ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1266
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1266
สเปนเซอร์พูดอย่างมีโทสะ “คาร์สัน แกส่งมันกลับคืนมาทำไม?”
คาร์สันเงียบ
ถึงอย่างไรเขานั้นก็เป็นคนของโคล แล้วเขาจะหักหลังนายน้อยของเขาง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?
สเปนเซอร์ถอนใจ “เฮ้อ หิมะก็ตกมานานแล้ว ไม่รู้ทองคำแท่งในห้องเก็บสมบัติของฉันจะขึ้นราหรือยัง? ครอบครัวฉันก็ไม่มีทายาท แล้วอนาคตใครจะมาดูแลทองพวกนี้ให้ฉันกันนะ?”
ความทุ่มเทที่คาร์สันมีให้กับนายน้อยของเขานั้นไม่สามารถเอาชนะเงินทองที่ยั่วใจได้ เขารีบเปลี่ยนข้างและเอานิ้วมาจิ้มโคลก่อนบอกว่า “นายท่านครับ นายน้อยบอกว่าท่านน่ะมีคนรักมากมายในชีวิตนี้ และก็ทำให้บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายที่เคยคบหากับท่านต่างก็อกหัก ต้นกระบองเพชรนี้น่าจะเหมาะกับท่านมากกว่าเพราะว่ามันมีหนามเพียบ”
โคลหน้าเคร่งมองคาร์สันด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะจากด้านหลัง เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “แก ไอ้คนเฮงซวย เงินสำคัญกับแกมากหรือไง? ทำไมแกถึงได้ทำงานไม่มีความเป็นมืออาชีพขนาดนี้?”
คาร์สันรีบไปแอบอยู่หลังประมุขของตระกูล เมื่อมีสเปนเซอร์คอยหนุนหลังคาร์สันก็ยิ่งได้ใจ
“ผมเห็นด้วยกับคุณทุกอย่างครับนายน้อย แต่ว่าผมก็แค่เข้าข้างนายท่านเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหาภรรยาของคุณ มุมมองทางด้านความรักของคุณมีปัญหาแล้วคุณก็ต้องแก้ไข ไม่อย่างนั้นคุณต้องตายอย่างเดียวดายแน่”
“แกอยากตายเหรอไง?” โคลพูดอย่างฉุนเฉียว “มุมมองด้านความรักของฉันมันผิดตรงไหน? ฉันก็แค่อยากมีความรักที่เรียบง่าย มีคนรักแค่คนเดียวไปทั้งชีวิต แล้วแบบนั้นมันผิดตรงไหน?”
คาร์สันพูดแย้ง “คุณชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วดังนั้นมันเลยผิด เธอไม่รักคุณกลับด้วยแต่คุณก็ยังพยายามจะไปยุ่งเกี่ยวกับเธอนั่นก็ยิ่งผิดไปใหญ่ เธอเมินคุณ แต่คุณก็ยังคิดถึงเธอแล้วก็พยายามปกป้องเธอ ความคิดของคุุณมันผิดอย่างใหญ่หลวง”
โคลโมโหจัดจนเงื้อมือขึ้น…
คาร์สันรีบวิ่งไปหลบหลังโซฟาของสเปนเซอร์
สเปนเซอร์นั้นเป็นคนอ่อนโยนและไม่เคยขาดผู้หญิงในชีวิต มุมมองด้านความรักของลูกชายนั้นมักทำให้เขารังเกียจจนบรรยายไม่ถูก
