ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 8 สำนักพรตเสวียนหมิงสุดยอดมาก
“ศิษย์พี่จะปล่อยนางไปเช่นนี้หรือ” สตรีนางหนึ่งที่ไม่ถูกชะตาเจียงหลีถือโอกาสประชิดขึ้นมายุแยง
หันอวี้กลับไม่ใส่ใจ “หากที่นางพูดเป็นเรื่องจริง นางก็อาจจะเป็นคนที่พวกเราต้องการตามหาก็ได้ ท่าทีเช่นนี้ของนางก็พอให้อภัยได้”
“แต่ว่า”
สตรีนางนั้นยังอยากพูดอะไรต่อแต่หันอวี้กลับยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน เขาหันกลับไปหาคนสิบกว่าคนด้านหลังแล้วเก็บซ่อนรอยยิ้ม ในสายตาที่อ่อนน้อมถ่อมตนและสุภาพแต่เดิมนั้นมีความเย็นชาและเย่อหยิ่งอยู่หลายส่วน “คืนนี้ไม่ต้องนอน แยกย้ายไปสำรวจทุกที่บนเกาะนี้ให้ทั่ว ดูสิว่ายังมีคนอื่นอยู่อีกหรือไม่ เรื่องตามหาธิดาสวรรค์เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญยิ่ง อย่าให้ข้าต้องพูดมาก หากใครอู้ไม่สำรวจเกาะให้ชัดเจนหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ให้รับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
“ขอรับศิษย์พี่!”
ทั้งสิบกว่าคนตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไปเถอะ” หันอวี้โบกมือ ทั้งสิบกว่าคนจึงแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ ของเกาะน้อยแห่งนี้
เพียงแต่แม่นางทั้งสองยังคงคุ้มกันข้างกายหันอวี้ไม่ไปไหน
หันอวี้มองไปที่พวกนางก่อนจะกระตุกคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ามัวอึ้งอะไร ออกไปตามหาสิ”
“ศิษย์พี่ ให้ข้าอยู่เฝ้าท่านไม่ดีกว่าหรือ” สตรีนางหนึ่งในนั้นโน้มตัวอ่อนไร้กระดูกเข้ามาอิงแอบหันอวี้
ส่วนสตรีอีกนางก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันและครอบครองกายอีกข้างหนึ่งของเขาก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ศิษย์พี่ แค่พวกเขาไปตามหาก็พอแล้ว พวกเราเดินทางอย่างเร่งรีบต่างก็ลำบากมากแล้ว มิสู้ให้ข้าช่วยท่านผ่อนคลายดีหรือไม่”
เจตนาแอบแฝงของแม่นางทั้งสองชัดเจนเยี่ยงนี้ ทำไมหันอวี้จะไม่รู้
เขาเองก็ไม่ได้ขัดข้องจึงยกแขนทั้งสองข้างโอบหญิงสาวทั้งสองเอาไว้ สีหน้าของเขาไม่ได้ดูสุภาพอ่อนน้อมเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าเจียงหลี เขากวาดตาสำรวจหญิงสาวทั้งสองด้วยสายตาหื่นกระหาย มือของเขาลูบไล้ร่างกายของพวกนางอย่างอยู่ไม่สุข “เช่นนั้น พวกเจ้าปรนนิบัติข้าให้ดีๆ ก็แล้วกัน”
จริงอยู่ที่พวกนางทั้งสองเป็นศิษย์น้องของเขาแต่ก็เป็นคู่นอนของเขาเช่นกัน เรื่องนี้ในสำนักพรตเสวียนหมิง ใครๆ ต่างก็รู้ดีส่วนเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่เหมาะสมอะไร
หันอวี้ที่โอบสองสาวขึ้นเรือไปโดยไม่รู้เลยว่าในป่าที่ห่างออกไป เจียงหลีที่ออกไปตั้งนานแล้วกลับแสยะยิ้มเย็นชาแล้วหันหลังจากไป
“ดูเหมือนพวกเขามาเพื่อใครบางคน” เจียงหลีเดินไปที่ถ้ำแล้วครุ่นคิดในใจ ไม่สนว่าพวกเขากำลังตามหาใคร แล้วไม่สนว่าพวกเราจะเป็นใครมาจากไหนก็ต้องรีบขึ้นเรือออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ซี๊ด!
ทันใดนั้นความปวดแปลบก็แล่นมาที่ฝ่ามือได้ขัดจังหวะความคิดของเจียงหลี นางก้มหน้ามองเจ้าเปี๊ยกในอ้อมกอดก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “ข้ายังไม่ได้ว่าเจ้าสักหน่อย! เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไร เจ้าจะกัดมือข้าให้ขาดเลยรึไงฮะ!”
