ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1117
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1117
ใบหน้าเจย์เย็นชาดุจน้ำแข็งทันที “แองเจลีน ไม่ต้องสนใจเรื่องลิ่มเลือดในสมองผมหรอก ถึงผมจะมีก้อนเนื้องอกร้ายแรงผมก็ยังไม่ได้อ่อนแอขนาดที่ว่ารับความกดดันอะไรไม่ได้ ถ้าคุณยังมีความลับอะไรเก็บเอาไว้ คุณควรจะบอกออกมาให้หมดดีกว่า”
แองเจลีนหัวเราะแห้ง ๆ “ฉันจะปิดเรื่องอะไรคุณได้อีกคะ? คุณความจำเสื่อมนี่ ก็มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้ ฉันมีเรื่องต้องบอกคุณเยอะเสียจนไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนเลย”
ข้อแก้ตัวมักง่ายไร้สาระ
เจย์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหดหู่ “เราเป็นสามีภรรยากันนะแองเจลีน เราควรจะซื่อสัตย์ต่อกันสิ”
แองเจลีนรู้สึกหัวใจบีบรัด เธอเคยพูดประโยคนี้เลยเมื่อตอนที่คาดคั้นเขาตอนนั้น แต่เขาก็ยังเลือกที่แบกรับภาระเอาไว้คนเดียว
แต่ยังไงแองเจลีนก็มีเขาคอยสอนสั่งมา ดังนั้นพวกเขาจึงมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกัน
มีสองเรื่องที่เธอเลือกจะเก็บไว้เป็นความลับ
เรื่องหนึ่งคือ การหายตัวไปของร็อบบี้น้อยแล้วก็วันกลับมาของเจนสันซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัด ถ้าเขารู้ว่าการตัดสินใจของตนทำให้ลูก ๆ ต้องพบชะตากรรมที่เลวร้าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาต้องใช้ทั้งชีวิตหมดไปกับการตำหนิตัวเองและรู้สึกผิด
เรื่องที่สองคือ ความโชคร้ายของตระกูลอาเรสนั้นเป็นเพียงอดีตไปแล้ว เธอต้องการทำเพียงเก็บงำความเจ็บปวดในอดีตของเขาเอาไว้ เธอห้ามไม่ให้ใครไปขุดคุ้ยเรื่องนี้เนื่องจากกลัวว่า องค์กรโลกาวินาศจะย้อนกลับมาหลังจากได้รู้ว่าแผนของพวกมันล้มเหลว
ดังนั้น แองเจลีนผู้แสนฉลาดเฉลียวจึงหาทางอื่นทำให้เขาพอใจ เลี่ยงคำถามอยากรู้อยากเห็นพวกนั้น “เซ็ตตี้น้อยเป็นลูกสาวเรา เจย์บี้”
เจย์ตื่นเต้นมากจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เขารู้สึกราวกับว่าถูกลอตเตอรี่ ตัวเขาที่เคยเป็นเหมือนคนสิ้นหวังไร้บ้าน แต่พระเจ้ากลับมอบภรรยาที่แสนสวยพร้อมลูกสาวแสนน่ารักมาให้
แองเจลีนพูดพึมพำ “เซ็ตตี้น้อยเป็นลูกสาวเรา” เมื่อเธอพูดประโยคนี้ออกมา น้ำเสียงเธอหม่นหมองและสีหน้าก็ซึมเศร้า
หลังจากที่เห็นมุมปากเจย์ยกยิ้มด้วยความยินดี แองเจลีนก็รู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออก
ถ้าเขารู้ว่ายังมีลูกชายที่แสนยอดเยี่ยมอีกสองคน ลูกชายทั้งสองที่ถอดแบบมาจากเขา เขาก็คงจะยินดีมากกว่านี้
แต่ว่าตอนนี้ร็อบบี้น้อยอยู่ที่ไหนกันนะ?
แล้วเมื่อไรเจนส์จะกลับมา?
พวกเขาต้องออกพ้นอกที่ปลอดภัยของพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้พวกเขาจะยังเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีรอยยิ้มบริสุทธิ์สดใสอยู่อีกไหมนะ?
