ราชินีพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 89 ศพสาวงาม
“ถึงจะผนวกเป็นหนึ่ง คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงหลิงจงเท่านั้น คนของเจ้าทำไมถึงต้องกลัวจนหัวหดด้วย ข้าบอกไว้ตรงนี้เลยว่าหากเจ้าไม่สามารถจัดหาสินค้าที่ดีที่สุดมาให้ข้า ความร่วมมือของเราคงต้องสิ้นสุดตั้งแต่ตอนนี้” ชายร่างกำยำพูดเสียงเย็นชา
หลังจากนั้น ชายร่างผอมรีบกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมา และให้คำมั่นสัญญาต่างๆ ที่จะทำให้เขาพอใจ
เจียงหลีที่ฟังอยู่ด้านนอก ใบหน้ายิ่งอยู่ยิ่งเย็นเยือก
นางใช้พลังจิตในการตรวจสอบระดับการฝึกฝนของพวกเขาทั้งสอง โดยชายร่างผอมบางเป็นเพียงหลิงจงขั้นสาม ส่วนชายร่างกำยำเป็นหลิงจงขั้นเจ็ด
ศพผู้หญิงที่เหลือทั้งสี่กลับดูไม่ออกว่ามีความสามารถเพียงใด
ดวงตาของเจียงหลีปรากฏความแข็งกระด้าง เมื่อวิเคราะห์พลังการต่อสู้ของคู่ต่อสู้แล้ว นางมั่นใจว่านางสามารถฆ่าคนทั้งหมดในห้องนี้ได้ด้วยตัวเอง แต่ตัวแปรอยู่ที่หุ่นศพนั้น เพราะนางไม่เคยต่อสู้กับหุ่นศพมาก่อน จึงไม่แน่ใจว่าพวกนางมีความสามารถในการโจมตีหรือไม่
ทันใดนั้น ก็มีลมปราณลอยมาจากด้านหลัง
เจียงหลีลืมตาและมองผ่านช่องว่างรอยต่อของภูเขาจำลอง มองเห็นไหวปี้แห่งวังเวิ่นฉิงค้นหามาถึงฝั่งนี้ ราวกับว่าสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวในบ้านนี้ด้วยเช่นกัน
นางไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับเจียงหลีที่จะใช้พลังจิตได้ ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงนั่งหมอบใกล้มุมบ้านและแนบหูฟัง การปรากฏตัวของไหวปี้ ทำให้เจียงหลีล้มเลิกความคิดที่จะพุ่งเข้าไป นางต้องการดูว่าคนของวังเวิ่นฉิงจะทำอะไรต่อ อย่างไรก็ตาม ไหวปี้ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากฟังไปได้ชั่วครู่ นางก็ได้จากไปอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นเงาร่างของนางค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป ปากของเจียงหลีก็กระตุกเล็กน้อย และปลดปล่อยพลังจิตออกมาจากปลายนิ้ว พุ่งตรงไปยังประตูที่ปิดแน่นและประตูก็ถูกเปิดออก
แคว่ก!
ประตูถูกเปิด เสียงตะโกนดังลั่นภายในห้องทันที
“ใครอยู่ข้างนอก! ”
ทันใดนั้น ปรากฏร่างทั้งหกออกมาพร้อมกัน
เท้าของไหวปี้แข็งทื่อ และลมปราณเย็นลงในทันใด โดยไม่ให้โอกาสนางพูด ชายร่างกำยำควบคุมหุ่นศพผู้หญิงทั้งสี่และโจมตีไหวปี้จากมุมต่างๆ
เจียงหลียังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืด เฝ้ามองการต่อสู้อย่างสนใจ
เสน่ห์ของไหวปี้ไม่ธรรมดา การฝึกฝนของหลิงซือก็ไม่ต่ำเลย แต่นางโจมตีไปที่หุ่นศพผู้หญิง ซึ่งพวกนางไร้ความรู้สึกและยังคงโจมตีไหวปี้อย่างไม่คิดชีวิต
ปัง!