เดรัจฉานน้อยกลับจ้องนางอย่างเย็นชา มันบดเบียดเข้าไปในอ้อมกอดของนางโดยไม่ส่งเสียงร้องแล้วถูไถไปที่หน้าอกของนางอย่างรุนแรง
หึ! เขาจะลงโทษนาง!
“…” เจียงหลีชะงักค้าง จนนางได้สติกลับคืนมาจึงตบหน้าผากเจ้าก้อนขนดังฉาด “เจ้าเดรัจฉานนี่ กล้าลวนลามข้ารึ!”
เช้าวันที่สอง หลังจากที่เจียงหลีตื่นขึ้นมาก็ไปที่ชายหาดอีกครั้งเพื่อพบหันอวี้
ไม่รู้เพราะเหตุใดเจียงหลีถึงได้รู้สึกว่าการพบกันอีกครั้ง สายตาของหันอวี้ที่มองนางนอกเหนือจากความประหลาดใจก่อนหน้านี้ยังมีความใกล้ชิดสนิทใจอีกด้วย
“แม่นางเจียง ท่านมาแล้วรึ” เมื่อหันอวี้เห็นเจียงหลีจึงเข้าไปต้อนรับ
“คุณชายหัน” เจียงหลีก็ทักทายกลับไปอย่างมีมารยาทเช่นกัน
แต่ทว่า หันอวี้กลับแก้คำพูดว่า “แม่นางเจียง ต่อไปเรียกข้าว่าหันอวี้เถอะ เรียกคุณชายเช่นนี้ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก”
เจียงหลีเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน
หันอวี้จึงรีบอธิบาย “ไม่ขอปิดบังแม่นางเจียงก็แล้วกัน การมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ครั้งนี้ของสำนักพรตเสวียนหมิงของพวกเราเพราะได้รับการชี้แนะจากท่านมหาปุโรหิตจึงมาที่นี่เพื่อรับธิดาสวรรค์กลับสำนักพรตของข้า”
“ธิดาสวรรค์หรือ” เจียงหลีแอบคาดเดาในใจ พวกเขาคงไม่เอาข้าไปเป็นธิดาสวรรค์อะไรนั่นหรอกกระมัง
“ถูกต้อง! ตามคำแนะนำของมหาปุโรหิต มีเพียงแม่นางเจียงผู้เดียวที่สอดคล้องกับเงื่อนไขทุกประการ และท่านก็คือธิดาสวรรค์องค์ใหม่ของสำนักพรตเสวียนหมิงของเรา”
หลังจากที่หันอวี้พูดจบคนหลายสิบคนก็คุกเข่าลงกับพื้นและตะโกนพร้อมกัน “คารวะธิดาสวรรค์”
แม้กระทั่งแม่นางทั้งสองที่ไม่ถูกชะตาเจียงหลีก็ทำได้เพียงคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อคารวะนางเหมือนคนอื่นอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก
“…” เจียงหลีค่อยๆ เบนสายตาจากพวกเขากลับไปมองหันอวี้…
หันอวี้ก็โค้งคำนับนางเช่นกัน “ธิดาสวรรค์ เชิญขึ้นเรือขอรับ นี่เรากำลังจะกลับสำนักพรตกันแล้ว”
ดวงตาของเจียงหลีประกายวูบไหว
ในที่สุดก็ได้ออกไปสักที!
