ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 120
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 120
การเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนโลกได้เกิดขึ้นด้านนอกในขณะที่พวกเขากำลังทานมื้อเที่ยง
เมื่อเจย์และเด็ก ๆ ออกจากร้านอาหารพร้อมกับกล่องอาหาร เขาก็สังเกตเห็นแถวยาวของรถหรูที่จอดอยู่ด้านนอก เหล่าบอดี้การ์ดในชุดเรียบร้อยยืนด้วยความระวังเต็มที่อยู่ถัดไปจากรถเหล่านั้น
การตอบสนองแรกของเจย์หลังจากเห็นความเกินเหตุนี้คืออุ้มเจนสันขึ้นบนแขน
เจนสันไม่ชอบฝูงคน เขาต่อต้านการถูกแตะต้องจากคนแปลกหน้า นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมปู่ย่าของเจนสันจึงไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงหรือคนขับรถให้หลานที่รักของพวกเขาแล้วไปรับส่งเขาเอง เหมือนคนธรรมดาทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สมาชิกตระกูลอาเรสทั้งสี่รุ่นนั้นใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกัน ปู่ย่าตายายของเจนสันและเจย์อาจใช้ชีวิตติดดิน แต่ทวดอาเรสและลูกของเขาอีกสามคนนั้นเป็นพวกที่หรูหราแบบสุด ๆ
เมื่อไหร่ที่พวกเขาออกมา มันจะตามมาด้วยขบวนรถยนต์หรูและบอดี้การ์ดนับไม่ถ้วนเสมอ บางครั้ง ถึงกับมีนักข่าวตามติดชีวิตพวกเขาไปด้วย ทำให้พวกเขายิ่งดูยิ่งใหญ่กว่าพวกราชวงศ์ด้วยซ้ำ
ทวดอาเรสนั้นอายุแปดสิบแล้ว แม้ว่าเขาจะดูเด็กกว่าอายุก็ตาม เขายังดูมีชีวิตชีวาแม้ว่าผมจะกลายเป็นสีขาวเงินไปแล้ว ดวงตาของเขายังคงเฉียบคมและดุดัน เขาดูอายุไม่มากไปกว่าหกสิบเสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่ทวดอาเรสได้ออกมาจากรถ พยาบาลสาวสวยอายุน้อยสี่คนก็ตามดูแลเขา แม้ว่าการก้าวเดินของเขาจะมั่นคงในตอนที่เดินมาหาเจย์ก็เถอะ
ด้านหลังของเขาคือลูกชายทั้งสี่ เดินมาตามลำดับอายุ
ลูกชายคนโตคือพ่อของเจย์และปู่ของเจนสันและร็อบบี้น้อย เขาดูเป็นชายใจดีและมีเมตตา ไม่มีใครคาดคิดว่าชายชราที่ดูยิ้มแย้มและใจดีคนนี้คือคนเดียวกับที่นำธุรกิจของตระกูลอาเรสขยายไปสู่ต่างประเทศ
นายท่านชราแห่งอาเรสคนที่สองและสามนั้นมีลูกหลานเยอะที่สุด ลูกพี่ลูกน้องส่วนใหญ่ของเจย์นั้นมาจากสองครอบครัวนี้
เด็กของตระกูลอาเรสนั้นสืบสายเลือดอันเหนือชั้นของทวดอาเรสมา พวกเขาหลายคนมีตำแหน่งทางทหารใหญ่โตหรือแม้กระทั่งเป็นแพทย์ที่น่าทึ่ง
จากนั้น ก็เป็นลูกชายคนเล็ก เขาเกิดหลังจากที่ทวดอาเรสอายุได้หกสิบปี สิ่งทำให้เขาได้รับความรักส่วนใหญ่และได้รับการตามใจที่สุดในทั้งสี่คน
อาคนที่สี่ของเจย์นั้นเป็นเพลย์บอยร่ำรวยทั่วไป เขาไม่ทำงาน ทักษะที่เขาเก่งที่สุดคือหลีสาวไปเรื่อย
อาสี่ของเจย์นั้นอายุเท่ากับเขา อาสี่อาจมีตำแหน่งทางเครือญาติสูงกว่า แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาอยู่เหนือเจย์ เจย์นั้นเป็นชายที่สุดยอดกว่าเขามากมาย ทั้งคู่จึงมีความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งชังในเวลาเดียวกัน
พวกเขาทั้งหมดปรากฏตัวที่แกรนด์เอเซียในวันนี้ เจย์คิดเป็นอื่นไม่ได้ที่คนจำนวนมากขนาดนี้มาที่แกรนด์เอเซีย นอกจากมาเพื่อพบแฝดทายาทรุ่นเล็กน้อยของตระกูลอาเรส
ร็อบบี้น้อยหน้าบึ้งเมื่อเห็นการปรากฏตัวที่เกินเหตุมากไปของคนเหล่านี้
“โอ้ ให้ฉันดูพวกเธอหน่อย เหลนของฉัน! ทั้งสองคนดูเหมือนกัน! ให้ฉันเดาหน่อย คนไหนคือร็อบบี้ แล้วคนไหนคือเจนสัน?” ทวดอาเรสบางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็ก เขาร้องเสียงแหลมด้วยความเบิกบานเมื่อเห็นเด็กน้อยที่น่ารักสุด ๆ ทั้งสอง
กลุ่มญาติชราล้อมรอบทั้งร็อบบี้และเจนสัน ร็อบบี้นั้นไม่ชอบใจนักในตอนนี้ ท่าทางของเขาไม่ต่างจากเจนสัน
“ฉันสงสัยจังว่าใครเป็นใคร!” ทวดอาเรสและเหล่าปู่ ๆ ทั้งหลายต่างนิ่งงัน
ปู่สี่ จอห์น อาเรส นั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้เล่น เขาเดินมาแล้วบีบจมูกพวกเขาโดยไร้ซึ่งคำเตือน “การแยกเจนสันออกจากร็อบบี้น่ะง่ายจะตายไม่ใช่เหรอ? คนที่ส่งสายตาเอาเรื่องคือเจนสันไง” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน
เจนสันจ้องเขาอย่างเคร่งขรึม ในขณะที่ร็อบบี้มองพวกเขาอย่างใสซื่อ
“เห็นไหม? คนนี้คือเจนสัน” เขากล่าวพร้อมดึงเจนสันมาหาเขา “หมาน้อยตัวนี้ก็เหมือนพ่อเขา เขาไม่ชอบพูด และทำเพียงจ้องคนอื่น เขาไม่น่ารักเอาซะเลย”
เจย์จ้องอาสี่ของเขา “เจนส์ของผมไม่ได้ต้องการความชื่นชอบจากคุณ” จากนั้น เขาก็ดึงเจนสันกลับมาข้างกาย
หลังจากจบการเกริ่นนำ ทวดอาเรสก็ประกาศอย่างเคร่งขรึม “โจเซฟินบอกว่าร็อบบี้ไม่จำเป็นต้องรับการตรวจดีเอ็นเอ เราสามารถรู้ได้จากการมองครั้งแรกว่าเขามาจากตระกูลอาเรส ฉันเองก็คิดว่าไม่จำเป็นเช่นกัน พาเขากลับบ้านตระกูลอาเรสทันที ไม่มีเหตุผลที่จะให้ทายาทของตระกูลอาเรสต้องอยู่ข้างนอก”
ประโยคสุดท้ายนั้นเอาแต่ใจอย่างที่สุด