ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 885
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 885
ไม่รู้วันเวลาผ่านไปนานเพียงแค่ไหนแล้ว ความร้อนของกลางฤดูร้อนค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ ค่ำคืนที่คฤหาสน์บนภูเขาเริ่มเย็นลงเล็กน้อย
โคลกำลังนอนอยู่ข้างนอกบนเก้าอี้เอนกาย มองขึ้นไปที่ดวงดาวเบื้องบนที่ส่องแสงระยิบระยับเหนือศีรษะของเขา ดวงตาของเขากำลังมองหาดวงจันทร์ที่สดใส
“คาร์สัน นายจะบอกว่าฉันเป็นดาวหรือเป็นพระจันทร์เหรอ?” โคลหันไปมองคาร์สันที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยสายตาที่สับสน
คาร์สันมองขึ้นไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสว มันช่างโดดเดี่ยว หนาวเหน็บ และสูงส่งมาก
“นายน้อย คุณเป็นดวงดาวครับ”
“ทำไมล่ะ?”
“อย่างที่คุณท่านเคยกล่าวไว้ ในวันสุดท้ายของพวกเราทุกคนนั้นล้วนจะกลายเป็นดวงดาวหลังจากการตายไปของเรา เพื่อที่จะส่องสว่างทางข้างหน้าให้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นายน้อยครับ คุณคือดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดแล้วครับ” คาร์สันกล่าวอย่างจริงจัง
“แล้วเจย์ อาเรสล่ะ? นายคิดว่าเขาเป็นอะไร?” โคลถาม
คาร์สันขมวดคิ้ว สงสัยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย จนทำให้เขาถามคำถามแปลก ๆ เหล่านี้
“คนที่เย็นชาอย่าง เจย์ อาดเรส และคอยปฎิเสธคนรอบข้างคงจะมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดไป แน่นอนว่าเขาก็คือดวงจันทร์ครับ” คาร์สันกล่าว
ใบหน้าของโคลดิ่งลงด้วยความไม่พอใจ “แต่ดวงดาวจะวิ่งไล่ตามดวงจันทร์นะ นายคิดว่าฉันจะไล่ตามเขางั้นเหรอ?” ในคำพูดของเขาบ่งบอกถึงความรับไม่ได้และความต่อต้านที่มีต่อเจย์
คาร์สันตกใจเล็กน้อย “โอ้ นายน้อย นี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบครับ ไม่ควรจริงจังเกินไปนะครับ นายน้อยควบคุมชีวิตและความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แม้แต่ชีวิตและความตายของเจย์ อาเรสก็อยู่ในอำนาจของคุณ แล้วคุณจะไล่ตามเขาได้ยังไงล่ะครับ?”
โคลพยักหน้าอย่างพอใจ
“ยังไงก็เถอะ ไพ่แห่งความตายสำหรับภารกิจที่จะมาถึงนี้เสร็จแล้วหรือยัง?” เมื่อเปลี่ยนการสนทนา โคลจ้องไปที่คาร์สันอย่างตาขวาง “ทำไมฉันถึงคิดว่านายไม่ค่อยใส่ใจเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้เลย?”
คาร์สันมองราวกับว่าเขาทำผิด “นายน้อย พวกผู้คุมวิญญาณมาที่นี่เมื่อวานนี้ครับ คุณยุ่งกับการเตรียมของขวัญให้กับครอบครัวเซเวียร์มาสองวันแล้ว ผมเลยไม่กล้ารบกวนคุณ”
โคลยกมือขึ้นและตบเข้าที่ท้ายทอยของคาร์สัน “นายไม่รู้ว่าอะไรสำคัญและอะไรไม่สำคัญเลยเหรอ?”
คาร์สันพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “นายน้อย คุณท่านได้พูดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับภรรยาของคุณครับ”
โคลก็พูดขึ้นทันทีว่า “ไม่ใช่ว่าฉันมองหาภรรยาเหรอ? มันดูยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
คาร์สันไม่รู้ว่านายน้อยของเขาจู่ ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมา แต่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเพราะมุมริมฝีปากของเขาโค้งขึ้น “วันนี้แองเจลีนเรียกฉันว่า ‘โคล’ เธอยังอ่อนโยนและเอาใจใส่มากขึ้นเวลาที่เธอพูดกับฉัน ฉันเคยชอบท่าทางของเธอเวลาที่อารมณ์เสีย แต่ตอนนี้ฉันพบว่า เธอเข้ามาถึงหัวใจฉันได้มากขึ้นเมื่อเวลาเธออ่อนแอและอ่อนโยน”
คาร์สันมองโคลที่ดูเหมือนจะเมาและเตือนเขาอย่างระมัดระวัง “นายน้อย คุณต้องการดูไพ่แห่งความตายที่ผู้คุมวิญญาณทำขึ้นมาไหมครับ?”
โคลถูกขัดจังหวะและมองคาร์สันอย่างเงียบ ๆ
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เปลญวน จัดเสื้อผ้า และเดินมุ่งไปทางด้านหลังของคฤหาสน์อย่างภาคภูมิ
ณ ที่สนามหลังบ้านของคฤหาสน์มีตึกหอคอยเก่าแก่อยู่ เมื่อเทียบกับคฤหาสน์สมัยใหด้านหน้า ทั้งสองแบบนั้นแตกต่างกันมาก และตึกที่มีขนาดต่างกันเช่นนี้ทำให้ผู้คนมองเห็นได้ชัดเจน
ด้านหน้าสว่างไหวและผ่อนคลาย ในขณะที่ด้านหลังถูกปิดกั้นและมืดมิด
ในขณะที่โคลก้าวเข้าไปในตึกหอคอย แนวของไฟอัตโนมัติภายในที่มืดสนิทก็สว่างขึ้น
มีแท่นศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงด้านหน้า แต่อุทิศให้กับเจ้าแห่งความตาย
ด้านล่างแท่นมีสุสานเรียงกันเป็นแถว และตรงกลางมีกระบะทรายทรงกลมที่มีแผ่นหินจารึกศพบาง ๆ ปักอยู่ มีแผ่นหินจารึกศพอยู่สี่อันที่สลักข้อมูลของผู้ตายจากหมู่บ้านจันทร์สว่างเขียนไว้พร้อมกับรูปถ่ายของพวกเขา
แผ่นหินจารึกศพอื่น ๆ ว่างเปล่า ยกเว้นแต่ชื่อของพวกเขา
แผ่นหินจารึกศพบาง ๆ พวกนี้เรียกอีกอย่างว่าไพ่แห่งความตาย
เมื่อชื่อของพวกเขาถูกสลักและปักลงในกระบะทราย หมายความว่าความตายของพวกเขาจะเกิดขึ้นในเวลาอีกเพียงสามเดือนเท่านั้น