แองเจลีนรู้สึกขมขื่นจนน้ำตาเอ่อคลอเบ้า
เจย์ยื่นมือมาประคองใบหน้าแองเจลีน เขาพูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “ขอบคุณนะที่มอบลูกสาวแสนสวยน่ารักให้ผม”
รอยยิ้มแองเจลีนบิดเบี้ยวดูน่าเกลียดเมื่อเธอร้องไห้ไปด้วย
ด้านนอกหน้าต่าง แสงเริ่มที่จะสลัวลง
ทันใดนั้นเจย์ก็คิดขึ้นได้ “ผมจะไปรับเซ็ตตี้กลับมา”
แองเจลีนคว้าเขาไว้ “ตอนนี้มันดึกมาแล้วนะคะ ไปพรุ่งนี้เถอะ”
เจย์ตอบ “ลูกยังเด็กเกินไป ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ทิ้งให้เธออยู่ที่ฮอไรซัน คัลเลอร์ คนเดียว”
แองเจลีนหัวเราะ “คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฟินน์ก็อยู่ที่นั่นคอยดูแลเธอ”
เจย์ขมวดคิ้ว “นั่นยิ่งทำให้ผมกังวลหนักกว่าเดิมอีก”
แองเจลีนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คุณกลัวว่าฟินน์จะรังแกลูกสาวสุดที่รักของคุณเหรอ?”
เจย์พยักหน้า “พวกผู้ชายก็เป็นสัตว์ป่าที่ใช้ส่วนนั้นคิด พออยู่หน้าสาวสวยผู้ชายก็ทำเรื่องพลาดได้ทั้งนั้นแหละ”
“งั้นฉันจะไปกับคุณ” แองเจลีนพูด
เจย์มองแองเจลีน ผิวเธอขาวกระจ่างขณะที่ดวงตาดำขลับดูกลมโตเป็นพิเศษ ซึ่งทำให้เธอยิ่งดูผอมบางไปอีก
เจย์โอบกอดเธอไว้ “นอนกันดีกว่า แองเจลีน”
คืนนั้น พวกเขาต่างก็ตระกองกอดกันหลับไป
แองเจลีนนอนหลับได้สนิทเมื่ออยู่ในอ้อมแขนเขา นานแล้วที่เธอไม่ได้หลับสนิทเป็นสุขเช่นนี้
ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่าง เจย์มองดูใบหน้าพิสุทธิ์สวยงามของเธออย่างเงียบ ๆ
นิ้วเรียวยาวของเขาไล้ไปตามกรอบหน้าของเธอแผ่วเบา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาหลงใหลใบหน้าไร้เครื่องแต่งเติมของแองเจลีนจนไม่อยากจากไป
เขานึกขึ้นได้ถึงภารกิจของตนและดึงเอาตราประทับทั้งสองออกมาจากกระเป๋า เขาลูบมันไปมาพร้อมคิด “ผู้หญิงโกหกทั้งสามคน คนไหนกันที่ฉันควรเชื่อ?”
สุดท้าย เขาก็เอาตราประทับกลับไปไว้ที่เดิมแล้วกลับมานอนลงข้างแองเจลีนพร้อมดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน ขณะที่พูดเสียงเบา “พวกเขาอาจจะอยู่ในชีวิตผม แต่คุณต่างหากแองเจลีน ที่อยู่ลึกถึงจิตสำนึก ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อคุณ”
วันต่อมา
เป็นครั้งแรกที่เจย์นอนตื่นสาย
เขานอนจนถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นหอมของซุปเห็ดและขนมปังอบที่ใหม่ ๆ ลอยเข้ามาเตะจมูก
เจย์ลืมตาขึ้นช้า ๆ
เขาเห็นแองเจลีนยืนอยู่ตรงหน้าเตียงโดยมีผ้ากันเปื้อนผูกเอวไว้ ผมยุ่งไม่เป็นระเบียบของเธอมุ่นเป็นมวยอยู่ด้านหลัง ดูยุ่งเหยิงแต่ก็ยังเรียบร้อย เธอดูเหมือนสาวน้อยข้างบ้านที่แสนเป็นมิตร