ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1135
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1135
สตีเฟนคิดอยู่ชั่วขณะ “คนนี้แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมากกว่านายท่านอาเรส”
เซร่าขบคิดซ้ำไปซ้ำมาแล้วบอกว่า “พ่อคะ ฉันแน่ใจว่าคนนี้ต้องไม่ใช่แฮกเกอร์ของแกรนด์ เอเซียแน่นอน ถ้ามีแฮกเกอร์ที่เก่งโดดเด่นขนาดนี้ทำงานให้แกรนด์ เอเซีย แล้วทำไมระบบภายในของพวกเขาถึงยังล็อกอยู่ล่ะ?”
สตีเฟนพยักหน้าเห็นด้วย “เธอพูดถูก บางทีอาจจะเป็นแฮกเกอร์จากมือที่สามที่พยายามขโมยระบบปฏิบัติการของพวกเรา”
พอคิดได้แบบนั้นพวกเขาก็รู้สึกเหมือนยกหินออกจากอก
สตีเฟนไม่กังวลเรื่องของแฮกเกอร์อีกแล้ว และหันไปสนใจเรื่องของแกรนด์ เอเซียแทน “นายท่านอาเรสสูญเสียความทรงจำ ดังนั้น นี่จึงเป็นเวลาเหมาะที่เราจะฉวยประโยชน์จากเขา เราต้องทำให้แน่ใจว่าเขากับแองเจลีนจะไม่กลับมาคืนดีกัน ถ้าพวกเขาร่วมมือกันทำงาน เบล เอนเตอร์ไพร์สของเราต้องโค่นไม่เป็นท่าในไม่นานแน่”
แววตาร้ายกาจฉายผ่านดวงตาของแนนซี่ “ฉันรู้วิธีที่จะแยกเจย์และแองเจลีนออกจากกัน ฉันรับรองได้เลยว่าจากนี้เจย์ต้องรังเกียจแองเจลีนอย่างมากแน่”
สตีเฟนมองแนนซี่ด้วยแววตาสนใจ “เหรอ? วิธีอะไรล่ะ?”
แนนซี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ เราต้องให้ตระกูลลอยล์เข้ามามีส่วนร่วมกับเราเรื่องนี้ด้วย”
เมื่อสตีเฟนเข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร เขาก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วกล่าวว่า “ตัวตนของแองเจลีนกับโรสทำให้ทุกคนต่างพากันสับสน ถ้าเราสามารถเอาเรื่องนี้มาหาประโยชน์ได้ ฉันก็แน่ใจว่า นายท่านอาเรสที่ตอนนี้เสียความทรงจำก็ต้องสับสนไม่ต่างจากเรา”
สายตาของสตีเฟนหันไปมองทั้งแนนซี่และเซร่า “ฉันจะมอบงานนี้ให้เธอทั้งสองคน”
เซร่าและแนนซี่ต่างก็หันมามองกัน แนนซี่แค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “ลุงสตีเฟนคะ เธอเป็นลูกสาวคนรองของตระกูลเซเวียร์ไม่ใช่เหรอ? คนที่ชอบแข่งขันกับแองเจลีนเสียทุกเรื่องแต่ก็ไม่เคยชนะเลยสักอย่างใช่ไหม?”
