รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 154 นิสัยแตกต่างกันเกินไป ข้าเป็นเด็กสาวตัวน้อยอย่างนั้นหรือ?
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 154 นิสัยแตกต่างกันเกินไป ข้าเป็นเด็กสาวตัวน้อยอย่างนั้นหรือ?
ณ สถานที่หนึ่งในแดนบูรพาทิศ
สุนัขขนาดยักษ์ที่มีขนสีดำทั่วตัวและมีเขี้ยวที่แหลมคม เดินออกมาจากความว่างเปล่าอย่างเงียบ ๆ
ดวงตาทั้งสองข้างของมันโปนใหญ่เท่าระฆัง มีเพียงม่านตาสีดำสนิทราวกับเปลวเพลิงนิลกาฬสองดวงที่ลุกโชน
ภายในดวงตาของมัน คล้ายว่าจะมีฉากของนรกภูมิ ซากศพก่ายกองอยู่ทั่วทุ่ง บรรดาภูตผีโหยไห้ และกลิ่นอายครั่นคร้ามที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
“กลิ่นอายของผู้บรรลุสังสารวัฏใกล้เข้ามาแล้ว…”
มันส่งเสียงเสียงต่ำซึ่งไม่คล้ายกับภาษาปัจจุบัน อันที่จริงดูจะเก่าแก่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นภาษาที่ไม่รู้จักอีกด้วย
ไม่นานหลังจากนั้นมันก็กระโดดเข้าไปในความว่างเปล่า แล้วร่างของมันก็สลายไป โดยไม่เกิดคลื่นใด ๆ ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อน
…
ณ เนินเขาเขียว
เซี่ยเหยียนสัมผัสได้ถึงพลังงานที่พลุ่งพล่านในหัวใจของตนเอง
ครั้งสุดท้ายที่นางเผชิญหน้ากับหลิงอินจบลงด้วยความพายแพ้ แม้ว่าหลิงอินจะเล่นฉินได้ดีมาก แต่ตัวนางก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนั้น
ทุกคนต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อน
ซึ่งการเล่นฉินคือจุดแข็งของหลิงอิน…
ครั้งล่าสุด หลิงอินได้ใช้จุดแข็งโจมตีจุดอ่อน แล้วนางจะยอมรับได้อย่างไร?
“แม่นางหลิงอิน นี่คงเป็นการออกล่าครั้งแรกของเจ้ากระมัง?”
เซี่ยเหยียนเดินไปหาหลิงอินและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็…ล่าครั้งแรก”
หลิงอินคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับ
ในชีวิตนี้นางไม่เคยล่าสัตว์เลย
ส่วนในชีวิตที่แล้ว นางฆ่าสัตว์อสูรไปมากมาย แต่นั่นหาใช่การล่าไม่
“ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกก็ไม่เป็นไร ข้าจะสอนให้”
เซี่ยเหยียนเผยรอยยิ้มหวาน นางเดาได้ก่อนแล้วว่าหลิงอินต้องไม่เคยล่าสัตว์มาก่อน
“ดูข้านะ…”
นางยกคันศรก่อนจะขึ้นธนู การเคลื่อนไหวของนางเป็นมาตรฐานยิ่ง นางทำการดึงสายธนูจนสุด และทวงท่านี้ก็ดูทรงพลังมาก
ดวงตาของเซี่ยเหยียนราวกับสายวิชชุ เพียงจ้องไปที่ต้นไม้ใหญ่ในระยะไกล ก่อนจะปล่อยสายธนูออก พลันลูกธนูพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเสียง ‘ปัง’ มันกระทบเข้าใจกลางลำต้น และหัวลูกศรก็ปักลึกเข้าไปเนื้อไม้!
“ไม่เลว”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า เซี่ยเหยียนไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านฉินมากนัก แต่นางค่อนข้างเก่งกาจในด้านยิงธนู ซึ่งนางในยามนี้นับว่ามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก
“ฮิ ๆ”
เซี่ยเหยียนยิ้มอย่างมีความสุข การถูกชื่นชมโดยท่านเซียนเหมือนกับว่านางได้รับการยอมรับ
“แม่นางหลิงอิน มาลองสิ…”
นางกระตุ้นให้หลิงอินลองดูด้วย
‘แม่นางน้อย ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่ามันน่าอึดอัดเพียงใดที่ถูกโจมตีด้วยจุดแข็งผู้อื่น!’
