รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 163 ข้านำของวิเศษมาให้ พวกเจ้าตั้งรับให้ดี!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 163 ข้านำของวิเศษมาให้ พวกเจ้าตั้งรับให้ดี!
ลมปราณของสิ่งมีชีวิตทั้งสองตนดุดันเกริกฟ้า หมอกดำพิศวงชวนขนลุกปกคลุมทั้งเขาไท่หัว!
ลมปราณของพวกเขาสยดสยองเกินไป ประหนึ่งอสูรพิฆาตสองตนอันบันลือโลก เหล่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์ทั้งหลายในสำนักไท่หัวต่างตกตะลึงกันหมด ทั้งยังหวาดผวาในใจยิ่ง!
ฟ้าดินเปลี่ยนสี สำนักไท่หัวมืดครึ้มไปหมด!
สิ่งมีชีวิตสองตนนั้นหน้าตาเย็นชา ตั้งท่าจะลงมือล้างบางสำนักไท่หัว เพื่อระบายความโกรธแค้นที่สุมอยู่ในใจพวกเขา
อาณาจักรทั้งหมดในใต้หล้านี้ รวมถึงอาณาจักรเก้าตอนบนมิได้ยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับกลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
ทว่าพวกเขากลับเสียเปรียบใหญ่หลวงในแดนต่ำต้อยแห่งนี้!
แม้กระทั่งตัวละครเล็ก ๆ ราวฝุ่นธุลีในแดนต่ำต้อยแดนนี้ยังบังอาจหลอกล่อพวกเขา โกหกพวกเขา จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร!?
พวกเขาทนไม่ได้!
เสียงดัง ‘ตู้ม’ เวิงอู๋โยวร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า กระแทกอย่างแรงจนเกิดหลุมบนพื้น ฝุ่นดินปลิวว่อน!
สิ่งมีชีวิตสองตนแผ่ลมปราณออกไป กลิ่นอายสยดสยองน่ากลัวจนเวิงอู๋โยวต้านรับไม่ได้เลย!
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเอง ศรอาบแสงเล่มหนึ่งยิงออกจากสำนักไท่หัว มันเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ประดุจอัสนีบาตสีทอง ทิ่มแทงไปหาสิ่งมีชีวิตทั้งสองตนอย่างรวดเร็ว!
สิ่งมีชีวิตสองตนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พวกมันตอบสนองอย่างว่องไว เคลื่อนตัวออกไปในเฉียบพลัน หลบศรเล่มนั้นได้!
ศรเล่มนั้นปักลงบนภูเขาสูงชันเสียดฟ้าลูกหนึ่ง พริบตาเดียว ภูผาสูงใหญ่ลูกนั้นก็ระเบิดราบเป็นหน้ากลองในบัดดล!
สิ่งมีชีวิตสองตนนั้นสบตากันกลางอากาศ ต่างคนต่างมีสายตาหลากหลายอารมณ์
ในสำนักฝึกตนเล็ก ๆ เช่นนี้ เหตุใดจึงมีกำลังรบอันแข็งแกร่งสยดสยองปานนี้อยู่ด้วย
พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดหวั่นที่เจืออยู่ในศรเล่มนั้น โชคยังดีที่พวกเขาหลบทัน
หากโดนศรเล่มนั้นเข้ามีหวังต้องแย่แน่!
พวกเขารู้สึกถึงอันตรายอย่างมากจากศรเล่มนั้น!
“เป็นเพียงตัวอัปลักษณ์สองตนกลับบังอาจอาละวาดไปทั่วอย่างนั้นหรือ!?”
ภายในสำนักไท่หัว สตรีนางหนึ่ทะยานออกมาอยู่กลางอากาศช้า ๆ มองสิ่งมีชีวิตทั้งสองตนด้วยสายตาราบเรียบพลางกล่าว
เด็กสาวมีรูปโฉมสะคราญ ผิวผ่องใสดุจหิมะ รูปร่างสูงเพรียวสมบูรณ์แบบ ผมยาวดกดำนุ่มลื่นวาววามราวน้ำตก
คันศรใหญ่คันหนึ่งอยู่ในมือนาง แม้มีอายุน้อย กระนั้นกลับองอาจน่าเกรงขามยิ่ง!
