ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1110
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1110
จีนมองไปที่แองเจลีนที่ยืนอยู่ไม่ห่างชั่วแวบ และแววความรู้สึกผิดก็ฉายผ่านใบหน้าหล่อเหลาของเขา
จากนั้นเขาก็หันหลังวิ่งหนีไป
เจย์รีบวิ่งตามไปทันที
ตอนนั้นแองเจลีนก็เดินเข้าไปหานักข่าวด้วยท่าทางที่ทั้งอ่อนโยนและคุกคาม เธอพูดว่า “แหม ๆ ๆ พวกคุณนี่เป็นสำนักข่าวที่โดดเด่นเหลือเกินที่รู้แต่จะมาทำข่างเรื่องอื้อฉาวไม่เป็นเรื่อง? พวกคุณทุกคนไม่มีใครควรค่าจะได้ทำข่าวเกี่ยวกับแกรนด์เอเซียหรอก ไหน ๆ พวกคุณก็มาที่นี่แล้ว ฉันก็คงไม่มีเหตุผลจะไล่พวกคุณกลับไป ทำไมเราไม่ทำแบบนี้แทนล่ะ? เกรย์สัน จดชื่อของสำนักข่าวพวกนี้มาให้หมด ถ้ามีใครเขียนข่าวที่ทำลายชื่อเสียงแกรนด์เอเซียไม่ว่าด้านไหนก็ตาม ฉันจะให้คุณฟ้องจนพวกเขาล้มละลายไปเลย”
เกรย์สันก้าวออกมาและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ได้ครับ”
แองเจลีนหัวเราะ “แล้วก็พวกพนักงานที่พากันยื่นใบลาออกนี่ คุณถ่ายรูปให้เห็นหน้าพวกเขาชัด ๆ นะ แล้วก็เขียนชื่อพวกอกตัญญูนี่ไว้ด้วย จากนี้ไปแกรนด์ เอเซียทุกสาขา รวมถึงบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีของแกรนด์ เอเซีย ห้ามรับพวกไม่สำนึกบุญคุณนี่เข้าทำงานเด็ดขาด”
เธอกวาดตาคมกริบมองบรรดาพนักงานพวกนั้นก่อนตำหนิ “แกรนด์ เอเซียจ่ายเงินไปมากมายอบรมพวกคุณ แล้วก็จ่ายเงินเดือนให้พวกคุณอย่างงาม แต่พวกคุณก็ยังเลือกที่จะรับสินบนมาทรยศหักหลังแกรนด์เอเซีย ไหน ๆ พวกคุณก็ดูถูกแกรนด์เอเซียขนาดนี้แล้ว เราก็คงต้องยึดทักษะที่คุณได้มา จากนี้ไปทักษะและความสามารถของพวกคุณจะเป็นของไร้ประโยชน์ ฉันหวังว่าจะได้เห็นพวกคุณไปเริ่มต้นจากศูนย์ ฝ่าฟันขวากหนามต่าง ๆ มาแล้วก็กลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมนะ”
บรรดาพนักงานพวกนี้ภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง พวกเขาไม่คาดคิดว่าแองเจลีนจะขึ้นบัญชีดำพวกเขา สิ่งที่พวกเขาทำลงไปก็คือการทำลายอนาคตของตัวเองชัด ๆ
ในอดีต ไม่ว่านายท่านอาเรสจะเด็ดขาดอย่างไร เขาก็เพียงห้ามไม่ให้บริษัทอื่นใช้สิทธิบัตรของแกรนด์เอเซีย แต่แองเจลีนนั้นเหนือกว่าเขามากในด้านความเหี้ยมโหดและเด็ดขาด
“ผมผิดไปแล้วครับ ท่านประธานเซเวียร์ ผมอยากจะขอยื่นถอนหนังสือลาออก”
คนฉลาดต้องปรับตัวตามสถานการณ์ คนอื่น ๆ ก็เริ่มทำตาม
เกรย์สันดูเดือดดาล ตัวตนที่เลือดร้อนและขาดความอดทนของเขาไม่อยากที่จะอดทนกับพวกเหยียบเรือสองแคมนี่