เซี่ยเหยียนยิ้มอย่างภาคภูมิอยู่ในใจ
ทว่าสิ่งที่นางไม่คาดคิดก็คือหลิงอินกลับตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“…”
นางรู้สึกหดหู่ใจมาก…
ความแข็งแกร่งทางจิตใจของหลิงอิน…ดีกว่านางมาก!
ครั้งล่าสุดที่หลิงอินขอให้เล่นฉิน นางขี้ขลาดจนไม่กล้าตกลง ครั้งนี้นางเสนอให้ยิงธนู หลิงอินกลับตอบรับอย่างใจกว้าง
ช่องว่างนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย!
นางมักจะรู้สึกว่าหลิงอินไม่เหมือนกับเด็กสาวแรกรุ่น แต่ดูเหมือนสตรีที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมากกว่า
‘โตก่อนวัยหรือ?’
นางพึมพำในใจแต่ไม่ได้คิดอันใดมาก
หลิงอินเป็นคนใจกว้างและมีมารยาท นางจึงตอบรับอย่างใจเย็น
หญิงสาวนำคันศรขนาดใหญ่บนหลังออกมา มือขึ้นลูกธนู ทำตามท่าทางการยิงของเซี่ยเหยียน ก่อนจะปล่อยสายธนู แล้วลูกธนูก็พุ่งออกไปพร้อมกับเสียง ‘ฟ้าว’
แต่มันพลาดเป้า
ลูกธนูที่ยิงออกไปเบี่ยงจากเป้า…
“ขอโทษด้วย…นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ายิงธนู”
หลิงอินยิ้ม แม้ว่าลูกธนูจะเบี่ยงจากเป้า แต่นางก็ยังแสดงท่าทางสง่างาม
นี่ไม่นับเป็นอะไร…
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางยิงธนูจริง ๆ
ตั้งแต่ชาติที่แล้วรวมทั้งชาตินี้นางไม่เคยสัมผัสคันศรและลูกธนูมาก่อนเลย
ในความเป็นจริง นางได้ก้าวสู้เส่นทางการฝึกฝน และขอบเขตของนางก็ไปถึงขอบเขตสุญญตาแล้ว แม้ว่านางจะไม่เคยสัมผัสคันศรและลูกธนูเลยก็ตาม หากนางคิดจะยิงมันก็ง่ายดายยิ่ง
ด้วยพลังวิญญาณในการขับเคลื่อนคันศรและลูกธนู นางสามารถยิงเข้าเป้าได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเซี่ยเหยียนทำเหมือนปุถุชนโดยไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ แล้วนางจะใช้พลังวิญญาณของนางยิงธนูได้อย่างไร?
นางจึงไม่ได้ใช้พลังวิญญาณของนางเช่นกัน
“ไม่เป็นไร ๆ ทำได้เช่นนี้ครั้งแรกก็ดีมากแล้ว”
เซี่ยเหยียนตบไหล่ของหลิงอิน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าท้อแท้ไป ฝึกฝนให้มากกว่านี้ เจ้าจะต้องยิงได้ดีมาแน่”
“การฝึกฝนทำให้สมบูรณ์แบบ อืม เซี่ยเหยียนพูดถูก”
หลี่จิ่วเต้าที่อยู่ข้าง ๆ เองก็พูดขึ้น
“มาเถิด ข้าจะสอนเจ้าต่อเอง”
เซี่ยเหยียนยิ้มอย่างมีความสุข เพราะในที่สุดนางก็คว้าโอกาสที่จะข่มหลิงอินมาได้แล้ว
ดูสิ
ทุกคนต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อน
เจ้าถนัดเล่นฉิน ส่วนของข้าถนัดยิงธนู!
เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าหรอก!
เซี่ยเหยียนคิดอย่างมีความสุขในใจ
“ตกลง”
หลิงอินยิ้มอย่างอ่อนโยน คล้ายไม่เคยนำเรื่องก่อนหน้านี้มาใส่ใจเลย
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงอิน เซี่ยเหยียนก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ
นี่…แตกต่างจากที่นางจินตนาการไว้นัก
ในจินตนาการของนาง แม้หลิงอินจะไม่กระฟัดกระเฟียด แต่ก็ต้องไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ ทว่าความเป็นจริง…นางกลับสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ?
