ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 87 ร่วมมือกันหรือ
หลังจากหญิงสาวแห่งวังเวิ่นฉิงพูดจบ นางได้จ้องมองไปที่กริชในมือของเจียงหลี เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่หม่นหมอง และมองดูนางอย่างน่าสงสาร
เจียงหลียังคงยิ้ม “ยังไงซะเจ้าก็อยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว คิดว่าข้าจะเอากริชนี่ออกไปอย่างนั้นหรือ”
หญิงสาวกะพริบตา แววตาอันน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งปรากฏเด่นชัดมากขึ้น
“แต่ข้าไม่ยอม” รอยยิ้มลึกๆ ปรากฏบนใบหน้าของเจียงหลี และใช้กริชแทงลึกเข้าไปเล็กน้อย
เลือดหนึ่งหยดไหลหยดออกมาจากแก้มของหญิงสาวแห่งวังเวิ่นฉิง
นางเนื้อตัวแข็งทื่อทันที ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “น้องสาว มือต้องนิ่ง”
“ขึ้นอยู่กับว่าคำตอบของเจ้าจะทำให้ข้าพอใจได้หรือไม่” เจียงหลียิ้มแก้มปริ
ขณะที่รอยยิ้มของหญิงสาวแข็งทื่อเล็กน้อย และในที่สุดนางดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าเวลานี้เจียงหลีไม่ใช่คนที่นางจะแตะต้องได้
“อยากถามอะไร ก็ถามมาได้เลย” หญิงสาวยอมจำนน
เจียงหลีถามว่า “ในฐานะที่เจ้าเป็นคนของวังเวิ่นฉิง แต่กลับซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ของหลีหุนจงต้องการทำอะไรกันแน่”
“นี่คือเรื่องของวังเวิ่นฉิงเรา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงอยากรู้ด้วยเล่า” หญิงสาวเอ่ย
เจียงหลีตอบนางด้วยการลงมือใช้กริชกรีดเบาๆ ทันใดนั้น แผลก็ปรากฏขึ้นที่แก้มของหญิงสาว และเลือดก็ไหลหยดออกมาอย่างช้าๆ
ใบหน้าของหญิงสาวของวังเวิ่นฉิงเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันใด
“รอยกรีดนี้ค่อนข้างตื้น หากรักษาเร็ว จะไม่ทิ้งรอยไว้ แต่รอยต่อไป ข้าไม่ใจดีเช่นนี้แน่” เจียงหลีพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหญิงสาวของวังเวิ่นฉิงมองเห็นรอยยิ้มของนาง กลับขนลุกซู่
“ข้ามาที่นี่เพื่อมาสืบหาลูกศิษย์ของวังเวิ่นฉิงที่หายตัวไป” หญิงสาวเก็บสายตาที่อ่อนหวาน แล้วพูดอย่างเย็นชา
“ศิษย์ของวังเวิ่นฉิงหายไปจากที่นี่หรือ” เจียงหลีประหลาดใจเล็กน้อย
เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนก็ต่างรู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน
แต่ทว่า หากสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเป็นความจริง ก็อธิบายได้ว่าเหตุใดนางถึงปรากฏตัวที่นี่
“ลงรายละเอียดหน่อย” เจียงหลีข่มขู่ด้วยกริชในมือ
หญิงสาวคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่น “ช่วงก่อน ลูกศิษย์ของวังเวิ่นฉิงคนหนึ่งเดินทางผ่านเมืองซู่หยาและได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกะทันหัน แต่เมื่อคนของพวกเราไปถึง นางได้หายตัวไปแล้ว เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทางวังเวิ่นฉิงเราต้องสืบหาจนถึงที่สุด”
