ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 533
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 533
คนงานได้ทุบผนังเป็นรูขนาดใหญ่ด้านนอกของชั้นสองที่หอท่าเรือหอมหวนด้วยเสียงอึกทึก
คนงานสองสามคนเริ่มทะเลาะวิวาทกันเอง “จิโอวานนี่ได้บอกว่าพื้นที่บนห้องใต้หลังคานี้ต้องการแค่ปรับปรุงเพิ่มเติม ไม่ใช่การรื้อถอน ตอนนี้นายรื้อมันออกแล้ว นายกำลังหาเรื่องถูกไล่ออก รู้ไหม?”
จู่ ๆ เทมเพสก็ยื่นบุหรี่ให้ชายคนนั้นและพยักหน้าขอโทษ “ใจเย็น ๆ พี่ชายดอนนี่ เราแค่ไม่ได้ยินคำสั่งของจิโอวานนี่อย่างชัดเจนมากนักว่าต้องให้ทำอะไรบ้าง เดี่ยวเราจะสร้างให้มันกลับคืนไปด้วยกันเอง”
“นายก็พูดง่ายไปนะ นี่คือกำแพงที่ทำจากไม้ฟีบี้เจิ้นหนานเป็นไม้สีทองโบราณ นายคิดว่าทุกคนสามารถซื้อไม้คุณภาพประเภทนี้มาได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ? ฮึ่ม รอจนกว่าคุณท่านมาถึงที่นี่เสียก่อนเถอะ พวกนายทำเกินตัวไปแล้ว” ชายคนนั้นโต้กลับขณะที่เขาปัดบุหรี่ของเทมเพสลงบนพื้นและเขาก็รีบวิ่งออกไปฟ้องทันที
ไม่นานนัก แจ็ค อาเรส พ่อของเจย์ก็มาถึง
เมื่อเจย์สังเกตเห็นท่าทีของพวกเขา เขาจึงลุกจากเก้าอี้ที่กลางลานสนามอย่างช้า ๆ และเดินตามไป
“พ่อ! คุณมาทำอะไรที่นี่?” เจย์ถาม
แจ็คมองไปที่รูผนังขนาดใหญ่บนห้องใต้หลังคา ตัวของเขาสั่นด้วยความโกรธ “คนงานที่ทำงานอยู่ชั้นบนได้ทุบหอท่าเรือหอมหวน ลูกรู้เรื่องนี้หรือยัง?”
เจย์ตอบว่า “เนื่องจากนี่เป็นการปรับปรุงใหม่ บางทีพื้นที่ที่ทรุดโทรมบางส่วนควรถูกรื้อออกไป”
“เจย์ แต่หอท่าเรือหอมหวนทำจากไม้ฟีบี้เจิ้นหนานที่เป็นไม้สีทองโบราณ ลูกรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้มีราคาแพงแค่ไหน งานแกะสลักบนผนังนั่นยังทำโดยช่างไม้ที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อน เมื่อลูกทำลายพวกมัน พวกมันจะไม่สามารถกู้กลับคืนได้เหมือนเดิมอีก”
เจย์ไม่แยแสคำพูดที่ได้ยิน “พ่อครับ โครงสร้างของหอท่าเรือหอมหวนนั้นเก่าเกินไปแล้ว หน้าต่างก็แคบ การจัดวางก็ดูตลก ๆ และทำให้พื้นที่ภายในมืด มันควรจะเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว!”
แจ็คตะคอกใส่ด้วยความโกรธ “ไม่ได้ ถ้าลูกไม่ชอบ ลูกก็แค่ย้ายตัวเองออกไปจากหอท่าเรือหอมหวน ไม่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับมันทั้งนั้น”
เมื่อเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน สำหรับแจ็ค เขาเป็นพ่อที่ใจดีและเป็นพ่อที่น่ารักเสมอ พฤติกรรมที่โหดเหี้ยมและกดขี่ข่มเหงของเขาที่มีต่อเจย์เป็นภาพที่หาดูได้ยาก แต่ตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้น
เจย์สะดุ้งและมองไปที่พ่อของเขา “พ่อครับ ทุกพื้นที่บ้านสวนใน อสังหาริมทรัพท์ ทัวร์มาลีน ได้ถูกปรับปรุงใหม่ไปหมดแล้ว แล้วทำไมถึงมีเพียงหอท่าเรือหอมหวนที่ไม่สามารถทุบปรับเปลี่ยนได้”
น้ำเสียงของแจ็คอ่อนลงภายใต้การจ้องมองอันน่าสะพรึงกลัวของเจย์ “มันมีคุณค่าทางจิตใจ”
ด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา เขาถามต่อไปว่า “คุณรู้สึกซาบซึ้งต่อวัตถุหรือใครบางคนที่นี่กันแน่?”
