ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1005
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1005
ท่ามกลางความมืดดวงตาดำสนิทของแองเจลีนก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “อะไรนะพี่ชายของฉันบอกว่าเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อเธอเหรอ?”
โจเซฟินพยักหน้า
แองเจลีนลุกขึ้นจากเตียง “เธอไม่รู้ว่าพี่ชายของฉันช่วยเธอไว้เหรอ?”
โจเซฟินเงียบสนิท เงียบจนน่ากลัว
ทันใดนั้นก็เหมือนมีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นในหัว แองเจลีนพุ่งเข้ามาจับมือโจเซฟินในความมืดก่อนจะพบว่ามือของเธอเย็นเฉียบ
“โจเซฟินเธอเคยบอกฉันว่า หลังจากที่เธอถูกทำให้อับอายมากในปีนั้น เธอก็ไปต่างประเทศอยู่ 2-3 ปีเหตุผลที่เธอไปต่างประเทศไม่ได้เพียงเพื่อจะหนีจากเรื่องสะเทือนใจใช่ไหม? แต่เธอ…”
โจเซฟินจับมือแองเจลีนแน่นจนแองเจลีนรู้สึกเจ็บนิ้วและความเจ็บนั้นพุ่งเข้าไปถึงหัวใจ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นแองเจลีน ฉันคิดว่าพี่ชายของฉันแค่พยายามจะช่วยฉันให้รับมือกับเรื่องกระทบกระเทือนใจเขาก็เลยส่งให้ฉันไปต่างประเทศ จนกระทั่งเซย์นพูดแบบนั้นออกมาฉันถึงเพิ่งเริ่มมาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็ได้รู้ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ฉันได้รู้เงื่อนงำเล็ก ๆ บางอย่างด้วย”
แองเจลีนถาม “เงื่อนงำอะไร?”
“หลังจากที่ฉันต้องอับอายตอนนั้น ฉันก็หมดสติไปตรงนั้นเลย ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าวันที่เกิดเหตุคือวันที่ 4 เมษายน แต่ตอนที่ฉันตื่นขึ้นปฏิทินในโรงพยาบาลบอกว่าเป็นวันที่ 24 เมษายน ฉันก็คิดว่าตัวเองคงจะจำผิดไป…”
มือของโจเซฟินเริ่มสั่น “แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วในช่วงเวลา 20 วันนั้นฉันต้องถูกรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเพราะว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เซย์นอาจจะช่วยฉันเอาไว้ตอนนั้น”
แองเจลีนรู้สึกอึดอัดกลักลุ้มเหมือนมีก้อนหินทับอยู่บนหน้าอก แม้ลมหายใจก็พลอยติดขัดไปด้วย
เมื่อโจเซฟินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของแองเจลีน เธอก็ร้องออกมาอย่างกังวล “อย่าตระหนกหรือกลัวไปเลย แองเจลีน ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น”
ในที่สุดแองเจลีนก็สงบลงได้
โจเซฟินถามด้วยความประหลาดใจ “เธอไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปบ้างเหรอ?”
แองเจลีนพยักหน้ารับ
โจเซฟินสีหน้าซีดเผือดในทันใด
เมื่อเธอเอ่ยปากพูดอีกครั้งเสียงก็สั่นพร่า “พูดมาเลยแองเจลีน”
แองเจลีนเอามือกุมหน้าอกซึ่งสั่นกระเพื่อมด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา เธอกล่าวด้วยเสียงสะอื้น “โจเซฟิน พี่ชายของฉันเคยถูกเรียกว่าเป็นปีศาจร้ายกลับชาติมาเกิด เขาโหดร้ายรุนแรงมาก ตอนต่อสู้ทะเลาะกันเมื่อก่อนฉันไม่เคยสู้ชนะเขาเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เขาตีฉัน ฉันก็ทำได้เพียงวิ่งหนีกลับบ้านร้องไห้ไปฟ้องพ่อแม่ด้วยรอยช้ำและบวมฉึ่ง ต่อมาเจย์บี้ก็เริ่มสอนเทควันโดให้ฉัน เมื่อเซย์นกลับมาจากกองทัพ ฉันก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่า เขาไม่สามารถต่อสู้เอาชนะฉันได้อีก”
“ทุกครั้งที่ฉันตีเขา เซย์นก็จะเอาแต่หนี เขายอมโดนตีจนตัวเองช้ำดำเขียว ยอมที่จะเสียศักดิ์ศรีมากกว่าที่จะสู้กับฉัน ตอนนั้นฉันก็ใสซื่อคิดเพียงว่า เจย์บี้สุดยอดมากที่สามารถสอนวิชาการต่อสู้ให้ฉันแค่นิดหน่อย ฉันก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ไปทั้งชีวิต แต่ตอนนี้พอกลับมาคิดดู ฉันกลัวว่าเซย์นนั้น…”
แองเจลีนสะอึกสะอื้นจนพูดต่อได้ลำบาก “มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับเซย์นเขาไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะสู้ ทำให้เขาไม่สามารถเอาชนะฉันได้เวลาที่เราสู้กัน การที่บอกว่าเขาไปร่วมกองทัพนั้น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เป็นแผนของเจย์บี้”
แองเจลีนเอ่ยข้อเท็จจริงที่น่าตะลึงขึ้นมาอีกเรื่อง “ตอนที่เซย์นออกจากเมืองนางแอ่นไปร่วมกองทัพ มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เธอประสบอุบัติเหตุเลย”
โจเซฟินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “พี่ชายของฉันเขาเป็นอัจฉริยะ เขาหลอกพวกเราได้ทุกคนแม้แต่เธอเองก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนของเขาด้วย”
ตอนนี้ความจริงเปิดเผยและกระจ่างชัด
ตอนนี้พวกเธอเพียงต้องพิสูจน์ให้ได้
หญิงสาวทั้งสองรู้สึกหดหู่ท้อแท้กับการค้นพบความจริงที่โหดร้าย ต่างฝ่ายต่างเงียบ
หลังจากเวลาผ่านไปนาน โจเซฟินถอนหายใจและกล่าวว่า “ฉันอยากจะถามความจริงทั้งหมดจากพี่ชายของฉัน เขาเก็บเรื่องนี้กับฉันมานานมาก นี่เหมือนเขาจะฆ่าฉันเลยนะ”
ดวงตางดงามของแองเจลีนเต็มไปด้วยน้ำตา “ฉันเองก็อยากถามเขาเหมือนกันว่าเขารู้สึกเหนื่อยหรือเจ็บปวดบ้างไหมที่ต้องปกป้องพวกเราขนาดนี้”
โจเซฟินรู้สึกหมดคำที่จะพูด
วันต่อมาแสงยามเช้าสว่างและอบอุ่นส่องผ่านท้องฟ้าด้านตะวันออก เพียงชั่วพริบตาพระอาทิตย์ก็สว่างเจิดจ้า