เจียงหลีพยักหน้าเป็นคำตอบ ขอแค่ได้ออกไปจากที่นี่ก่อน ส่วนเรื่องธิดาสวรรค์อะไรนั่นเอาไว้ค่อยคุยทีหลัง เวลานี้เจียงหลีจะไม่พูดเกี่ยวกับตามหาผิดคนอะไรพรรค์นั้น เพราะเกรงว่าพวกเขาจะทิ้งนางเอาไว้และและไม่ให้นางนั่งเรือออกไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเจียงหลีขึ้นเรือแล้ว นางยังคงต้องยืนยันกับหันอวี้อีกครั้ง “พวกท่านแน่ใจรึ ไม่ผิดคนแน่นะ ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธิดาสวรรค์เลยสักนิด”
“ทุกครั้งที่ธิดาสวรรค์ปรากฏตัวต่างมาจากสวรรค์ชี้นำนาง แต่ก่อนที่ยังไม่ได้รับการตรัสรู้ของประมุข ธิดาสวรรค์จะไม่รู้ที่มาของตนเอง” แต่หันอวี้กลับรู้สึกปกติมาก
“…” เจียงหลีไร้คำพูดตอบโต้
ทำไมนางรู้สึกว่าสำนักพรตเสวียนหมิงนี่เหมือนสำนักพรตมารก็มิปาน
“แล้วพวกท่านคิดว่าเป็นข้าไปอย่างไร” เจียงหลีถามอีก
หันอวี้หัวเราะเบาๆ “เพราะว่าเรือของท่านอับปางจึงมาปรากฏตัวที่นี่แล้วมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยอย่างไรเล่า”
เอ่อ…
เจียงหลีครุ่นคิดแล้วพยักหน้า
“บนเกาะมีเพียงท่านผู้เดียวจริงๆ และท่านก็เป็นสตรีพอดี” หันอวี้อธิบายอีก
นี่ก็ใช่อีก
เจียงหลีพยักหน้าอีกครั้ง
หันอวี้ยิ้มสดใสยิ่งกว่าเดิม “แล้วจะผิดตัวได้อย่างไร ทิศทางที่ชี้นำก็คือเกาะน้อยนั่น ธิดาสวรรค์วางใจเถิด พวกเราไม่ทำผิดพลาดแน่นอนขอรับ”
เมื่อเห็นท่าทางเขามั่นใจในตนเอง เจียงหลีจึงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้อีก
แต่ทว่า นางก็ยังคงถามอย่างสนอกสนใจ “สำนักพรตเสวียนหมิงมีอำนาจอันใดหรือ”
“สำนักพรตเสวียนหมิงของเรามีอิทธิพลและอำนาจที่สุดในทางตอนใต้ของซีฮวง ดินแดนทางตะวันตกนี้ เมื่อถึงที่นั่นแล้วธิดาสวรรค์ก็จะทราบเองขอรับ” หันอวี้พูดเพียงสั้นๆ แต่ก็ได้ใจความ
เจียงหลีก็ไม่ถามให้มากความอีก นางจึงอุ้มเจ้าเดรัจฉานน้อยเข้าไปในห้องโดยสารเรือที่หันอวี้จัดเตรียมเอาไว้ให้
แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะสถานะธิดาสวรรค์หรือไม่ ห้องโดยสารเรือที่หันอวี้จัดเตรียมให้ถึงได้ตกแต่งอย่างหรูหราแทบจะเทียบเท่ากับตำหนักหวงจี๋ในพระราชวังที่นางประทับอยู่
เป็นธรรมดาที่ห้องโดยสารเรือไม่ได้ใหญ่เท่ากับตำหนักของนาง
ลอยลำเหนือทะเลอยู่หลายวัน เจียงหลีไม่ค่อยออกมาจากห้องเท่าใดนัก ทุกมื้ออาหารล้วนเป็นหันอวี้ที่ยกเข้ามา ด้วยท่าทางกระตือรือร้นนั้นทำให้หลายวันมานี้เจ้าเดรัจฉานน้อยบางตัวกระจายไอเย็นไปสู่ภายนอกตลอดเวลา
จึงเป็นผลให้หลายวันมานี้ลู่เจี้ยไม่เข้าฝันเจียงหลีอีกเลย
หลังจากลอยลำอยู่หกวัน เจียงหลีที่เดินออกจากห้องโดยสารก็เห็นโครงร่างของท่าเทียบเรือ ในที่สุดก็ถึงซีฮวงแล้วหรือ
“ธิดาสวรรค์ ท่านมองที่ชายฝั่งสิ แท่นดอกบัวที่มาต้อนรับท่านมาถึงแล้วขอรับ” หันอวี้ยืนข้างนางก่อนจะชี้ไปยังที่ใดสักแห่งบนฝั่ง
เจียงหลีมองตามทิศทางที่เขาชี้นิ้ว จนกระทั่งเห็นมีคนสิบคนสวมอาภรณ์สีขาวกำลังยกแท่นดอกบัวขนาดมหึมาบนบ่าเอาไว้
“ท่านดูสาวกเหล่านั้นสิ พวกเขาต่างรอคอยธิดาสวรรค์” หันอวี้เอ่ยขึ้น
เจียงหลีหันไปมองอีกครั้งก็เห็นคนคุกเข่าทั่วพื้นบนฝั่ง
“พวกเขาล้วนรอคอข้าหรือ” เจียงหลีไม่อยากเชื่อและรู้สึกตกตะลึงกับอำนาจอิทธิพลของสำนักพรตเสวียนหมิง
“ใช่น่ะสิขอรับ สถานะของธิดาสวรรค์ เป็นรองแค่ท่านประมุขและมหาปุโรหิตในสำนัก จะมีคนมารอต้อนรับท่านมากกว่านี้อีกก็เป็นเรื่องสมควรแล้วขอรับ” หันอวี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
สุดยอด! เจียงหลีอุทานในใจด้วยความตะลึง