แต่แองเจลีนส่ายหน้าให้เขาและพึมพำเสียงค่อย “นี่ไม่ใช่เวลาทำตามอารมณ์ เราต้องเก็บพวกเขาไว้ดีกว่าให้ไปเข้ากับศัตรู”
ดังนั้นเกรย์สันจึงเก็บโทสะเอาไว้
และเพราะว่ากลัวจะล่วงเกินแกรนด์ เอเซีย แถมความจริงที่ว่าผู้นำอย่างลุงแอนดี้ก็ถูกจัดการอย่างราบคาบและไร้ที่ติ ขณะที่พนักงานคนอื่นต่างก็ยอมแพ้ บรรดานักข่าวจากสำนักต่าง ๆ ก็ไม่กล้าเสี่ยงแล้วก็พากันจากไปอย่างเร่งรีบ
บรรดาคนมุงต่างก็สลายตัวไปเช่นกัน
เจย์ไล่ตามจีนมาหลายช่วงตึก จนในที่สุดก็มาถึงทางตัน
จีนหอบแฮกด้วยความเหนื่อยแล้วทรุดลงกับพื้น “ฉันไม่วิ่งแล้ว ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว อยากทำอะไรกับฉันก็เอาเลย”
เจย์เดินเข้าไปหาแล้วเตะเขาสองสามที “ทำไมไม่วิ่งต่อล่ะ ไอ้บ้า?”
เมื่อจีนเห็นรอยรองเท้าหลายรอยบนสูทสีขาวของตน ก็ร้องออกมาอย่างขมขื่น “ทำไมต้องเตะฉันแบบนี้ด้วย? ฉันเป็นน้องพี่นะ ไม่รู้สึกปวดใจมั่งเลยเหรอไง?”
เจย์นั่งยอง ๆ ลง แล้วบีบคางของจีน “เราดูไม่เหมือนกันเลยสักนิด”
จีนบอก “พี่เป็นอะไรน่ะ พี่ก็เหมือนพ่อแล้วฉันก็เหมือนแม่ไง?”
จากนั้นเขาก็พล่ามต่อ “นี่ นั่น โน่น ฉันพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่เนี่ย? แน่นอนว่าเราดูไม่เหมือนกันเพราะว่าเราไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ สักหน่อย เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
เจย์สอบสวนต่อ “แล้วพอเห็นฉันทำไมต้องหนีด้วย?”
จีนถามกลับ “แล้วทำไมพี่ต้องไล่กวดฉันด้วย? ก็เพราะพี่วิ่งไล่ตามฉันไง ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งหนี”
“นายวิ่งก่อน ฉันถึงต้องไล่ตามนาย”
“ถ้าพี่ไม่ไล่ตามฉัน ฉันก็ไม่ต้องวิ่งหรอก”
พอรู้สึกตัวว่าเขากำลังจะเข้าไปอยู่ในการถามตอบที่ไม่รู้จบ “ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน” เจย์ก็เปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า “นายอยากโดนซ้อมใช่ไหม?”
จีนพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “เขาบอกว่าพี่ความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอ? ทำไมพี่จำอะไรไม่ได้แล้วยังโหดอยู่อีกล่ะ? ทำไมอารมณ์ร้าย ๆ นี่ไม่เห็นจะพัฒนาขึ้นมั่งเลย?”
เจย์พูด “ไหน ๆ นายก็เป็นลูกพี่ลูกน้องฉัน นายต้องรู้เรื่องฉันเยอะ ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ล่ะ? ฉันจะเลี้ยงข้าวนายแล้วนายก็เล่าทุกอย่างที่รู้มา”
จีนส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีทาง”