ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1133
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1133
วิทนีย์พูดเสียงอ่อย “ฉันขอโทษ พ่อรู้ว่าฉันชอบนายมากเขาก็เลยอยากให้นายอยู่ในสถาบันต่อ เราจะได้สร้างสัมพันธ์กันน่ะ”
เจนสันพูดตอบอย่างเย็นชา “วิทนีย์ ตอนนี้แม่ฉันกำลังเจอสถานการณ์ยากลำบาก ฉันจำเป็นต้องกลับไปช่วยแม่”
วิทนีย์นั้นเป็นคนที่มีจิตใจดี เธอจึงกล่าวสาบานอย่างจริงจังว่า “ไม่ต้องห่วงนะเจนส์ ฉันจะช่วยเธอหาทางเอาชนะพ่อเอง”
เจนสันอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ “ศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องท่จะมาฝึกกันข้ามวันแล้วได้เลย มันไม่มีทางลัดด้วย ฉันคงไม่มีทางเอาชนะเขาได้ ถ้าเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้”
วิทนีย์มองเจนสันแล้วยิ้ม “ตระกูลฉันมีตำราศิลปะการต่อสู้หายากที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น แล้วก็เป็นของที่อยู่เฉพาะในตระกูลคอร์นีเลียสเท่านั้น ถ้านายได้หนังสือนี่มา แม้ว่านายจะไม่สามารถเรียนจนปรุโปร่งได้ทุกท่าในเวลาจำกัด แต่ถ้าดูจากความสามารถในการเรียนรู้ของนายแล้ว อย่างน้อยนายก็น่าจะมีวิธีที่รับมือท่าโจมตีของตระกูลคอร์นีเลียสได้ ถ้าเป็นแบบนั้น พ่อฉันก็ทำอะไรนายไม่ได้”
เจนสันนิ่วหน้า “มันมีสงวนไว้สำหรับตระกูลคอร์นีเลียสเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?”
วิทนีย์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ทำไมเราไม่ทำสัญญาตกลงแต่งงานกันก่อนล่ะ? แบบนั้นนายก็เหมือนเป็นคนของตระกูลคอร์นีเลียสครึ่งหนึ่งแล้ว”
เจนสันกลอกตาใส่เธอก่อนเดินจากไป
วิทนีย์กระทืบเท้าอย่างขัดใจ “เจนส์ ฉันเป็นสาวสวยที่สุดในสถาบันเยาวชนแห่งตำนานแล้วนะ ถ้าฉันได้คู่กับชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่สุดในสถาบันซึ่งก็คือนาย นายก็ไม่มีอะไรต้องเสียเปรียบสักหน่อยเพราะว่าเราก็หน้าตาดีกันทั้งคู่”
เจนสันหมดคำพูด เขาหันกลับมามองเธอก่อนกล่าวว่า “ที่นี่มีเด็กผู้หญิงเรียนอยู่แค่สองคน”
วิทนีย์หน้าแดง
จากเด็กผู้หญิงทั้งสองคนในสถาบัน การที่วิทนีย์นั้นได้ชื่อว่าเป็นสาวสวยที่สุดในสถาบันก็เป็นเหมือนการพูดจาเข้าข้างตัวเอง ซึ่งถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปให้ใครได้ยินก็น่าอับอายมาก
วิทนีย์บอก “เอาล่ะ ก็ได้ ถ้านายไม่อยากแต่งงานกับฉันก็ลืมมันซะเถอะ จำเป็นต้องทำร้ายความรู้สึกฉันแบบนั้นด้วยเหรอ? ไปเจอกันที่ที่เราเจอกันครั้งแรกตอนห้าทุ่มนะ ฉันจะแอบเอาตำราวิชาการต่อสู้นั่นมาให้นาย แล้วก็ถ้านายไม่เข้าใจตรงไหนฉันจะสอนให้เอง”
เจนสันพยักหน้า
“โอเค”
ความกระตือรือร้นอยากจะช่วยเหลือของวิทนีย์ละลายน้ำแข็งในใจของเขาได้จริง ๆ
ตลอดสามปีที่ผ่านมานั้น เจนสันรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก เขาโหยหาอยากพบพ่อกับแม่ รวมถึงสวดภาวนาถึงน้อง ๆ ของเขา ความโหยหานี้กัดกร่อนความเยาว์วัยและหัวใจอันอ่อนแออยู่ตลอดเวลา เขาปิดกั้นตัวเองจนไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนผ่านเกราะของเขาเข้ามาได้
แต่วิทนีย์เป็นเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ไม่ว่าเจนสันจะเย็นชาสักเพียงไหน เธอก็ยังคงมีรอยยิ้มใสซื่อไร้พิษภัยมอบให้กับเขา ตอนแรกเด็กชายหน้าตาดีคนนี้เพียงแค่ทำให้วิทนีย์รู้สึกเห็นใจเพราะว่าเขามีนิสัยที่สื่อสารกับคนอื่นไม่เป็น นี่เลยเป็นเหตุผลที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขายิ้มออกเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่เหงา
ในช่วงเวลาที่เธอเย้าแหย่เขาและพยายามทำให้เขาหัวเราะนั้น เธอก็สูญเสียความเยาว์วัยและใจอันใสซื่อไปเช่นกัน
แต่พวกเขาทั้งสองต่างก็ยังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่านี่เป็นการก่อร่างสร้างรัก
คืนนั้นวิทนีย์แอบเอาหนังสือศิลปะการต่อสู้ออกมาโดยขัดต่อกฎของตระกูล
วิทนีย์มาตรงจุดที่เธอและเจนสันเคยเจอกันครั้งแรก ซึ่งก็คือใต้ต้นซากุระหลังภูเขาในสถาบันเยาวชนแห่งตำนาน และเช่นเคยที่เจนสันนอนอยู่บนพื้นโดยมีหญ้าหางกระรอกคาบไว้ในปาก ดูท่าทางเอื่อยเฉื่อยแต่ก็ดูสูงส่งสง่างาม
“เจนส์” วิทนีย์ดึงหนังสือสีฟ้าออกมาจากอ้อมแขนแล้วยัดใส่มือเจนสัน
เจนสันลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดพลิกดูหนังสือผ่าน ๆ เขารู้สึกตะลึงกับท่าร่างสุดยอดที่บันทึกไว้ในหนังสือนั้น
วิทนีย์บอก “ท่าระดับสุดยอดพวกนี้ต้องใช่เวลาฝึกฝนเป็นปี ถ้านายอยากจะเรียนในระยะเวลาอันสั้น นายก็มีแต่ต้องใช้ทางลัดเท่านั้น บางทีฉันอาจจะถ่ายพลังของฉันให้นายได้?”
เจนสันมองเธออย่างงุนงงก่อนถาม “แล้วเธอจะทำแบบนั้นได้ยังไง?”
วิทนีย์พูดอย่างเขินอาย “ถ้าเราหลับนอนกัน เราก็สามารถ…”
เจนสันยื่นมือออกไปแล้วผลักหน้าของวิทนีย์ที่โน้มเข้ามาใกล้อย่างแรง “นี่เธอคิดว่าฉันโง่นักเหรอ? ข้ออ้างไร้สาระแบบนี้…”
วิทนีย์เม้มปากแล้วบอกว่า “ก็แม่บอกฉันมาแบบนี้นี่นา”