รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 151 มัจฉาสัตมายาช่างโชคดี คงมีสิ่งอื่นรออยู่กระมัง!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 151 มัจฉาสัตมายาช่างโชคดี คงมีสิ่งอื่นรออยู่กระมัง!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงขี่ปักษายักษ์สองตัวเดินทางด้วยความเร็วสูง ในไม่ช้า พวกเขาก็มาอยู่นอกเมืองชิงซาน
พวกเขานับถือท่านเซียนอย่างสุดซึ้ง จึงลงจากปักษายักษ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ และสั่งให้ปักษายักษ์รออยู่ที่นี่ ส่วนตัวพวกเขาจะเดินเท้าเข้าไปในเมืองชิงซานเอง
“คุณชายอยู่หรือไม่”
พวกเขามาถึงหน้าร้าน แต่มิกล้าบุ่มบ่ามเข้าไป จึงเคาะประตูและส่งเสียงถามคนด้านใน
“มาแล้ว ๆ…”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีอยู่ภายในร้าน พอได้ยินเสียงก็เดินจากหลังร้านมาข้างหน้าทันที
“พวกท่านมาแล้วหรือ นายท่านไม่อยู่ ไปล่าสัตว์บนเขาน่ะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วงจึงกล่าวบอกด้วยรอยยิ้ม “ทำหน้าที่ที่นายท่านมอบหมายให้เสร็จแล้วหรือ?”
“เสร็จทั้งสองภารกิจที่คุณชายมอบหมายให้แล้ว!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพยักหน้า ก่อนจะกล่าวกับผู้เฒ่าเมิ่งจีด้วยความซาบซึ้งอย่างเปี่ยมล้น “ต้องขอบคุณคำชี้แนะจากท่านเป็นอย่างมาก!”
ภารกิจตู้เย็นครานี้
เขากับหูช่วงตระหนักไม่ได้ในทีแรก
แต่ได้ผู้เฒ่าเมิ่งจีเป็นผู้ชี้แนะ
เขาถึงได้รู้ว่านี่เป็นภารกิจที่ท่านเซียนมอบหมายให้
“ไม่ต้องขอบคุณ สิ่งนี้ถือเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงของพวกท่าน”
ผู้เฒ่าเมิ่งจียิ้ม “เข้ามาสิ เรามาคุยกันข้างในเถิด”
เขาพาประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและหูช่วงเข้ามาในลานเล็ก
“ปลาตัวนี้สวยงามยิ่ง…”
ทันทีที่เข้ามาถึงลานเล็ก ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็เห็นมัจฉาสีสันเฉิดฉายตัวหนึ่งกระโจนขึ้นจากโอ่งน้ำ แล้วตกกลับเข้าไป
เขาเอ่ยชมอย่างอดไม่ได้ ปลาตัวที่กระโจนออกมางดงามอย่างยิ่ง เกล็ดทุกส่วนเป็นประกายวาววับ สะท้อนเป็นแสงเจ็ดสี
พอเขยิบเข้าไปดูใกล้ ๆ ผลปรากฏว่ากลับถูกน้ำสาดกระเซ็นจนเปียกทั้งตัว
มัจฉาในโอ่งดีดดิ้นไปมา เขาถึงขั้นเห็นว่าปลาบางตัวยิงฟันขู่เขา
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนสุด ๆ เพิ่งจะจำได้ว่าปลาเหล่านี้หาใช่ปลาธรรมดา ทว่าล้วนแต่เป็นเผ่ามัจฉาจอมโหดแห่งอาณาจักรเก้าตอนบน
ยังดีว่าที่แห่งนี้คือที่ที่ท่านเซียนอยู่
หากเป็นที่อื่น ไม่แคล้วเขาคงโดนปลาเหล่านี้เขมือบเข้าไปทั้งเป็นแล้ว!
ต่อให้เขามีร่างทองอมตะและเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายแล้วก็ไม่เกี่ยว
เผ่ามัจฉาจอมโหดแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนล้วนมีพลังสายเลือดสะท้านโลกันตร์ เกินกว่าสิ่งมีชีวิตอาณาจักรอื่นจะเทียบเทียม
จ๋อม จ๋อม…
ภายในโอ่งน้ำ มัจฉาตัวที่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนชมว่าสวยเมื่อครู่กำลังจ้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วยตาปลาคู่นั้น
ปลาตัวนี้ก็คือมัจฉาสัตมายา
มันนึกอัปยศในใจอย่างยิ่ง เป็นถึงเผ่ามัจฉาสัตมายา สุดยอดเผ่าใหญ่ที่เป็นจ้าวแห่งอาณาจักร เวลานี้กลับตกต่ำจนกลายเป็นปลาที่ไว้ดูชม…
คิดมาถึงนี่แล้ว มันอยากจะร้องไห้เหลือเกิน ปลอบใจตัวเองว่าเป็นปลาไว้ดูชมก็ยังดี อย่างน้อยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนจับไปตุ๋นไปต้ม
“ท่านเซียน ให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด!”