“เจ้าสามารถมาสืบเรื่องนี้ได้ สถานะของเจ้าในวังเวิ่นฉิงคงไม่ต่ำล่ะสินะ” เจียงหลีถาม
หญิงสาวคนนั้นกลับยิ้มเยาะ “เรื่องนี้ติดประกาศอยู่ในภารกิจของวังเรา ใครๆ ก็รับเรื่องได้”
ใครๆ ก็รับเรื่องได้หรือ
เจียงหลียิ้มในใจ เรื่องนี้หากปล่อยให้ลูกศิษย์ทั่วไปมาสืบหา เกรงว่าจะไม่พบร่องรอยใดๆ และคนต้องหายตัวไปอีกเป็นแน่ ผู้ที่สามารถรับเรื่องนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีฝีมือ แต่ในเมื่อหญิงสาวคนนั้นไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน นางก็ขี้เกียจถามต่อ
“คนในเมืองซู่หยากล้าลงมือกับลูกศิษย์ของวังเวิ่นฉิงหรือ” เจียงหลีพูดขึ้นทันที
หญิงสาวยิ้มเยาะ “แน่นอนว่าไม่กล้า”
“เจ้าสงสัยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับพวกหลีหุนจงหรือ” เจียงหลีหลอกถาม
“เจ้ารู้ได้อย่างไร!” หญิงสาวมองนางอย่างแปลกใจ
เจียงหลีดึงกริชออกทันที ทำให้ปรากฏแสงสีแดงในมือกวาดผ่านบาดแผลที่แก้มของนาง
หญิงสาวของวังเวิ่นฉิงสัมผัสแก้มที่ร้อนลุ่มและคันเล็กน้อย โดยยกมือลูบแก้ม กลับพบว่าแผลหายสนิทแล้ว และผิวก็กลับมาเรียบเนียนและอ่อนนุ่มดังเดิม
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของนางเป็นประกาย ความมีเสน่ห์เย้ายวนปรากฏขึ้นที่ระหว่างคิ้วของนางอีกครั้ง นางมองไปที่เจียงหลีและพูดเสียงอ่อนโยนว่า “น้องสาวเก่งกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถเช่นนี้”
เจียงหลียิ้มโดยไม่ตอบ นั่งบนเก้าอี้อย่างมีความสุข
เจียงเฮ่ามองนางอย่างไม่พอใจ “ผู้หญิงคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป ต้องระวังให้มาก”
“ไม่ใช่ศัตรู ไม่จำเป็นต้องตั้งมั่นพร้อมรับมือเฉกเช่นศัตรูหรอก” เจียงหลีกลับพูดอย่างสบายใจ
“ใช่แล้วคุณชาย ข้าไม่ใช่ศัตรูสักหน่อย ท่านอายุยังน้อย หน้าตาหล่อเหลา และยังเป็นถึงหลิงหวัง ข้าต้องประจบท่านถึงจะถูก” หญิงสาวของวังเวิ่นฉิงที่อ่อนแอและไร้กระดูกลุกขึ้นจากพื้น เมื่อไม่มีความกดดันจากเจียงหลีแล้ว นางได้กลับคืนสู่ความมีเสน่ห์เย้ายวนทันที
“ฮึ!” เจียงเฮ่าสบถอย่างเย็นชาด้วยสายตารังเกียจ
“แม่นางบอกชื่อได้หรือไม่” เจียงหลีถาม
หญิงสาวของวังเวิ่นฉิงส่งสายตาหวานและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรียกข้าว่าไหวปี้เถิด”
“ไหวปี้” เจียงหลีเรียกตาม
“เสียงของน้องสาวไพเราะมากและใบหน้าก็งดงามมากจริงๆ ได้รับพรให้มีเสน่ห์มาตั้งแต่กำเนิด สู้เปลี่ยนมาร่วมวังเหวินฉิงกับข้า เจ้าจะได้รับการยกย่องจากท่านประมุขอย่างแน่นอน” ไหวปี้อยากให้เจียงไปที่วังเวิ่นฉิง
เจียงหลียังไม่ทันจะโมโห เจียงเฮ่าก็โวยวายก่อนเสียแล้ว “บังอาจ! หากยังกล้าพูดจาไร้สาระเช่นนี้อีก ข้าจะฆ่าเจ้าทันที” จะให้น้องสาวของตนไปที่สถานที่แบบวังเวิ่นฉิงได้อย่างไร
