ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! - บทที่ 943
ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 943
ชายคนนั้นยืดหลังตรงแล้วพูดว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ฉันจะออกไปข้างนอกและมองหาเอง มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันทำได้แน่นอน”
ขณะที่มาริลีนและผู้ชายของเธอกำลังอับจนหนทาง กลุ่มคนในหมู่บ้านกลุ่มแรกที่ออกไปหาเลี้ยงชีพนอกหมู่บ้านก็กลับมา
พวกเขาสวมเสื้อผ้าดูดีและพูดได้อย่างคล่องแคล่วในขณะที่พวกเขาบอกเล่าเรื่องราวและรายละเอียดที่มีชีวิตชีวาแก่เพื่อนร่วมหมู่บ้านของพวกเขาเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของโลกภายนอก
มาริลีนได้ยินพวกผู้ชายพูดกันว่าการหาเงินจากที่นั่นทำได้ง่ายมากขนาดไหน ตราบใดที่คน ๆ หนึ่งตั้งใจทำงานหนัก คน ๆ นั้นก็จะหาเงินได้หลายพันเหรียญต่อเดือนได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาริลีนกลับมาถึงบ้าน เธอพูดกับผู้ชายของเธอว่า “ที่รัก เบรตต์จากหมู่บ้านเราไปที่เมืองอิมพีเรียลมาหนึ่งปี แล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเลยนะหลังจากได้กลับมา พวกเขาบอกว่าการหาเงินจากที่นั่นนั้นง่ายมาก เราควรจะออกไปข้างนอกและลองเสี่ยงโชคกับพวกเขาดูไหม? บางทีเราอาจทำเงินได้เยอะมากและคุณก็จะได้ช่วยรักษาคนที่ช่วยชีวิตคุณไว้ แล้วก็ยังจ่ายค่าเล่าเรียนของไทเกอร์ได้ด้วยนะ คุณคิดว่ายังไง?”
มีร่องรอยความสงสัยในดวงตาอันล้ำลึกที่ไม่อาจมองเห็นได้ของชายคนนั้น เมืองอิมพีเรียลเหรอ? ทำไมเขาถึงรู้สึกมีความสุขแปลก ๆ ตอนได้ยินชื่อเมืองนี้กันนะ?
“เอาสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
มาริลินกล่าวว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันจะไปขอร้องเบ็ตตี้เพื่อนบ้านของเราหลังมื้อเย็น แล้วดูว่าพวกเขาจะพาเราไปด้วยได้ไหมตอนที่พวกเขาจะไป”
“อืม”
หลังมื้อเย็น ชายคนนั้นก็นอนลงบนเสื่อด้านนอกและมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงดาวล้อมรอบพระจันทร์ที่สว่างไสว แต่น่าเสียดายที่ส่วนที่สว่างไสวของมันถูกบดบังด้วยเมฆหมอก
เขารักพระจันทร์
เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงมีความรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้
เสียงของมาริลินสามารถได้ยินได้เมื่อคุยกับเบ็ตตี้ที่บ้านข้าง ๆ
“มาริลิน ถ้าเธออยากให้ฉันพาครอบครัวของเธอไปที่เมืองอิมพีเรียลเพื่อที่จะไปตั้งหลักที่นั่น เธอคิดว่าเธอจะจ่ายเงินค่าเดินทางไหวเหรอ? การเดินทางไปเมืองอิมพีเรียลเที่ยวหนึ่งจะทำให้ครอบครัวของเธอต้องเสียค่าใช้จ่ายเกือบ 1,000 ดอลลาร์เชียวนะ”
ในเสียงของเธอมีความดูถูกและเหยียดหยาม
มาริลินรู้สึกอับอายและพูดกัดฟันว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเดินทางหรอก เบ็ตตี้ ฉันจะยืมมันจากพ่อของฉันเอง”
เบ็ตตี้เยาะเย้ย “ทุกคนล้วนก็รู้ดีว่าพ่อของเธอไม่นับเธอเป็นลูกสาวของเขาอีกแล้ว เอาจริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าเธอพาผู้ชายไร้ประโยชน์คนนั่นมาเท่านั้น แต่เขายังเอาภาระมาด้วย ทำให้เธอต้องหาเลี้ยงทั้งครอบครัวอยู่คนเดียว เธอมองเห็นอะไรในตัวเขาเหรอ? นอกจากหน้าหล่อเหลาแล้ว เขาก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี”
“อย่าพูดถึงเขาแบบนั้นนะ เบ็ตตี้ ผู้ชายของฉันแค่บาดเจ็บจากการโดนทำร้ายก่อนหน้านี้ ก็แค่นั้นเอง เขาเป็นคนขยัน ไม่ใช่คนที่ต้องพึ่งพาภรรยาเพื่อเอาตัวรอดหรอก”
“หึหึ หุบปากไปเถอะ ทุกคนรู้ว่าเธอชอบเขา นี่คือคำแนะนำสำหรับเธอนะ มาริลิน ถ้าเธอไม่มีเงิน ก็ส่งเขาออกไปหาเงินสิ ทำไมเธอถึงต้องอยากตามเขาไปด้วยล่ะ?”
มาริลินกัดปากของเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความฝืนใจ
เบ็ตตี้แซวว่า “เป็นอะไรไป? เธอกลัวว่าเขาจะหนีไปเหรอ?”
มาริลินไม่ตอบ
เบ็ตตี้กล่าวว่า “เอาจริงนะ เธอไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขาด้วยซ้ำ เธอไม่กลัวว่าความพยายามทั้งหมดของเธอจะเสียเปล่าในตอนท้ายเลยเหรอ หากเธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาพร้อมตายเพื่อติดตามเขา?”
มาริลินโมโหล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น เธอก็ระงับความโกรธและพูดว่า “ฉันจะกลับไปคุยกับผู้ชายของฉันเอง เบ็ตตี้”
เมื่อมาริลินกลับมา เธอเห็นชายคนนั้นนั่งอยู่บนเสื่อด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เธอเดินตรงเข้าไปหาอย่างเงียบ ๆ
“เบ็ตตี้บอกว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเมืองอิมพีเรียลแพงมาก”
“ฉันได้ยินหมดแล้ว”
“บางทีคุณควรไปคนเดียว” มาริลินน้ำตาคลอเบ้า “หลังจากที่คุณรวยแล้ว คุณจะลืมฉันกับลูกไหม?”
“ไม่มีทาง หลังจากที่ฉันตั้งหลักในเมืองอิมพีเรียลได้แล้ว ฉันจะกลับบ้านแล้วมารับเธอทั้งสองคนทันที” ชายคนนั้นปลอบ
มาริลินพยักหน้าอย่างโล่งอก
ชายคนนั้นพูดว่า “ถ้างั้นฉันฝากเทมเพสไว้กับเธอด้วยนะ”
“อืม”
สามวันต่อมา ชายคนนั้นและกลุ่มคนงานหนุ่มสาวจากหมู่บ้านชาวประมงก็ได้ขึ้นรถไฟไปยังเมืองอิมพีเรียล