รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 160 หลังจากจิบชาเซียนหนึ่งจอก ขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ไม่ใช่ฝันอีกต่อไป!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 160 หลังจากจิบชาเซียนหนึ่งจอก ขอบเขตมหาจักรพรรดิก็ไม่ใช่ฝันอีกต่อไป!
ภายในห้องโถง
หลังจากจิบชาเข้าไป เฮ่อเหยียน หูช่วง ผู้เฒ่าเมิ่งจี หลินอินต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ชาเซียนช่างสมกับเป็นชาเซียน ผลลัพธ์ช่างขัดต่อสวรรค์ยิ่งนัก!
พวกเขาตระหนักรู้ในใจได้ทันที ซ้ำยังเข้าใจเกี่ยวกับลำดับขั้นเต๋าและกฎเกณฑ์ในชั่วพริบตา!
อย่างที่พวกเขาได้กล่าวไป นี่ถือได้เป็นโอกาสอันหายากยิ่ง!
ทฤษฎีลำดับขั้นเต๋าและกฎเกณฑ์พรั่งพรูขึ้นในโสตประสาทชั่วพริบตา มันมากกว่าขอบเขตที่พวกเขาครุ่นคิดไว้เสียอีก หากฝึกตนในอนาคตย่อมคงง่ายขึ้นอย่างแน่นอน ซ้ำยังไม่ยากลำบากอีกต่อไป!
‘ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าหาใช่เพียงความฝัน… ทะลวงเหนือกว่าขอบเขตพรตเต๋าก็ไม่ใช่ฝันอีกต่อไป!’
เฮ่อเหยียนกล่าวในใจอย่างตื่นเต้น
ขอบเขตพรตเต๋านั้นยากจะก้าวผ่าน
ยิ่งในปัจจุบันมันถือว่ายากยิ่งนัก จนถูกขนานนามว่าเป็นขอบเขตสู่สวรรค์!
หลังจากจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้งหนึ่งจอก กฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าก็ท่วมท้นล้นเหนือห้วงจินตนาการ!
ความเข้าใจในทฤษฎีลำดับขั้นเต๋าและกฎเกณฑ์ก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าที่ได้รับรู้ในตอนนี้ จะว่าเรียบง่ายก็ไม่ได้ง่ายเลย!
ขอบเขตพรตเต๋าแบ่งออกเป็นเก้าขั้น
ขั้นเต๋าแรกเริ่ม ขั้นรวบรวมเต๋า ขั้นก่อกำเนิดเต๋า ขั้นหลอมรวมเต๋า ขั้นปราณเต๋า ขั้นอุบัติแห่งเต๋า ขั้นรอบรู้เต๋า ขั้นตื่นรู้เต๋า และขั้นเต๋าบรรจบ!
ขอบเขตก่อกำเนิดนภาที่ว่าบรรลุยากแล้ว ขอบเขตพรตเต๋ายากยิ่งกว่า!
ขอบเขตพรตเต๋าทั้งเก้าล้วนยากจะทะลวงยิ่ง และไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตก่อกำเนิดนภาไปยังขอบเขตพรตเต๋าขั้นสูงสุด
ยิ่งขั้นสูงขึ้นเท่าใดก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
ไม่ต้องเอ่ยถึงชีวิตนี้ ในสมัยโบราณกาลมีจำนวนผู้ฝึกตนติดอยู่ในขอบเขตพรตเต๋าทั้งเก้านับไม่ถ้วนเพราะไม่อาจทะลวงผ่านได้!
ยิ่งสูงก็ยิ่งยาก!
ตอนนี้เฮ่อเหยียนเข้าใจกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าอย่างลึกซึ้ง ทะลวงเก้าขอบเขตพรตเต๋าไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป!
ในอีกด้าน ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับหูช่วงก็เหมือนกัน ทั้งสองเข้าใจกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าขึ้นมาก!
พวกเขาถึงกับมั่นใจว่าจะสามารถทะลวงขอบเขตพรตเต๋า รวมถึงทะลวงผ่านขอบเขตพรตเต๋าทั้งเก้าได้!
‘ขอบเขตมหาจักรพรรดิ…!’
หลิงอินตื่นตระหนกยิ่งกว่า
เดิมทีนางก็เป็นถึงตัวตนสูงสุดแห่งโบราณกาล ย่อมมีความเข้าใจกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าอย่างลึกซึ้ง หลังจากจิบชาเซียนก็พลันรู้แจ้ง ตระหนักเข้าใจจนเกือบทะลวงขั้นทันที!
นางสัมผัสได้ถึงขอบเขตจักรพรรดิโดยบังเอิญ!