มันตะโกนลั่น แต่กลับเปล่งเสียงไม่ออกแม้แต่น้อย มีเพียงฟองอากาศผุดบุ๋ง ๆ แทน
เวลานั้น ผู้เฒ่าเมิ่งจีพลันเดินเข้ามา
เขามองโอ่งปลา แล้วมือก็ชี้มัจฉาสัตมายาพลางกล่าวว่า “ปลาตัวนี้โชคดีจริง ๆ ผ่านไปตั้งนมนานแล้วแต่ยังมีชีวิตอยู่”
“อย่างนั้นหรือ”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหันไปมองมัจฉาสัตมายาอีกครั้ง
ผู้เฒ่าเมิ่งจีทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายท่านคงเตรียมสิ่งอื่นไว้สำหรับปลาตัวนี้กระมัง ช่วงที่ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ ฝูงปลาที่เคยถูกจับมาพร้อมกับมัจฉาสัตมายาตัวนี้โดนลั่วสุ่ยกินไปจนหมด มีเพียงมัจฉาสัตมายาตัวนี้เท่านั้นที่ยังอยู่รอดปลอดภัยมาตลอด…”
“ถ้าอย่างนั้นปลาตัวนี้ก็โชคดีจริง ๆ…”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
จ๋อม จ๋อม…
ภายในโอ่งน้ำ มัจฉาสัตมายาย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างผู้เฒ่าเมิ่งจีและประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
มันยินดีปรีดาอย่างยิ่ง
ท่านเซียนตระเตรียมสิ่งอื่นไว้รอเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?
นี่มัน…ไม่ต้องตายแล้วใช่หรือไม่?
“อีกพักหนึ่งกว่านายท่านจะกลับ มารอทางนี้เถิด”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีพาประมุขแดนศักดิสิทธิ์เหิงเทียนและหูช่วงเข้ามารอในห้องโถงใหญ่
ภายในห้องมีกระถางพืชพรรณทั้งหลายงดงามพิถีพิถัน แต่ละต้นล้วนเปล่งประกายชีวิตแรงกล้า ซ้ำยังมีลมปราณจักรพรรดิไหลเวียนอยู่
ทั้งหมดนี้คือโอสถจักรพรรดิที่สุกงอมได้ที่แล้ว!
“ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ต่อให้ไม่บำเพ็ญก็ยืดอายุขัยออกไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยจากใจจริง
ประกายชีวิตที่แผ่ซ่านออกจากโอสถจักรพรรดิแรงกล้าเกินไป ต่อให้เป็นปุถุชนผู้ไม่เคยฝึกตนหากได้อยู่ที่นี่บ่อย ๆ ย่อมยืดอายุขัยออกไปได้ยาวนานว่าผู้ฝึกตนจำนวนมากเสียอีก!
บนโต๊ะติดกำแพงตรงกลางห้องโถง มีลูกแก้วกลมกลึงนวลเนียน ด้านในมีสัญลักษณ์หิมะลูกหนึ่งวางอยู่
“ลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์หรือนี่! ราชวงศ์อวี่ฮว่าเคยแข็งแกร่งไร้เทียมทานเพราะลูกแก้วนี้ จนได้ปกครองโลกทั้งใบในยุคนั้น!”
หูช่วงมองลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์แล้วสะท้อนใจไม่หยุด
คราวก่อน เขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้ค้างในลานเล็กหนึ่งคืน จึงทำให้ได้รู้ภูมิหลังของลูกแก้วนี้
แต่ครานั้น พวกเขาประหม่าเกินไป จึงไม่ทันได้พินิจลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์อย่างละเอียด
ภายหลังพวกเขาทราบจากปากผู้เฒ่าเมิ่งจีว่านี่คือสิ่งที่ท่านเซียนสั่งให้เจ้านิกายลับสวรรค์ อวิ๋นกู่นำกลับมาจากซากโบราณของราชวงศ์อวี่ฮว่า
ยามนี้ หลังพวกเขาได้พินิจพิเคราะห์ลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์แล้ว ก็ต้องสะท้านใจเป็นอย่างยิ่ง
จังหวะแห่งเซียนคณานับแผ่ซ่านออกจากลูกแก้วเซียนเพลิงหิมพานต์ พวกเขาสัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งนิจนิรันดร์ ราวกับโลกถึงกาลอวสาน แต่ลูกแก้วเซียนนี้จักอยู่ยืนยงตลอดไป!
