ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 1268
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 1268
เจย์มองเซย์น แม้ว่าเสียงของหมอนี่จะโดนแปลงไป แต่เขาก็ยังสติแตกเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่เหมือนเดิม หากว่ามองดูเซย์นอย่างตั้งใจแล้วก็จะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา
เขายังคงกดดันเซย์นต่อ “ถ้านายไม่อยากตาย ก็หุบปากซะ”
ประโยคนี้เหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เซย์นหุบปากฉับ
ไม่นานปาฏิหาริย์ก็บังเกิด
เหมือนกับว่ามีนางฟ้ามาเสกมนตร์ให้กับถนนบนเขานี้ จู่ ๆ พื้นถนนก็ราบเรียบ หิมะหนาก็ราวกับว่าโดนกวาดออกไปจนหมดเผยให้เห็นต้นไม้สีเขียวสด
เซย์นพูดด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่ในใจ “คนที่รอดจากวิกฤติรอบนี้ไปได้ จากนี้ต้องโชคดีแน่”
ทั้งโจเซฟีนและพี่เชอร์ลีย์ต่างก็แสดงท่าทางยินดีที่รอดพ้นหายนะมาได้
ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์จู่ ๆ ก็เย็นชายิ่งกว่าหิมะที่อยู่รายรอบ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้ค่ายกลนั้นโดนปิดก็เป็นเพราะว่าแองเจลีนใช้ชื่อของตัวเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
เขานึกด่าโคลในใจ ‘ไอ้หนอนสวะ’
แองเจลีนคิดบางอย่างได้และรีบบอกเจย์ “ที่รักคะ พอเราเข้าไปที่ป้อมแล้ว คุณต้องไม่เปิดเผยตัวตนนะ ถ้าเราจำเป็นต้องทำก็ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง ฉันคิดว่าโคล ยอร์กคงไม่สร้างปัญหาให้ฉันหรอก”
ขณะที่เจย์กำลังจะเอ่ยขัด แองเจลีนก็บอกว่า “ถ้าไม่อดทนสักหน่อยก็อาจจะทำลายทุกอย่างที่เราทำมาได้ ที่รักคุณต้องคิดเพื่อลูก ๆ และฉันนะ”
เจย์ตอบ “ก็ได้”
ตัวตนที่แท้จริงของเจย์นั้นมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม
เขาเป็นลูกชายของโคลอี้ ยอร์ก ในแง่นั้นตระกูลยอร์กก็อาจจะปฏิบัติต่อเขาต่างออกไป
แต่ว่าเขาก็เป็นลูกชายของตระกูลอาเรสด้วย และพวกอาเรสก็เป็นศัตรูตัวเอ้ของตระกูลยอร์ก
ก่อนที่เขาจะรู้ว่าพวกยอร์กจะทำกับเขาเช่นไร เจย์ก็ไม่อาจเปิดเผยตัวตนออกมาได้อย่างที่อยากทำ
แองเจลีนได้ตัดสินใจเรื่องนี้หลังจากที่คิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว
หลังจากที่สิ่งขวางกั้นบนถนนโดนขจัดออกไป ถนนลงจากเขาก็วนเวียนลงไปด้านล่าง แม้ว่าจะดูซับซ้อนไปหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง
หลังจากเดินมาประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็เห็นพื้นดินโล่งกว้างอยู่ตรงหน้า
มีตัวอาคารเก่าแก่ถูกสร้างอยู่บนบริเวณนั้น มันดูเหมือนวัดที่มีปีกหลังคายื่นออกมาและมีระเบียง พวกเขาสะกิดกันและซ่อนตัวตรงครึ่งทางลงมาจากเขา
สิ่งที่ประหลาดก็คือ บริเวณรอบป้อมยอร์กไม่มีหิมะเลย และอุณหภูมิโดยรอบก็ดูอุ่นกว่าส่วนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ความอบอุ่นนั้นทำให้เซย์นและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาอยากจะอยู่ตรงนี้ให้นานขึ้นอีกหน่อย
ทั้งกลุ่มต่างก็พากันเดินมุ่งไปที่ประตูของป้อมตระกูลยอร์ก
มีผนังคอนกรีตที่ล้อมรอบป้อมตระกูลยอร์กอยู่ และมีคนหลายคนยืนอยู่บนกำแพงพร้อมถือแตรไว้ในมือ
เจย์กระซิบบอกแองเจลีน “ดูเหมือนว่าเราน่าจะมาไม่ผิดที่นะแองเจลีน เป็นไอ้เจ้าหนอนสวะนั่นจริง ๆ”
สเปนเซอร์มองกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินเข้ามาหาและเห็นว่ามีผู้หญิงสองคนที่ถูกผู้ชายอีกสองคนอุ้มลงเขามา ขณะที่ผู้หญิงอีกคนดูเหมือนจะล้มฮวบลงใส่ชายอีกคนและเธอโดนเขาลากมา สเปนเซอร์หรี่ตาเหยี่ยวของเขามองอย่างสับสน
“โคล คนไหนคือแองเจลีนของแกน่ะ? ดูเหมือนสายตาพ่อจะไม่ดีแล้ว ฉันจ้องดูพวกเธอตั้งนานก็ยังไม่เห็นว่าจะมีคนไหนในสามคนนี้ดูพิเศษเลย”
ดวงตาของสเปนเซอร์ยังคงคมชัดเหมือนเดิม แต่เขาอยากใช้โอกาสนี้เย้าแหย่ลูกชาย
โคลยื่นคอออกไปมองและดูอยู่นานเพราะว่าเขามองไม่เห็นหน้าของพี่เชอร์ลีย์หรือแองเจลีน เขาก็ไม่กล้าด่วนสรุปและยังคงครุ่นคิดอยู่ ‘แองเจลีนนั้นมีศิลปะป้องกันตัว เธอไม่น่าอ่อนแอจนต้องให้ใครอุ้มลงมาจากเขา’
สเปนเซอร์ยังคงแหย่ลูกชาย “แสดงว่าแกชอบผู้หญิงที่ทำตัวติดหนึบสินะ? ฮ่าฮ่า งั้นจากนี้แกก็ต้องคอยอุ้มเมียขึ้นลงเขาทุกวันแล้ว ถือว่าเป็นการออกกำลังกาย”
โคลมองพ่ออย่างขุ่นเคือง “แองเจลีนไม่ใช่พวกชอบทำตัวติดหนึบ”
นายท่านรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินดังนั้น