ทันใดนั้นเซี่ยเหยียนพลันรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
ต่อหน้าหลิงอิน นางดูเหมือนเด็กซุกซน ในขณะที่หลิงอินเหมือนผู้ใหญ่ ซึ่งดูจะไม่ถือสาที่นางก่อเรื่อง
‘เสแสร้ง! ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดครั้งก่อนนางถึงเผชิญหน้ากับข้า ซ้ำยังใช้จุดแข็งของนางโจมตีจุดอ่อนของข้าเล่า? ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่านางก็แค่เสแสร้ง!’
เซี่ยเหยียนลอบพูดในใจเมื่อหวนนึกถึงเรื่องครั้งก่อน ทันใดนั้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนางก็กลับคืนมาและนางก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้อีกต่อไป
“มีข้าสั่งสอน เดี๋ยวเจ้าก็เรียนได้เอง มาเริ่มเรียนกันเถิด!”
นางพูดกับหลิงอินด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“มีทักษะมากขึ้นก็มิเป็นผลร้าย… ตกลง”
หลิงอินหัวเราะออกมา
“เซี่ยเหยียนเก่งกาจเรื่องการยิงธนู และนางก็มีแก่นแท้ของการสั่งสอนของข้า เมื่อนางสอนเจ้า เจ้าควรเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มขณะพูดกับเซี่ยเหยียน “ข้าเชื่อว่าในเวลาอันสั้นเจ้าจะสามารถยิงเหยื่อของเจ้าได้”
เขาสอนเซี่ยเหยียนยิงธนูมาเป็นเวลานาน มันจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซี่ยเหยียนที่จะสอนหลิงอินยิงธนู
“อยู่ที่นี่กันนะ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปข้างใน”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวอีกครั้ง
เขามาที่ชิงซานเพื่อล่าสัตว์ และเขาก็ไม่ได้ล่ามานานแล้ว…
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็เดินออกจากที่นี่ไปพร้อมกับแมวขาวตัวน้อย ตรงเข้าไปยังส่วนลึกของเนินเขาเขียวขจี
“มาเถอะเดี๋ยวข้าสอนเอง…”
เซี่ยเหยียนยิ้มด้วยความพอใจเล็กน้อยและเริ่มสอนหลิงอินถึงวิธีการยิงธนู
“ตกลง”
หลิงอินเริ่มเรียนรู้อย่างหนัก
เมื่อนางเริ่มฝึกครั้งแรกนางก็รู้สึกตกใจมาก
เพราะนางรู้สึกได้ถึงความหมายที่ลึกซึ้งและเหนือธรรมดาอย่างหาที่เปรียบมิได้ของวิถีแห่งธนู ท่านเซียนสมแล้วที่เป็นท่านเซียน สิ่งใดที่มอบให้มาล้วนเหนือจินตนาการ!
หลังจากนั้นนางก็ได้เรียนรู้จากทวงท่ามาตรฐานของเซี่ยเหยียน
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยเหยียนหดหู่ใจยิ่งขึ้น…
หลิงอินเป็นใคร!
นางคิดในใจว่าหลิงอินเป็นสาวน้อยผู้อ่อนโยนที่เรียนรู้การเล่นฉินมา อีกฝ่ายจะเรียนรู้การยิงธนูได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
แต่ความเป็นจริงคือหลิงอินทำได้ดียิ่งกว่าที่นางคิดไว้มาก!
หลิงอินเรียนรู้การยิงธนูได้อย่างรวดเร็ว!
และดีกว่าการยิงของนางเสียอีก!
แม่นางผู้นี้ตั้งลูกธนูและดึงคันศร การเคลื่อนไหวของนางเป็นมาตรฐานยิ่ง ซ้ำยังไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ
ฟ้าว!
ลูกธนูพุ่งออกไปกระทบต้นไม้ใหญ่ในระยะไกล!
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวก็คือลูกธนูที่ยิงโดยหลิงอินนั้นทรงพลังมาก มันพุ่งทะลุต้นไม้ใหญ่โดยตรงจนหักโค่นลงมา!
“นี่…!”
ปากเล็ก ๆ ของเซี่ยเหยียนอ้าออกจนเป็นวงกลม นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลิงอินจะน่าทึ่งมากขนาดนี้ พรสวรรค์ในการยิงธนูช่างสูงส่งยิ่งนัก!
ยิงต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นได้… หลิงอินนับว่าเชี่ยวชาญทักษะการยิงธนูแล้ว!