ไม่ใช่สิ…
นางสัมผัสได้ถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิที่เหนือยิ่งกว่าขอบเขตจักรพรรดิต่างหาก!
ร่างของนางสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น
สัมผัสขอบเขตมหาจักรพรรดิ… นั้นหมายถึงนางสามารถถือโอกาสนี้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดิ และกลายเป็นมหาจักรพรรดิ!
ในชีวิตก่อนหลิงอินฝึกตนมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทะลวงขอบเขตขั้นสูงสุดหรือก้าวเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิได้
ตอนนี้นางหวนกลับมาเพียงไม่นาน นับดูแล้วเพียงไม่กี่เดือน กลับสัมผัสได้ถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิแล้ว!
จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรกัน?
หากไม่ใช่ว่าระงับความตื่นเต้นนี้ไว้ในใจ นางคงลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นไปแล้ว!
เซี่ยเหยียนเป็นคนที่สงบที่สุดในยามนี้
นางไม่ได้จิบชานี้ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สอง จึงรู้ผลลัพธ์ขัดสวรรค์ของชาเซียนแห่งการรู้แจ้งมาก่อนแล้ว
ตอนจิบชาครั้งแรก นางเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมาย จิบครั้งที่สอง นางก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมายระหว่างความเข้าใจกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าอย่างลึกซึ้งที่พรั่งพรูขึ้นในหัว
การทะลวงผ่านขอบเขตพรตเต๋าไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย
รวมถึงยังสามารถทะลวงผ่านขอบเขตพรตเต๋าทั้งเก้าได้!
‘ความสัมพันธ์ของแม่นางน้อยกับท่านเซียนไม่ธรรมดาจริง ๆ…’
เฮ่อเหยียนเห็นสีหน้าสงบของเซี่ยเหยียนก็เข้าใจได้ทันทีว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซี่ยเหยียนจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง
ไม่เช่นนั้นเซี่ยเหยียนจะสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดบรรพชนของสำนักไท่หัวอย่างเวิงอู๋โย่วจึงรีบตามแม่นางน้อยผู้นี้กลับมา!
ความสำเร็จของแม่นางน้อยในอนาคตนับว่ายากจะจินตนาการแล้ว!
เฮ่อเหยียนตัดสินใจทันทีว่าไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องรักษามิตรภาพกับแม่นางน้อยผู้นี้ไว้ให้ได้!
‘เดี๋ยวก่อน… เหตุใดเจ้าถึงดูตื่นเต้นมากกว่าพวกเราเล่า?’
เฮ่อเหยียนสังเกตเห็นร่างของหลิงอินกำลังสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นจึงครุ่นคิดในใจ
หลังจากจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง ความเข้าใจกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าอย่างลึกซึ้งก็เพิ่มพูนขึ้น พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนก้าวเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญเพียรย่อมตื่นเต้นดีใจ
แต่หลิงอินแม่นางผู้นี้เป็นปุถุชนธรรมดา ไม่ได้ก้าวสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะ ถึงจะจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้งแล้วเกิดรู้แจ้ง นางก็น่าจะไม่รู้ใช่หรือไม่?
หลิงอิงไม่ได้บ่มเพาะ แม้จะเข้าใจกฎเกณฑ์ลำดับขั้นเต๋าอย่างลึกซึ้งก็คงไม่รู้สึกอะไร…
‘คงเพราะถูกรสชาติของชาเซียนทำให้ตกใจกระมัง!’
เฮ่อเหยียนไม่ได้คิดอะไรมากนักถึงแม้เขาเองจะสนใจหลิงอินมากก็ตาม
หลังจากหลินอินจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง ชะตากรรมของนางก็ถูกตัดสินให้ต่างจากคนทั่วไปแล้ว หากหลิงอินก้าวเข้าสู่เส้นทางฝึกตน ความสำเร็จของหลิงอินก็นับว่ายากจะจินตนาการ!
และหากมีโอกาส เขาจะชี้แนะเส้นทางบ่มเพาะให้หลิงอินเอง!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดในใจ หลิงอินเป็นผู้ติดตามของท่านเซียน เขาจึงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไป…
“เหมียว~”
ลั่วสุ่ยมองผู้เฒ่าเมิ่งกับเฮ่อเหยียนและคนอื่น ๆ อย่างกระตือรือร้น ทว่าในใจนั้นรู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง
นี่คือชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง!