“โอ้ ท่านหลิงหวัง ข้าแค่พูดลอยๆ ทำไมถึงต้องโมโหด้วยเล่า” ไหวปี้ปิดปากหัวเราะเสียงเบา โดยไม่เกรงกลัวเจียงเฮ่าเลยสักนิด
“ไหวปี้ ข้าอยากถามว่าทำไมเจ้าถึงสงสัยหลีหุนจง” เจียงหลีถาม
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของไหวปี้แสดงความรังเกียจและยิ้มอย่างเย็นชา “เพราะคนของหลีหุนจงล้วนเป็นสัตว์เดรัจฉาน”
เจียงหลีเลิกคิ้ว เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนมองนางอย่างเงียบๆ
ไหวปี้หัวเราะขึ้นอีกครั้งทันที รอยยิ้มของนางทำให้ทั้งห้องรู้สึกเหมือนสายลมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ “หลีหุนจงฝึกฝนปลุกเสกซากหุ่นเป็นรากฐาน แต่ที่น่าเคียดแค้นคือใช้ผู้หญิงทำซากหุ่น”
พูดถึงตรงนี้ แววตาของไหวปี้เย็นชาขึ้นทันที
“ใช้ผู้หญิงปลุกเสกซากหุ่นหรือ” เสียงของเจียงเฮ่าเป็นศัตรูเล็กน้อย
เจียงหลีเม้มริมฝีปาก คำพูดของไหวปี้ และสิ่งที่นางเคยเห็นในห้องนั้น ดูเหมือนนางจะแอบเชื่อมโยงเรื่องทั้งสองเข้าด้วยกัน
“ทำไมต้องใช้ผู้หญิงฝึกซากหุ่นด้วย” มู่ชิงเหยียนขนลุกเล็กน้อยหลังจากได้ยินเรื่องนี้และถามขึ้นด้วยความสงสัย
ไหวปี้หัวเราะเยาะ “คนของหลีหุนจงเป็นบุรุษทั้งหมด สิ่งที่พวกเขาฝึกฝนคือวิธีปลุกเสกหุ่นศพ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเริ่มฝึกหุ่นศพสาวมาตั้งแต่รุ่นไหน และตอนที่หญิงสาวมีชีวิตอยู่ การฝึกฝนและพรสวรรค์สูงเท่าไร หุ่นที่เสกออกมาก็จะเก่งกาจมากเท่านั้น แต่จะมีหญิงสาวที่มีคุณสมบัติครบพอสำหรับส่งมอบให้หลีหุนจงหรือ ทำให้ค่อยๆ เริ่มลักพาตัวศิษย์หญิงที่มีพลังอำนาจมาปลุกเสก”
“มันโหดร้ายมาก กลุ่มอำนาจอื่นไม่หยุดพวกเขาหรือ” มู่ชิงเหยียนถามด้วยความประหลาดใจ
ไหวปี้ตอบว่า “แน่นอนว่าต้องหยุดพวกเขา หลีหุนจงเคยหยิ่งผยองอยู่พักหนึ่ง ลักพาตัวศิษย์หญิงจำนวนมาก และถูกกลุ่มอำนาจหลายสำนักกวาดล้างไปรอบหนึ่ง ทำให้เจียมได้ตัวระยะหนึ่ง จากนั้น กลุ่มคนที่ฝึกปลุกเสกหุ่นจึงจับคนที่มาจากกลุ่มไร้อำนาจที่ฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่มีใครสนใจพวกนางมาปลุกเสกแทน”
“ผู้ฝึกฝนด้วยตัวเองสมควรถูกกดขี่อย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเหยียนรู้สึกโกรธแค้นเล็กน้อย
เมื่อเชื่อมโยงกับสารลับทั้งหมดแล้ว ร้านอวี๋หลงเป็นฝ่ายจัดหาศพให้กับหลีหุนจง และนางก็เกือบจะกลายเป็นศพนั้นแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“เจ้าคิดว่าควรทำเช่นไรดี” ไหวปี้ยิ้มเยาะ
เจียงหลีนิ่งเงียบ แต่ในใจได้ปะติดปะต่อจนเห็นความจริงคร่าวๆ แล้ว คนของหลีหุนจงต้องการศพสาวเอาไว้ปลุกเสกหุ่น คนของร้านอวี๋หลงเห็นโอกาสทางการค้านี้ จึงส่งมอบผู้หญิงให้กับพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวในดินแดนซีหวงมากเกินไป จึงลักพาตัวหญิงสาวจากหนานฮวงแทน
นางมองไปที่ไหวปี้ และพูดขึ้นกะทันหันว่า “พวกเราร่วมมือกัน เจ้าคิดว่าอย่างไร”