อึก!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและหูช่วงต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างอดไม่ได้
วัตถุเซียนเชียวนะ ใกล้พวกเขาแค่คืบเช่นนี้ หัวใจพวกเขาเต้นโครมครามจนแทบพุ่งออกจากร่างกาย!
ทว่าต่อให้ท่านเซียนไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็มิกล้าคิดไม่ซื่อแต่อย่างใด
“นายท่านไม่อยู่ ข้าไม่อาจยกชามาให้พวกท่านดื่มได้ เชิญดื่มน้ำเอาเถิด”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีไม่กล้ายุ่งกับใบชาของท่านเซียน เขารินน้ำให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์และหูช่วงคนละถ้วย
“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!”
“พวกเราดื่มน้ำก็ได้!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและหูช่วงรับน้ำเปล่ามา ทั้งสองเข้าใจผู้เฒ่าเมิ่งจีเป็นอย่างดี
หากเป็นพวกเขา พวกเขาก็มิกล้าเข้าไปยุ่งกับของของท่านเซียนเช่นกัน
“เป็นอย่างไรบ้าง ระหว่างทางราบรื่นหรือไม่”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีนั่งลง ก่อนจะไถ่ถามประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
“ย่อมราบรื่น!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมีสีหน้าสะท้อนใจ “ท่านเซียนรู้เรื่องทุกอย่างทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทุกอย่างอยู่ในกำมือ และเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อย ข้าเพียงแต่เดินตามสิ่งที่ท่านเซียนเตรียมการเอาไว้…”
จากนั้นเขาก็เล่ากระบวนการทุกอย่างโดยละเอียด ตั้งแต่ไช่หนานจากลัทธิไท่เสวียนมาหาเขา
ผู้เฒ่าเมิ่งจีได้ฟังแล้วรู้สึกสะท้อนใจเช่นกัน ท่านเซียนอยู่เหนือจินตนาการจริง ๆ ถึงได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว
น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่ประทานให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับหูช่วง ก็มิได้ประทานไปเปล่า ๆ แต่เพื่อช่วยให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าไปนำตู้เย็นในแดนลับออกมา!
“ท่านฉลาดยิ่งนัก คำกำชับของข้าไม่เสียเปล่าแล้ว…”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีเอ่ยอย่างปลาบปลื้ม
ก่อนไป เขากำชับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนอีกพักใหญ่ บอกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนว่าทุกประโยคที่ท่านเซียนเอื้อนเอ่ยต้องฟังด้วยใจ และจดจำให้มั่น ทั้งยังต้องตั้งใจทบทวนให้ถี่ถ้วน
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเก็บสิ่งนี้ใส่สมองนับว่าดียิ่งแล้ว
ก่อนประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนออกเดินทางไปกับไช่หนาน ได้ทบทวนวาจาท่านเซียนซ้ำไปซ้ำมา จนใช้น้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ที่ติดมือไปด้วย ฝึกฝนจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะ!
หากไร้ซึ่งร่างทองอมตะ ต่อให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเข้าไปในแดนลับได้ ก็ยากจะต้านทานแรงกดดันมหาศาลนั้นได้อยู่ดี
“ต้องขอบคุณผู้เฒ่าเมิ่งจีมาก!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าวจากใจจริง
หากมิได้คำกำชับจากผู้เฒ่าเมิ่งจี เขาย่อมไม่อาจตระหนักถึงภารกิจที่ท่านเซียนมอบหมายให้ และคงไม่ได้ทบทวนวาจาท่านเซียนซ้ำไปซ้ำมาในภายหลัง ทั้งยังคงไม่ฝึกฝนจนได้มาซึ่งร่างทองอมตะแน่
โดยเฉพาะในช่วงท้ายสุด นิกายลับสวรรค์ยังมีส่วนช่วยเหลือเขาอย่างมาก!
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องขอบคุณข้า นี่คือโอกาสของพวกท่าน เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงของพวกท่าน…”
ผู้เฒ่าเมิ่งจียิ้มไม่คิดเอาความดีความชอบแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็เอ่ยถามต่อ “ได้นำตู้เย็นมาหรือไม่?”
เขาใคร่รู้ในตู้เย็นมาก!
อยากรู้จริง ๆ ว่าตู้เย็นนั้นเป็นสิ่งใดกันแน่!