การโจมตีของไหวปี้พุ่งเข้าใส่หุ่นศพสาวตัวหนึ่ง เสียงอู้อี้ดังขึ้นราวกับโลหะทอง
หุ่นศพสาวเพียงแค่ถอยหลังครึ่งก้าว จากนั้นก็ยืนแน่นิ่ง โจมตีใส่ไหวปี้ด้วยท่าห้านิ้วประสานอย่างต่อเนื่อง
เจียงหลีพบว่าหุ่นศพสาวเหล่านี้ ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งและทนต่อการต่อสู้ แต่ขณะต่อสู้เล็บของพวกนางยังยาวแหลมและแข็งแรงมาก ส่องแสงสีดำราวกับอาบยาพิษ
ซู่…!
ไหวปี้หลบหลีกอย่างเหน็ดเหนื่อย และเล็บของหุ่นศพสาวตัวหนึ่งได้ข่วนมุมของชุดคลุมยาวจนขาด
เศษผ้าไหมนั้นพลิ้วไหวและร่วงหล่นลงมา แต่ทันทีที่กระทบพื้น กลับกลายเป็นควันและผงสีดำทันที
เป็นยาพิษที่ร้ายแรงนัก! รูม่านตาของเจียงหลีหดลง
เวลานี้ ไหวปี้ขับไล่หุ่นศพสาวได้ตัวหนึ่ง และเปิดช่องว่างได้หนึ่งที่ นางไม่ได้รุกต่อ แต่ถอยกลับแทน และร่างดั่งควันสลายไปต่อหน้า
“ให้ตายเถอะ ปล่อยนางหนีไปได้!” ชายร่างผอมบางท่าทางเคร่งขรึมอยากไล่ตาม
อย่างไรก็ตาม ชายร่างกำยำยืนขวางไว้ตรงหน้า ไม่ให้หุ่นศพสาวทั้งสี่ไล่ตามนางไป “ปล่อยศัตรูผู้หมดหนทางสู้ไปเถอะ อีกอย่าง นางเป็นคนของวังเวิ่นฉิง”
“วังเวิ่นฉิง!” เสียงของชายร่างผอมดังขึ้นทันที
เสียงแห่งความหวาดกลัวชัดเจนขึ้น ทำให้ชายร่างกำยำถึงกับดูแคลน “เมื่อไม่นานมานี้ เหล่าลูกศิษย์ของวังเวิ่นฉิงหายตัวไปจากที่นี่ เป็นเรื่องปกติที่พวกนางจะส่งมาสืบหา แต่แปลกตรงสถานที่แห่งนี้กลับถูกพวกนางจับตามองได้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยิ้มอย่างเย็นชาและยกมือขึ้น ทำให้ศพสาวสามจากสี่ตัวเดินตามหลังเขาทันที โดยมีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่เดินกลับมายังข้างหลังของชายร่างผอมบาง
“สหายฟัง…ฟาง…” ชายร่างผอมบางได้สติจึงรีบตะโกน
ชายร่างกำยำไม่หยุดเดิน แต่กลับมีเสียงแผ่วเบาลอยกลับมาแทน “เจ้ากลัวอะไร ยังไงซะ ศิษย์หญิงของพวกนางไม่ได้อยู่ที่นี่กับเจ้าสักหน่อย แม้ว่าพวกนางจะพบเจอสิ่งใด ก็ไม่สนใจหรอก”
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย รอในผู้คนตรงหน้าจากไป ถึงจะถอยกลับอย่างเงียบๆ
เมื่อมาถึงจุดนัดพบด้านนอก ดวงตาของเจียงหลีกวาดไปทั่วร่างของไหวปี้ และถามทั้งสามคน “พบเห็นอะไรกันบ้าง”
เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนต่างส่ายศีรษะโดยบอกว่าไม่พบหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวในร้านอวี๋หลง
ทั้งสามมองไปที่ไหวปี้อีกครั้ง
นิ้วเรียวยาวของนางม้วนผมตัวเอง ทำท่าทางยั่วยวนน่าหลงใหล “ไม่พบอะไรเลย”
เจียงหลีค่อยๆ จ้องมองลงไปด้านล่าง ชี้ไปยังมุมเสื้อที่ฉีกขาดแล้วถามว่า “มุมเสื้อของเจ้าไปโดนอะไรมา”
สีหน้าของไหวปี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย บิดเอวและซ่อนมุมเสื้อไว้ด้านหลัง แทนที่จะตอบคำถามของเจียงหลี แต่กลับเปลี่ยนเรื่องพูด “ข้าวางแผนจะเดินทางไปยังสาขาซู่หยาของหลีหุนจง พวกเจ้าอยากไปด้วยหรือไม่”