ว่ากันว่าจักรพรรดิผู้บ้าคลั่งในยุคสนธยากาลเคยสร้างความดีความชอบในแดนเซียน พระองค์จึงได้นำใบชาเซียนแห่งการรู้แจ้งออกมาหนึ่งใบ
ต่อมาจักรพรรดิผู้บ้าคลั่งก็ฉีกมุมใบชาเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้มีขนาดเท่ากับเมล็ดข้าว แล้วเอามาชงชาต้อนรับมหาจักรพรรดิผู้เป็นแขกของเขา
ถึงจะเป็นเศษใบชาเพียงเล็กน้อย น้ำชาที่ชงออกมาก็น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง เป็นผลให้แขกของเขาพากันรู้แจ้ง!
ครั้งนี้ท่านเซียนใส่ใบชาถึงแปดใบ ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่รู้จะอัศจรรย์กว่าเพียงใด!
นางอยากจิบน้ำชาสักครั้งจริง ๆ!
“เอาล่ะ พอใจในสิ่งที่ได้เถิด! เจ้าได้กินปลาตุ๋นที่นายท่านปรุงทุกวัน… เราต้องอิจฉาเจ้าต่างหาก!”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีกล่าวกับลั่วสุ่ยหลังเห็นสายตาอิจฉาของเจ้าตัว
ทุกวันได้กินปลาของเผ่ามัจฉาจอมโหด ซ้ำท่านเซียนยังเป็นผู้ลงมือต้มให้ด้วยตัวเอง ลั่วสุ่ยได้รับผลโยชน์มากมายชวนให้คนตกใจไม่ด้อยไปกว่าจิบชาเซียนแห่งการรู้แจ้งเลย!
ส่วนเรื่องรินชาให้ลั่วสุ่ย เขาไม่กล้าทำโดยพลการหรอก
…
หลี่จิ่วเต้ากำลังง่วนอยู่ในครัวพร้อมตุ๋นเนื้อในหม้อ
เขาใช้หม้อใบใหญ่ให้เพียงพอสำหรับหลายคน จากนั้นก็ใส่เนื้อที่เหลือในตู้เย็น ส่งผลให้เวลาที่เคลื่อนไหวหยุดชะงักลง
“สมบูรณ์แบบ! เอาออกมาแล้วยังรู้สึกสดใหม่อยู่เลย!”
ยิ่งหลี่จิ่วเต้ามองตู้เย็นนี้มากเท่าใดก็ชอบใจมากขึ้นเท่านั้น มันช่างควบคุมเวลาได้เป็นอย่างดี ยอดเยี่ยมจริง ๆ!
ควันร้อนสีขาวลอยขึ้นจากหม้อ กลิ่นหอมของเนื้อค่อย ๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งออกมา ไม่นานเนื้อก็ตุ๋นได้ที่แล้ว
ชายหนุ่มตักเนื้อลงในถ้วยน้ำแกงแล้วยกขึ้น
“ทุกคน เนื้อได้แล้ว” เขากล่าวพลางยิ้ม
พอหูช่วง เฮ่อเหยียนและคนอื่น ๆ ได้ยินว่าเนื้อตุ๋นได้ที่แล้ว ความอยากอาหารของพวกเขาถูกกระตุ้น ดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้นมาทันที
ผู้เฒ่าเมิ่งจีไปห้องครัวเพื่อหยิบชามกับตะเกียบออกมาอย่างคุ้นเคย จากนั้นก็แบ่งให้ทุกคน
“เดี๋ยวข้าไปเอาสุรามาให้ ”
หลี่จิ่วเต้ากลับไปห้องครัว หยิบสุราที่เขาหมักด้วยตัวเองออกมาพลางเอ่ยว่าสุราฤทธิ์แรง ดื่มแต่พอดีจะดีกว่า
“ขอรับ!”
เฮ่อเหยียนและคนอื่น ๆ พยักหน้า จดจำคำแนะนำเป็นอย่างดี
…
นอกแดนดินมีเส้นทางโบราณผ่านดาวอวี๋ ชายทั้งสองที่กำลังเดินทางต่างรู้สึกถึงความผันผวนของเวลา
คนผู้นั้นสวมอาภรณ์สีดำทมิฬ มองไม่เห็นแม้แต่เสี้ยวหน้า เขากระซิบเสียงต่ำกับชายข้างกายที่สวมอาภรณ์สีเดียวกันว่า “แดนระดับล่างแห่งนี้รอบ ๆ ดูเลวร้ายยิ่ง ข้าไม่พบผู้ใดสักคนเดียว”
ชายข้างกายพยักหน้าพลางกล่าว “ถึงจะแย่แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือตามจับผู้หวนคืนกลับไป!”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองเร่งความเร็วมุ่งตรงไปเบื้องหน้าทันที