ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 123
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 123
ทวดอาเรสเอื้อมมือออกไปวางบนปึกธนบัตรหนาอย่างแรง ดวงตาที่เคยแหลมคมดุดันของเขาฉายประกายความยินดีแบบเด็ก ๆ ออกมา
“ถ้าเธอรู้ว่าเงินมันสามารถซื้อของดี ๆ มากมายได้ แล้วทำไมเธอถึงยังปฏิเสธมัน?” เขากล่าวอย่างรักใคร่เอ็นดู
“ทวดต้องรู้ว่าเธอและแม่ของเธออยู่ในห้องเช่า ร็อบบี้น้อย ด้วยเงินนี้ เธอสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่ให้แม่ได้ แล้วเธอก็จะดีใจมาก มาก ๆ”
ร็อบบี้น้อยเงยหน้าขึ้น “คุณทวดครับ คุณแม่กับผมนั้นไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับคุณทวดก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะรับของขวัญจากใครก็ได้ง่าย ๆ คุณแม่สอนผมว่าผมควรใช้ชีวิตด้วยความสามารถของตนเอง ถ้าผมอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ผมต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อสำเร็จเป้าหมายของตัวผมเอง” เขากล่าวอน่างมั่นใจกับทวดอาเรส
“คุณแม่ยังกล่าวว่า วิกฤตสามารถกลายเป็นโอกาสได้ และโอกาสก็สามารถกลายเป็นวิกฤตได้เช่นกัน คุณทวดให้เงินผมจำนวนมากอาจดูเป็นเรื่องดี แต่หากคิดดูให้ดี ๆ มันก็มีอันตรายร้ายแรงซ่อนอยู่ด้วย”
ทวดอาเรสชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของร็อบบี้น้อย
อย่างไรก็ตาม ประโยคสุดท้ายของร็อบบี้น้อยทำให้ทุกคนสะดุ้ง
ย่าสามกล่าวกับเขาทันที “ร็อบบี้น้อย คุณทวดมอบของขวัญให้หลานด้วยความหวังดีของเขา ทำไมหลานบอกว่าเขาซ่อนอันตรายร้ายแรงไว้ล่ะ? หลานคิดว่าเขาอาจจะมีเจตนาร้ายกับหลานเหรอ?”
เด็กชายวัยห้าขวบนั้นอาจคิดอะไรไม่สอดคล้องกันได้ ย่าสามจึงต้องการใช้ประโยชน์แล้วเปลี่ยนความหมายของคำพูดของร็อบบี้น้อย ชัดเจนว่าเธอต้องการรังแกเขา
ร็อบบี้น้อยกล่าวแก้ไขให้ย่าสามของเขาทันที
“คุณพูดผิดแล้วครับ คุณย่าสาม อันตรายร้ายแรงที่ซ่อนไว้ที่ผมกล่าวถึงไม่ใช่สิ่งที่คุณคิด ต่อให้คุณทวดมอบเข็มที่เล็กที่สุดให้ผม ผมก็ยังดีใจที่ได้รับมัน”
“แล้วอันตรายร้ายแรงที่ซ่อนไว้ของหลานคืออะไร?” ย่าสามย้อน
เธอมั่นใจมากว่าเด็กห้าขวบไม่มีทางตอบคำถามได้แน่
ร็อบบี้น้อยกะพริบดวงตาที่บริสุทธิ์และสุกใสของเขาแล้วพูด
“ถ้าคุณทวดมอบเงินจำนวนมากให้ผม ผมจะกลายเป็นคนขี้เกียจและไม่ตั้งใจเรียน และนั่นจะทำให้ผมไม่มีความสามารถในการทำอะไรเลย ในจุดแรก เพื่อน ๆ ของผมอาจอิจฉาผมที่ผมมีเงินมากมาย คนร้ายอาจหาทางลักพาตัวผมหรือทำร้ายผมเพื่อให้ได้เงินของผมมา ผมจะไม่รู้สึกปลอดภัยอีกต่อไป นั่นคือจุดที่สอง อีกอย่าง…”
เมื่อร็อบบี้น้อยกล่าวออกมา จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็มีน้ำตาเอ่อขึ้น เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าแต่กลับหยุดลง ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนรู้สึกสงสารเขา
ทวดอาเรสนั้นประหลาดใจกับสุนธรพจน์ของร็อบบี้น้อย เขาเป็นห่วงเมื่อเห็นร็อบบี้น้อยที่จู่ ๆ ก็ดีเศร้าหมองลง “เกิดอะไรขึ้น?” เขาถาม
ร็อบบี้น้อยยกดวงตาที่เปียกปอนของเขาขึ้น “คุณทวดครับ ยิ่งคุณทวดแสดงความรักให้ผม น้องสาวของผมก็ยิ่งน่าสงสาร ผมไม่อยากให้น้องสาวของผมเศร้า”
ทวดอาเรสประทับใจมากกับความมีน้ำใจและเฉลียวฉลาดของร็อบบี้น้อย
“ฉันเริ่มชอบเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ” ทวดอาเรสวางบัตรเครดิตระดับไดมอนต์บนมือของร็อบบี้น้อยแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “เงินในนี้ไม่ได้มากขนาดนั้น มอบมันให้แม่ของเหลนเมื่อกลับบ้าน คิดซะว่ามันเป็นค่าตอบแทนที่เธอช่วยทวดเลี้ยงดูเหลนที่น่าทึ่งและน่าเอ็นดูแบบนี้”
ร็อบบี้น้อยวางบัตรเครดิตกลับไปที่ถาดหยก “คุณทวดครับ คุณแม่ไม่ได้ต้องการเงินของคุณทวดหรอกครับ”
เขาหันไปมองเจย์ที่ยืนข้างเขาแล้วกล่าว “ไม่กี่วันก่อน คุณพ่ออยากจะให้เงินจำนวนมากกับคุณแม่ แต่คุณแม่ไม่อยากได้มันสักเซ็นต์เดียว คุณแม่บอกว่าแม่ทุกคนล้วนมีความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกของตัวเอง”
ทวดอาเรสไม่รู้ว่าเขาต้องตอบสนองอย่างไร
เขาไม่เคยเจอเด็กที่รู้จักวัตถุนิยมแต่ไม่ใช่พวกวัตถุนิยมมาก่อน
ทวดอาเรสพบเรื่องที่น่าชื่นชมเรื่องใหม่ของร็อบบี้น้อย และต้องการที่จะแสดงความรักทั้งหมดที่เขามีให้ในตอนนั้น แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องดีหากเด็กได้รับความสนใจมากไป ไม่อย่างนั้นเด็กคนนี้อาจกลายเป็นเจนสันอีกคน
ทวดอาเรสได้กลับมาทำตัวจริงจังเช่นเดิมและกล่าวกับร็อบบี้น้อยอย่างชัดเจน “ไม่คิดว่ามันหยาบคายไปหน่อยรึ ที่เหลนไม่รับของขวัญต้อนรับจากทวด?”