ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1132
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1132
ครูคอร์นีเลียสพ่อของวิทนีย์มองเธออย่างไม่พอใจ “นี่ลูกร้องไห้ทำไม? พ่อว่าถ้าชายหนุ่มอย่างเจนสันมีทักษะการต่อสู้ที่สูงได้ขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งเริ่มฝึกได้ไม่นาน พ่อว่าอีกไม่กี่ปี เขาก็แซงหน้าลูกได้แล้ว”
วิทนีย์ทำท่าเชิด “พ่อ หนูหาลูกเขยที่โดดเด่นไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะคะ?”
ครูคอร์นีเลียสพูดไม่ออก “จะพูดตอนนี้ก็เร็วไป เรื่องต่าง ๆ ยังไม่ได้เข้าที่เข้าทางเลย เมื่อเขาได้กลับไปมีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าในเมืองอิมพีเรียล ตอนนั้นเขาก็ต้องเจอสาว ๆ มากหน้าหลายตา พอเขามองลูกอีกหนเขาก็จะเห็นแค่สาวที่รู้แต่ต่อสู้ทั้งวัน พ่อยังคิดอยู่ว่าเขาจะต้องตาลูกอยู่อีกเหรอ”
วิทนีย์ดูสิ้นท่า “แล้วหนูควรทำยังไงดีคะ?”
ครูคอร์นีเลียสขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของลูกสาว “มันก็ยังมีทางอยู่ พ่อจะกักเขาไว้ที่สถาบันเยาวชนแห่งตำนานเพื่อลูก ถ้าเจนสันโตขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับสาวอื่นเลย เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับลูก”
ดวงหน้างดงามของวิทนีย์ดูราวกับจะร้องไห้ “ทำไมมันฟังดูน่าเศร้าจังคะพ่อ? ถ้าพ่อทำแบบนั้นก็แปลว่าเจนสันต้องแต่งงานกับหนูเพราะว่าเขาไม่มีทางเลือก ไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบหนู”
ขณะที่พ่อและลูกกำลังคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังก้องราวฟ้าผ่า “เราพ่ายแพ้และเรายอมรับความพ่ายแพ้นั้น จากนี้ไปนาย เจนสัน อาเรส จะเป็นลูกพี่ของพวกเรา”
“ลูกพี่ ๆ ๆ”
เจนสันยืนอยู่กลางสนามประลอง ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาของเขามืดครึ้มและนิ่งสงบ “อืม”
จากนั้นเขาก็ลากสังขารที่บาดเจ็บเข้าไปหาครูคอร์นีเลียส “ผมอยากท้าครูครับ ครูคอร์นีเลียส”
ครูคอร์นีเลียสยกมือลูบคางแล้วกล่าวอย่างรู้ทัน “การสอบจบจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนะเจนส์ เธอมาท้าฉันวันนี้เพื่อจะทดสอบฝีมือของฉันใช่ไหม? ฟังนะเธอเอาชนะฉันไม่ได้หรอก อย่าเสียแรงเปล่าเลย”
“ผมยังขอยืนยันว่าอยากลองดู”
ครูคอร์นีเลียสพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
วิทนีย์ร้องขอพ่อของเธอ “อย่าทำเจนส์เจ็บนะคะพ่อ”
ครูคอร์นีเลียสตอบเธอด้วยอีกคำถามหนึ่ง “แล้วถ้าเขาทำพ่อเจ็บล่ะ?”
วิทนีย์ตอบ “พ่อหนังหนาแถมกล้ามเนื้อก็แกร่ง ถ้าเขาทำพ่อเจ็บสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก”
ครูคอร์นีเลียส “…”
สุดท้ายเขาก็ถอนใจแล้วพูดว่า “ลูกสาวนี่เลี้ยงได้แต่ตัว สุดท้ายใจก็เป็นของคนอื่นอยู่ดี”
การประลองระหว่างครูคอร์นีเลียสและเจนสันเพิ่มระดับความสนใจของกลุ่มคนดูจนพุ่งทะยาน
แม้ว่าพวกนักเรียนศิลปะป้องกันตัวจะจองหองอวดดีแล้วบางครั้งก็หยาบคาย แต่พวกเขาก็มีความภักดีซึมลึกไปถึงกระดูกแล้วไหลอยู่ในสายเลือด ในเมื่อตอนนี้พวกเขามองว่าเจนสันเป็นลูกพี่แล้ว พวกเขาก็ต่างเชียร์เจนสันด้วยความภักดี “ลูกพี่เอาเลย ลูกพี่ลุยเลย”
ครูคอร์นีเลียสมองบรรดานักเรียนและลูกสาวของเขาที่พากันอยู่ข้างเจนสันอย่างหมดคำจะพูด เขาส่ายหน้า “ไอ้เจ้าพวกเด็กอกตัญญู”
การต่อสู้ระหว่างครูคอร์นีเลียสและเจนสันนั้นน่าตื่นตามาก
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้แผ่นดินสะเทือนเพราะพวกเขาต่างก็ปล่อยพลังออกมาขณะที่เคลื่อนไหว แต่เมื่อเป็นการต่อสู้ระหว่างครูคอร์นีเลียสกับเจนสัน มันก็เหมือนเป็นศึกยักษ์รบยักษ์ทันที มันเปลี่ยนบรรยากาศการต่อสู้แล้วทำให้ศึกนี้อยู่ในอีกระดับ
เพราะว่าทั้งสองต่างก็มีทักษะการต่อสู้และการปาร์กัวร์ที่สูง พวกเขาเลยสามารถกระโดดขึ้นไปบนหลังคาและไต่ตามกำแพงได้
ดูราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นนกอินทรีสองตัวที่กำลังโผบิน ตัวหนึ่งบินหนี ส่วนอีกตัวไล่ตาม
เมื่อผ่านไปพักใหญ่ ครูคอร์นีเลียสก็หยุดแล้วมองเจนสันที่กำลังหอบเล็กน้อย เขาแหย่ว่า “เจนส์ เราวิ่งไล่กันมานานแล้วแต่เธอยังแตะตัวฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เธอน่าจะกลับไปฝึกฝนเพิ่มอีกนะ ยังไงตอนนี้เธอก็ยังเด็กอยู่ทำไมถึงต้องรีบออกจากสถาบันเร็วนักล่ะ?”
ดวงตาเจนสันดำมืดอย่างคับแค้น “คุณออมมือให้กับพวกนักเรียนคนอื่นที่จบไปแล้วใช่ไหม?”
ครูคอร์นีเลียสพยักหน้า “ใช่ พวกเขาอายุเยอะแล้วและก็ฝึกศิลปะการต่อสู้มานาน การบังคับให้พวกเขาต้องอยู่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันก็เลยปล่อยให้พวกเขาไป”
เจนสันหดหู่ เขากระโดดลงสู่พื้นแล้วเดินออกไปจากห้องซ้อม
วิทนีย์รีบไล่ตามเจนสันไป
“เจนส์” ในที่สุดเธอก็ไล่ตามเขาทัน
เจนสันมองเธอด้วยแววตาขุ่นเคือง “เมื่อไรพ่อเธอถึงจะยอมให้ฉันจบการศึกษาสักที?”