“โคล ในโลกนี้มีผู้หญิงอีกเป็นแสนเป็นล้าน ทำไมถึงต้องหมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงคนเดียวด้วย? ขนาดในป้อมตระกูลยอร์กก็ยังมีป้อมเล็ก ๆ อีก 108 ป้อม แกน่าจะออกไปข้างนอกให้มากกว่านี้และก็ลองมองหาสาวสวย ๆ ดู แกก็จะค่อย ๆ ลืมผู้หญิงคนที่ทำแกคลั่งรักไปเองน่ะแหละ”
“ในโลกนี้มีผู้หญิงเป็นแสนเป็นล้านก็จริง แต่ว่าพวกหล่อนไม่ใช่แองเจลีน” โคลมักจะมีสีหน้าภาคภูมิเสมอเวลาเขาพูดถึงแองเจลีน
“เธอมีอะไรดีนักหนา?” สเปนเซอร์สงสัยมาตลอดว่าผู้หญิงแบบไหนที่ทำให้ลูกชายสุดจองหองของเขาสยบแทบเท้าได้
“ทุกอย่างที่เป็นเธอมันเกินที่จะหาคำพูดมาอธิบายได้” โคลพูดอย่างโอหัง
เธอนั้นเป็นผู้หญิงที่รักผู้ชายของเธอในทุกชาติภพ ผู้หญิงที่บอบบางเหมือนดอกรุ่งอรุณแต่กลายเป็นไม้ยืนต้นแข็งแกร่งได้เพื่อคนรักของเธอ
โคลคิดว่าผู้หญิงแบบนี้มีค่ามาก
เธอเป็นคนที่พันปีก็หาได้ยาก
สเปนเซอร์ไม่พอใจกับความลุ่มหลงและทุ่มเทของลูกชาย เขาพูดกับลูกอย่างไม่ถนอมน้ำใจว่า “คนเราก็ต้องเจียมตัวไว้บ้าง โคล ยอร์ก แกรอผู้หญิงคนนี้มาสามปีแล้วแถมแกเขียนจดหมายรักหนาปี้กไปไม่หยุดหย่อน จนตอนนี้น้ำพุยังแทบแห้งเหือดไปแล้วแต่แกยังไม่ได้รับคำตอบจากเธอเลยสักครั้ง ถึงตอนนี้แล้วแกยังไม่ตัดใจอีกเหรอ?”
หากว่าก่อนหน้านี้สเปนเซอร์ว่าเขาแบบนี้ โคลก็คงจะคอตกแล้วก็ดูห่อเหี่ยวไปแล้ว
แต่ว่าวันนี้โคลกลับยืนตัวตรงและพูดอย่างภาคภูมิว่า “พ่อ ผมจะมาบอกพ่อว่าวันนี้ให้ปิดค่ายกลข้างนอกให้ผมด้วย”
พอได้ยินสเปนเซอร์ก็มองอย่างไม่อยากเชื่อ “แกต้องบ้าไปแล้วแน่ เราทำเรื่องเลวร้ายมากมายอยู่ข้างนอกแล้ว และค่ายกลข้างนอกนั้นก็เป็นเหมือนเครื่องรางที่คุ้มครองเรา แล้วเราจะปิดได้ยังไง? ไม่ใช่แค่แกจะปิดพวกมันหมดไม่ได้ แต่แค่จะปิดอันเดียวก็ไม่ได้ มีแค่ตอนที่เปิดใช้ค่ายกลเท่านั้นฉันถึงจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ”
โคลตอบอย่างจริงจังไม่เหมือนปกติ “ไม่ว่ายังไงวันนี้มันก็ต้องปิด”
สเปนเซอร์มองคาร์สันอย่างสงสัย “ตอนนี้เจ้านายของแกเป็นอะไรไป?”
คาร์สันอธิบายว่า “นายท่าน ข้างนอกมีนักท่องเที่ยวสองสามคนมา แล้วคนหนึ่งในกลุ่มก็คือแองเจลีน ผู้หญิงที่นายน้อยพูดถึงอยู่ตลอด”
ตอนแรกประมุขตระกูลนอนอยู่บนเก้าอี้เอนหลังท่าทางเอื่อยเฉื่อย เมื่อเขาได้ยินว่าผู้หญิงที่ลูกชายของเขาคลั่งรักมาถึงหน้าประตูบ้านตัวเป็น ๆ เขาก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที