ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1100
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1100
แองเจลีนพูดด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ “คำว่า ‘หย่าร้าง’ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของฉัน ถ้านายต้องการจะหย่า ก็คงต้องรอชาติหน้า”
เธอยกมือสัมผัสใบหน้าและมองรองพื้นหนาที่ติดปลายนิ้ว คิดว่าอาจจะถึงเวลาที่เธอต้องลบเครื่องสำอางแล้ว
แองเจลีนหลุดยิ้ม “ฉันจะไปอาบน้ำก่อนนะ รอฉันด้วยล่ะ” จากนั้นเธอก็หยิบชุดนอนและเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อเธอเดินไปถึงประตูห้องน้ำ เธอหันกลับมาและยิ้มให้เจย์อย่างมีความหมาย “รอเซอร์ไพรส์จากฉันนะเจย์บี้”
เมื่อเจย์มองเห็นชุดผ้าบางเบาในอ้อมแขนเธอ เขารู้สึกราวกับว่าจะมีไดโนเสาร์ใส่ชุดนอนนั่นออกมากระโจนใส่เขา เจย์ขนลุกไปทั่วร่าง
“ผมเป็นคนขี้ขลาดนะแองเจลีน อย่าทำให้ผมกลัวสิ” เจย์พูด
รอยยิ้มแองเจลีนยิ่งลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้น จากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องน้ำและล็อกประตู
เมื่อเจย์ได้ยินเสียงน้ำดังลอดออกมา สีหน้าเขาก็ยิ่งดำทะมึนขึ้นทุกที
เขาเริ่มที่จะศึกษาดูกุญแจมือที่ใส่อยู่
เขาเป็นคนที่ออกแบบกุญแจมือพวกนี้แล้วก็กลไกของมันด้วย เหมือนว่าพระเจ้ายังเข้าข้างเขา ดังนั้นเขาจึงปลดกุญแจออกได้ในชั่วพริบตา
เมื่อเจย์เป็นอิสระ เขาก็มองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทอยู่ด้วยสีหน้าเย้ยหยันพร้อมสบถเบา ๆ “คุณคิดว่าแค่คำพูดของคุณ เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วเหรอ? ทำไมผมต้องเชื่อคนโกหกอย่างคุณด้วย? ผมไม่อยู่เล่นกับคุณแล้ว ลาก่อนนะ แองเจลีน เซเวียร์”
เมื่อแองเจลีนออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าเปลือยเปล่าที่ดูงดงามเหมือนนางฟ้า แต่น้ำตาก็เอ่อคลอดวงตานางฟ้าทรงเสน่ห์นั้นทันทีเมื่อเห็นเตียงที่ว่างเปล่า
เธอเกือบจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เขาเห็นอยู่แล้ว ทำไมสวรรค์ต้องฉวยโอกาสนี้ไปจากเธอด้วย?