เซร่าเดินเข้าไปหาแนนซี่ก่อนมองหน้าเธอ ใบหน้าของเธอผ่านการโดนไฟลวกมาแล้วยังเห็นร่องรอยแผลแม้ว่าจะผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม เซร่าหัวเราะก่อนพูดว่า “อย่ามาหัวเราะฉันเลยพี่สาว เรามันก็ตะเภาเดียวกัน เราทั้งคู่ต่างก็พ่ายแพ้ให้แองเจลีน เพราะงั้นการเอาเรื่องในอดีตของอีกฝ่ายมาเยาะเย้ยมันก็คงไม่ฉลาดเท่าไร เราน่าจะมาร่วมมือแล้วช่วยกันให้รุ่งเรืองดีกว่านะ”
แนนซี่ตอบ “ถ้างั้นก็ได้ จากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะเป็นคนร่วมแผนการของฉัน ฉันจะปัดเรื่องอคติที่ฉันมีกับเธอพักไว้ก่อน และหวังว่าเราจะทำงานร่วมกันได้ด้วยดี”
เซร่าแก้คำพูดเธอ “ฉันไม่ใช่คนร่วมแผนของตระกูลเบลค่ะ แต่ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลเบล”
แนนซี่โน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูเซร่า “เซร่า ลุงสตีเฟนยังไม่ได้ประกาศตัวตนของเธอต่อหน้าสาธารณชนเลย จนกว่าจะถึงตอนนั้น เธอก็ยังไม่ถือว่าเป็นลูกสาวที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเบลหรอกนะ”
เมื่อพูดจบแนนซี่ก็หันหลังเดินจากไป
เซร่ามองตามแผนหลังของแนนซี่ ดวงตาของเธอฉายแววชิงชังและไม่พอใจ “วันไหนที่ฉันได้ครองเบล เอนเตอร์ไพรส์ วันนั้นฉันจะดูซิว่า เธอจะยังมีหน้ามาจองหองและหยาบคายใส่ฉันอีกไหม”
ที่สวนบันทึกรัก
เซ็ตตี้น้อยกำลังคุยโทรศัพท์กับฟินน์
เจย์นั่งอยู่บนโซฟา แล้วยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเป็นระยะ เขาบ่นพึมพำ “นี่ก็ตั้งชั่วโมงหนึ่งแล้ว ทำไมพวกเขายังคุยกันไม่จบอีก?”
แองเจลีนนั่งอยู่ข้างเขา เธอกอดแขนเขาแล้วปลอบอย่างใจเย็น “คุณเลี้ยงฟินน์มาเองกับมือนะคะ เขาหน้าตาดี นิสัยดี แล้วก็มีความสามารถโดดเด่น ที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นฟินน์ก็เป็นคนช่วยเซ็ตตี้จากพวกนักเลงจนเขามีแผลเป็นกับรอยช้ำเต็มตัวไปหมด”
เจย์มองแองเจลีนอย่างหมดคำพูด “งั้นคุณก็เต็มใจเอาลูกสาวใส่พานให้เขาเหรอ?”
แองเจลีนตอบด้วยท่าทางจริงจัง “ก็นั่นคุณพูดเองไม่ใช่เหรอ? คุณพูดเองนี่ว่าต้องใช้ชีวิตตอบแทนผู้ที่ช่วยชีวิต?”
เจย์ถามอย่างไม่แน่ใจ “ผมพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร?”
“หลังจากที่คุณช่วยฉันเอาไว้เมื่อก่อนนั้น คุณก็ไม่ยอมเลิกพูดว่า ต้องใช้ชีวิตตอบแทนผู้ช่วยชีวิตเลยสักวัน”
เจย์ “…”
ถ้าเขาใช้ข้ออ้างนี้เพื่อมาค้านความสัมพันธ์ระหว่างเซ็ตตี้น้อยกับฟินน์ ก็จะทำให้เขาเป็นคนสองมาตรฐาน ดังนั้นเจย์จึงคิดหาข้ออ้างใหม่ “เซ็ตตี้น้อยเรียกฟินน์ว่าอา อายุห่างขนาดนี้ถ้าคบกันมันก็ไม่เหมาะสมนะ”
แองเจลีนแย้งเสียงแข็ง “อายุพวกเขาก็ไม่ได้ห่างกันมากสักหน่อย อันที่จริง ฉันเคยเรียกคุณว่า ท่านอาเรส ด้วยนะ แบบนั้นมันไม่ยิ่งอายุห่างกันมากกว่าอีกเหรอ?”
สีหน้าไม่พอใจบนใบหน้าเจย์แข็งค้าง
“คุณเคยเรียกผมว่า ท่านอาเรส เหรอ?”
แองเจลีนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”