“ก่อนจะไป นางฟ้าไหวปี้ช่วยเล่าฝีมือของเหล่าหุ่นศพสำนักหลีหุนจงให้พวกเราฟังหน่อย ดีหรือไม่” เจียงหลีถามด้วยรอยยิ้ม
ไหวปี้ยิ้มด้วยท่าทางอ่อนช้อย “ฝีมือเป็นอย่างไร ต้องลองด้วยตัวเองถึงจะทราบได้”
“ตอนนี้พวกเราร่วมมือกันแล้วนะ” เจียงเฮ่ากำชับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ไหวปี้จ้องเขม็งไปที่เขาอย่างโกรธเคือง “ช่างเข้าใจยากจริงๆ ”
“นางฟ้าไหวปี้ ในเมื่อทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันแล้ว เจ้ารู้อะไรก็บอกพวกเรามาเถิด” มู่ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นเช่นกัน
แววตาประดุจน้ำของไหวปี้ยังคงจับจ้องไปที่เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียน ในที่สุดก็พูดว่า “ได้ วิทยายุทธ์ของสำนักหลีหุนจงคือการปลุกเสกหุ่นศพ อย่างไรก็ตาม หุ่นศพนี้แบ่งออกเป็นหลายระดับ การแบ่งที่แน่นอน เป็นที่รู้กันเฉพาะคนในหลีหุนจงเท่านั้น ข้ารู้เพียงว่าหุ่นศพระดับแรกมีผิวสีทองแดงและกระดูกเหล็ก มีการป้องกันที่แข็งแกร่งและไม่รู้จักเจ็บปวด เล็บและเลือดมีพิษ หากไม่ทันระวัง ทำให้พิษศพเข้าสู่ร่างกาย คนธรรมดาก็จะกลายเป็นซากศพทันที”
พอฟังถึงตรงนี้ พวกเจียงหลีทั้งสามสบตากันอย่างเงียบๆ และมีความเข้าใจรายละเอียดในความร้ายกาจของหลีหุนจง
“ไปกันเถอะ ไปสาขาของหลีหุนจงเป็นเพื่อนนางฟ้าไหวปี้กัน” เจียงหลียิ้ม
ไหวปี้มองหน้านางด้วยความขุ่นเคือง “ในบรรดาพวกเจ้าสามคน เจ้าร้ายที่สุด ชอบรังแกข้าอยู่คนเดียว”
เจียงหลีแสดงท่าทางไร้เดียงสา “ข้ารังแกเจ้าอย่างไร”
“เจ้ารู้ดีแก่ใจ” ไหวปี้จ้องไปที่นาง
เจียงหลีสะดุ้ง ไม่พอใจในใจ ผู้หญิงของวังเวิ่นฉิงฝึกวิชามารยาจนบ้าไปแล้ว ถึงได้ใช้มันกับนางที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
…
ไหวปี้คุ้นเคยกับสาขาของหลีหุนจง
แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ของตน จึงเป็นเหตุผลที่สำนักหลีหุนจงไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป
ทั้งสี่ไม่ได้เดินเข้าประตูหลัก แต่เข้าตรงทางเข้าที่ปิดซ่อนไว้ เจียงหลีไม่รู้ว่าไหวปี้รู้จักทางนี้ได้อย่างไร
พอเข้ามาก็กลายเป็นหน้าผาที่อันตราย
ไหวปี้อธิบายว่า “คนของหลีหุนจงอยู่กับศพตลอดทั้งวัน อาศัยอยู่ในที่มืดและชื้น พวกเขามักจะสร้างอาคารไว้นอกถ้ำเพื่อพรางตาผู้คน
ไม่เลว ที่นี่เป็นถ้ำธรรมชาติและมีพื้นที่กว้างใหญ่ ด้านหลังของคนทั้งสี่และด้านนอกป่า ยังมีอาคารที่พบเห็นเลือนรางอยู่
“พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันหรือ” มู่ชิงเหยียนถามเสียงเบา สายลมของที่นี่หนาวจนต้องถูแขนโดยไม่ตั้งใจ
“ไปดูศพสาวงามกัน” ไหวปี้ยิ้มอย่างนุ่มนวล