กลางดึกคืนนั้น
สนามด้านหน้าเบล เอนเตอร์ไพรส์
คุณนายอาเรสมาที่ทางเข้าพร้อมเซร่า หลังจากที่ยามเข้าไปแจ้งให้คนด้านในทราบว่ามีแขกมาหา เขาก็พาคุณนายอาเรสและเซร่าเดินเข้าไปด้านใน
ตระกูลเบลเองก็เป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองอิมพีเรียล แม้ว่าจะมีร่องรอยของการเสื่อมถอยหลังจากที่โดนแกรนด์เอเซียเข้าถือครอง แต่ก็ยังคงมีอำนาจเหนือหลายตระกูลในเมืองนี้ สนามนอกบ้านที่ซับซ้อนมีขนาดกว้างขวางออกแบบตกแต่งอย่างดี นอกเหนือไปจากอสังหาริมทรัพย์ทัวมารีน ทั้งเมืองอิมพีเรียลก็คงไม่มีตึกอาคารที่สวยงามแบบที่นี่อีกแล้ว
แต่อสังหาริมทรัพย์ทัวมารีนก็เป็นแค่สิ่งที่เหลือจากอดีต
ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่พยายามดิ้นรนเข้ามาในสวนตระกูลเบล
เมื่อเข้ามาในสวน เซร่าก็มองไปรอบ ๆ ขณะที่เดินไปด้วย ความผิดหวังที่มีในใจและเริ่มถูกความหรูหราที่ตระกูลเบลจะมอบให้เข้ามาแทนที่ ในที่สุดเธอก็ได้เห็นความหวังของอนาคตอีกครั้ง
ถ้าเธอได้เป็นลูกสาวตระกูลเบล ทรัพย์สินและมูลค่าของเธอต้องเพิ่มขึ้นแน่
รปภ. พาพวกเธอไปทางด้านเหนือของสวนและบอกว่า “นายท่านสตีเฟนอยู่ที่นี่ครับ โปรดรอสักครู่”
เมื่อพูดจบ รปภ. ก็จากไป
คุณนายอาเรสและเซร่าต่างก็ยืนมองไปที่ประตูของสวน ทั้งสองรออยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดความตื่นเต้นของเซร่าก็กลายเป็นความกระวนกระวาย
การได้รู้ว่าตระกูลเบลปล่อยให้พวกเขายืนรออยู่ที่นี่เป็นเวลานาน มันก็บอกชัดเจนว่า พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องของเธอ
แต่ถึงอย่างนั้น เซร่าก็ดื้อด้าน ยิ่งมีคนดูถูกเธอมากเท่าไร เธอก็ยิ่งอยากพิสูจน์ให้พวกเขารู้ว่าคิดผิด
ความดื้อด้านและต่อต้านในดวงตาของเธอสุดท้ายก็ปกปิดไว้ไม่มิด
ตอนนั้นเองนายท่านสตีเฟนที่นั่งเก้าอี้รถเข็นแอบดูอยู่หลังฉาก ในที่สุดก็ให้ผู้ช่วยของเขาเข็นออกมา
“สตีเฟน” คุณนายอาเรสเรียกเขา
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” มีแววตาอ่อนใจฉายวาบผ่านดวงตาของสตีเฟน
คุณนายอาเรสดึงเซร่าไปหาเขา “ฉันขอโทษที่ผิดสัญญาสตีเฟน ฉันทนเห็นลูกสาวของเราใช้ชีวิตอย่างทรมานและโดนกดขี่ไม่ได้ ฉันก็เลยพาเธอมาหาคุณหวังว่าคุณจะให้เธอได้กลับบ้านที่แท้จริงของเธอ”
สตีเฟนมองเซร่าอย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงเขาเจือโทสะ “ถ้าเธอยังสะอาดบริสุทธิ์ อย่างน้อยฉันก็คงจะเห็นประโยชน์จากเธอบ้าง แต่ตอนนี้มันสายไปแล้วเพราะว่าทั้งชื่อเสียงทั้งร่างกายของเธอมันคงไม่ช่วยอะไรตระกูลเบลได้นักหรอก ลืมมันซะเถอะ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย”
เมื่อเซร่าได้ยินคำวิจารณ์ของสตีเฟน ความหวังและความโหยหาที่เธอมีตอนแรกก็มลายหายไปในอากาศทันใด เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังตกจากนรกลงไปในขุมที่ลึกกว่าเก่า ดังนั้นเธอจึงหัวเราะลั่นออกมา
เธอโทษพ่อแม่ด้วยโทสะที่ล้นเปี่ยม “คุณคิดว่าฉันไร้ศีลธรรมงั้นเหรอ? ไม่ว่าฉันจะไร้ศีลธรรมยังไง ไม่ว่าฉันจะมีข้อด้อยแค่ไหน ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าฉันเป็นลูกของคุณ เลือดสกปรกที่มันไหลเวียนอยู่ในตัวฉันนี่มันก็คือเลือดคุณ”