ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1267
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1267
สเปนเซอร์กระเด้งตัวจากเก้าอี้เอนหลังอย่างกระฉับกระเฉงราวกับได้เจอทอง
“ลูกสะใภ้ฉันขึ้นเขามาเหรอ เร็วเข้าไปปิดค่ายกลให้หมด”
คนให้ห้องโถงทั้งหมดต่างก็พากันอึ้งไป
หนึ่งในผู้หญิงของเขาเอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “นายท่านคะ ท่านจะปิดค่ายกลทั้งหมดได้ยังไงคะ? หากว่ามีคนร้ายฉวยโอกาสเข้ามาล่ะ?”
ความหวาดกลัวความตายของสเปนเซอร์หายไปล้ว “พวกยอร์กเรามีตั้ง 108 ป้อม แต่เราจะกลัวแค่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเหรอ? หากว่าเรื่องนี้หลุดออกไปคนจะมองเรายังไง?”
อนุของเขาพลันเงียบไป
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายท่านได้พยายามบังคับให้นายน้อยแต่งงานแล้วก็มีทายาม แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว หากว่ามีผู้หญิงที่ทำให้นายน้อยปลงใจได้ นายท่านก็ต้องปฏิบัติต่อเธอเหมือนผู้มีพระคุณแน่นอน
สเปนเซอร์ปิดตัวกั้นถนนที่เข้ามาในภูเขาและโคลก็เร่งออกไปข้างนอก
สเปนเซอร์จะพลาดวันสำคัญของลูกชายไปได้อย่างไรกัน? เขารีบรวบรวมคนและสั่งการพวกเขา “ไปเตรียมแตรและเครื่องเป่ามาเล่นต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ของป้อมตระกูลยอร์กด้วย”
“ครับ”
เวลาเดียวกัน เจย์ก็เลือกที่จะเดินไปถนนด้านซ้าย แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าถนนเส้นนี้ท้าทายและอันตรายมากกว่า
เซย์นและโจเซฟินที่เดินอยู่ด้านหน้า ต่างก็พากันล้มระเนระนาด พวกเขาล้มกลิ้งไถลลงเขาและไปติดกับต้นไม้ พวกเขาทั้งสองต่างก็ดูตกใจกลัวมาก
เซย์นคว้าต้นไม้ไว้อย่างยากลำบากก่อนที่จะดึงโจเซฟินขึ้นมา จากนั้นเขาก็พูดอย่างเสียใจสุดซึ้งว่า “ผมบอกคุณแล้วว่าถนนด้านซ้ายมันอันตรายกว่า”
เกรย์สันก็พยายามจะแก้ตัวแทนเจ้านายในเรื่องการเลือกทางผิด “ถนนเส้นที่ถูกต้องก็ต้องลำบากว่าเป็นธรรมดา”
“นายรู้ได้ยังไง? นายเคยเดินผ่านถนนเส้นนี้มาก่อนเหรอ? นายก็แค่ชื่มชมเขาอย่างหน้ามืดตามัวเท่านั้น ฉันว่าตดเขานายก็คงยังว่าหอม”
เซย์นกอดต้นไม้แน่นและเริ่มคร่ำครวญ “ผมไม่ไปต่อแล้ว ผม… ผม ผมต้องดูแลตัวเอง ผมมีความรับผิดชอบต้องดูแลพ่อแม่นะ”
สีหน้าเจย์มืดครึ้ม “แล้วใครขอให้นายมาตั้งแต่แรกล่ะ?”
เซย์นนั้นเตรียมจะล่าถอยแล้ว “เรากลับไปกันดีไหม? ถอยหลังตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ”
ความมุ่งมั่นของแองเจลีนที่จะตามหาร็อบบี้น้อยนั้นหนักแน่นราวหินผา ถ้าจะหยุดเธอคงต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ เธอบอกว่า “ทำไมพวกคุณทั้งหมดไม่กลับไปล่ะ? ฉันกับสามีจะไปต่อเอง”
เซย์นยิ่งลังเลหนัก “แล้วใครจะมาปกป้องเราล่ะ ถ้าเธอสองคนไปแล้ว?”
เจย์ตอบ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก พระเจ้าคงไม่ได้อยากเอาชีวิตไร้ประโยชน์ของนายไปเร็ว ๆ นี้แน่”
เซย์นนั้นถูกกระตุ้นจนได้ เขาเลยยืนขึ้น “ไปกันต่อเถอะ”
ตอนนั้นก็มีแผ่นดินไหวรุนแรงและต้นไม้ก็เริ่มขยับไหว ขนาดเนินลาดชันก็ยังสั่นและภูเขาส่วนหนึ่งก็เริ่มที่จะเอียง
เซย์นนั้นหวาดกลัวมากจนเริ่มโหยหวนเหมือนหมาป่า “เวรแล้ว เวร คราวนี้เราตายแน่ แผ่นดินไหวใช่ไหมนี่?”
เกรน์สันมองภูเขาที่สงบนิ่งซึ่งอยู่ห่างออกไป “ไม่ใช่แผ่นดินไหวหรอกครับ”
“งั้นก็โคลนถล่มเหรอ?”
รอบข้างไม่มีสัญญาณอะไรของดินถล่ม ดังนั้นเกรย์สันจึงปฏิเสธ “ไม่ใช่โคลนถล่ม”
เซย์นเริ่มเดามั่ว “งั้นก็แผ่นดินถล่ม?”
เกรย์สันมองเนินเขาที่ค่อย ๆ ขยับและส่ายหัว “ดูเหมือนจะไม่ใช่”
จู่ ๆ เจย์ก็พูดขึ้นมาว่า “ต้นไม้เคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบ ภูเขาก็ค่อย ๆ ลาดเอียงอย่างช้า ๆ แล้วสี่งกีดขวางถนนก็หายไป น่าจะเป็นไปได้ว่ามีคนปิดกลไกค่ายกลของภูเขานี้”
ริมฝีปากเจย์ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ดูเหมือนว่าเราจะมาถูกที่แล้ว ที่นี่ต้องเป็นรังของพวกองค์กรโลกาวินาศแน่”
เซย์นร้องเสียงแหลมเหมือนหมูโดนเชือด “งั้นแปลว่าเราถึงเวลาตายแล้วสิ อ๊าก ผมยังไม่อยากตายนะ ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาผมทุกข์ระทมมาก ตอนครึ่งชีวิตที่เหลือนี่กำลังจะมีความสุขแล้วเชียว ทำไมพระเจ้าไม่เป็นธรรมกับผมเลย?”