่ข้าพูด รับมือได้ง่ายกว่าใช่หรือไม่ ฆ่าข้าแล้วจะสามารถปกปิดความอ่อนแอในใจเจ้าได้หรือ”
“เจ้า” ชิงหว่านหน้าซีดเผือด มองเจียงหลีด้วยสีหน้าเจ็บปวด
เจียงหลียิ้มเย็นยะเยือกและส่ายหน้า “คนอย่างเจ้าคงมีชีวิตอยู่แค่ในความฝัน ในความเป็นจริง ความพ่ายแพ้เล็กน้อยก็สามารถทำให้เจ้าแตกสลายได้ ในเรื่องเดียวกันเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาให้ข้าแบกรับทุกอย่าง ต่อต้านก็คือการทำผิดอย่างนั้นหรือ แต่สิ่งที่เจ้าได้รับเป็นสิ่งไม่สมควร ความไม่ยุติธรรม แล้วหาคนมารับแทนอย่างนั้นหรือ”
“เพราะเป้าหมายของเขาตั้งแต่แรกก็คือเจ้า เป็นเจ้า!” ชิงหว่านตวาดลั่น
“ดังนั้นเจ้าก็เลยแก้แค้นข้า ที่ข้าหนีไปก็เลยเป็นความผิดของข้างั้นสินะ” ทันใดนั้นน้ำเสียงของเจียงหลีก็พลันเฉียบคม มาพูดไร้สาระอยู่กับชิงหว่านนานขนาดนี้ พลังวิญญาณของนางยังไม่ฟื้นตัว มิฉะนั้นนางคงถูกฆ่าตายไปแล้ว จะมัวมาพูดพร่ำมากมายขนาดนี้หรือ
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าถ้าอุดมการณ์ต่างกัน ก็อย่าได้มาข้องแวะกันดีกว่า
นางกับชิ่งหว่านไม่ใช่คนร่วมอุดมการณ์ ทำไมจะต้องพูดให้มากความด้วยเล่า