ดวงตาของแจ็คเบิกกว้างขึ้น เขามองเจย์ด้วยความตกใจ “เจย์ ลูกหมายความว่ายังไง?”
รอยยิ้มเย็นเยียบบนริมฝีปากของเจย์ขณะที่เขาพูดเยาะเย้ยด้วยคำพูดไร้สาระที่ปนความเป็นจริง “คุณปฏิเสธที่จะไม่ให้ทุบซ่อมแซมหอท่าเรือหอมหวน เพราะคุณต้องการซ่อนความจริงอันสกปรกที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้สินะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างกายของแจ็คก็สั่นสะท้าน “ลูกรู้อะไรมา?”
เจย์ตอบว่า “พ่อครับ เราเป็นพ่อลูกกัน ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง ผมหวังว่าคุณจะสามารถบอกความจริงเกี่ยวกับมรดกและตัวตนที่แท้จริงของผมได้ ใครคือแม่ผู้ให้กำเนิดของผมกันแน่?”
หัวใจของแจ็คเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งในตอนนี้ มันแข็งและไม่ขยับเขยื้อน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเจย์ หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นไปอีก
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เจย์รู้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็งนั้น
แจ็คมองเจย์อย่างมีเล่ห์เหลี่ยม เขาต้องพยายามโกหกและทำให้ความสงสัยของเจย์สงบลง
“ไหน ๆ ก็รู้แล้ว งั้นพ่อจะบอก”
ทั้งพ่อและลูกชายย้ายไปคุยกันที่ห้องโถงของหอท่าเรือหอมหวน
แม่บ้านเดินเข้ามาเสิร์ฟชาให้ แต่ทั้งคู่ไม่คิดจะแตะถ้วยน้ำชาเลย พวกเขากลับสบตากันแทน
“แท้จริงแล้ว แม่คนปัจจุบันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของลูก แม่ผู้ให้กำเนิดของลูกเป็นคนพิเศษและไม่ธรรมดา เธอเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร แต่น่าเสียดายที่เธอเสียชีวิตจากการให้กำเนิดลูกไปเสียก่อน”
เจย์รู้สึกเหมือนมีมีหินมาหน่วงอยู่ที่หัวใจของเขา ตั้งแต่เขายังเด็ก เขารู้สึกว่าความรักของแม่ที่มีต่อเขาเป็นเพียงความรักที่ผิวเผินและไม่ลึกซึ้ง เมื่อเวลาที่เขาล้มป่วย คนที่เป็นห่วงและร้องไห้แทนเขาคือแองเจลีน ในทางกลับกัน แม่ของเขาเพียงทำหน้าที่ของเธอในการไปเยี่ยมเขาเพียงเพราะเธอเป็นแม่ของเขาก็เท่านั้น เขาไม่รู้สึกถึงความรักจากเธอมากไปกว่านี้เลย
มันกลับกลายเป็นว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของเขา
แจ็คกล่าวต่ออีกว่า “แม่ของลูกรู้ว่าเธออาจตกอยู่ในอันตรายจากการคลอดลูกออกมา แต่เธอไม่สนใจต่อการห้ามปรามของเราและยืนกรานที่จะยอมให้ลูกออกมาสู่โลกใบนี้ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอพูดแบบนี้ว่า ‘บอกเจย์น้อยด้วยว่าอย่าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุในการตายของฉัน’ ”
เจย์ถึงกับสะอื้นไห้ออกมา “แล้วเธอพูดอะไรอีก?”