ลมปราณสยดสยองที่สิ่งมีชีวิตสองตนนั้นปลดปล่อยออกมาไม่อาจข่มนางได้แม้แต่น้อย นางไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
“เด็กสาวขอบเขตลิขิตชะตาอย่างนั้นหรือ?”
“อะไรกันนี่!”
สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนหน้าเขียวทันที คิดไม่ถึงเลยว่าศรเล่มนั้นจะยิงโดยเด็กสาวที่เพิ่งอยู่เพียงขอบเขตลิขิตชะตาเท่านั้น!
ขอบเขตลิขิตชะตา…ขอบเขตระดับนี้ต่ำเสียยิ่งกว่าต่ำสำหรับพวกเขา ไม่ควรค่าให้พูดถึงด้วยซ้ำ!
ไม่เห็นหรือว่าเวิงอู๋โยว ผู้อยู่ในขอบเขตเอกาซึ่งเหนือกว่าขอบเขตลิขิตชะตาถึงสามระดับต้านทานลมปราณที่พวกเขาปลดปล่อยออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“คันศรเล่มนี้…!”
พวกเขาสังเกตเห็นคันศรใหญ่ในมือเด็กสาว สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเหลือแสน!
คันศรใหญ่เล่มนี้มีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่ สร้างแรงกดดันต่อพวกเขาอย่างมาก
คันศรใหญ่เล่มนี้ต้องมีระดับสูงมากแน่!
พวกเขาสงสัยเหลือเกินว่าเด็กสาวขอบเขตลิขิตชะตาผู้ต่ำต้อย ไยจึงปลดปล่อยพลังน่ากลัวปานนั้นออกจากคันศรใหญ่เล่มนี้ได้
ยิ่งศาสตราที่มีระดับสูงเท่าใด ก็ยิ่งลำบากในการรีดเร้นพลัง ใช่ว่าผู้ใดก็ตามหลังได้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อาวุธจักรพรรดิจะสามารถรีดเร้นพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์และอาวุธจักรพรรดิได้เต็มกำลัง
จังหวะแห่งเต๋าที่ไหลเวียนอยู่ในคันศรใหญ่ในมือเด็กสาวสูงส่งน่าทึ่งเหลือคณา
ในสถานการณ์ปกติ ผู้ที่อยู่แค่ขอบเขตลิขิตชะตาไม่อาจปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวปานนี้จากคันศรใหญ่ได้!
“เด็กสาวผู้นี้คงใช้วิธีการบางอย่างในการรวบรวมพลัง แล้วผนึกบนคันศรใหญ่ ถึงได้รีดเร้นคันศรเล่มนี้ได้!”
สิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หัวเสือดาวเหยียดยิ้มเย็น กล่าวการคาดเดาของเขาออกมา
“คงจะเป็นเช่นนั้น!”
ข้างกายเขา สิ่งมีชีวิตร่างงูหัวมนุษย์พยักหน้า เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของร่างมนุษย์หัวเสือดาว
หากมิใช่ว่ารวบรวมพลังจากที่อื่นด้วยวิธีการบางอย่าง ลำพังพลังของเด็กสาวขอบเขตลิขิตชะตาผู้นี้ไม่มีทางปลดปล่อยพลังแสนแกร่งกล้าปานนั้นออกจากคันศรใหญ่นี้ได้!
หลังคิดตกจุดนี้แล้ว พวกเขาก็ค่อย ๆ เบาใจลง
การจะรีดเร้นคันศรใหญ่ซึ่งมีระดับสูงส่ง ย่อมผลาญพลังมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย เด็กสาวผู้นี้จะรีดเร้นได้สักกี่ครั้งเชียว?
“เจ้านำของวิเศษมาให้เราหรือ?”
ร่างมนุษย์หัวเสือดาวมองเด็กสาวและหัวเราะออกมา
“อ้อ ใช่ ข้านำของวิเศษมาให้ พวกเจ้า…ตั้งรับให้ดีเล่า”
เด็กสาวหัวเราะเสียงหวาน
จากนั้นนางก็ยกคันศรใหญ่ในมือขึ้น ง้างสายเต็มที่ เล็งตรงไปยังสิ่งมีชีวิตสองตนนั้น
แล้วศรอาบแสงหกเล่มก่อร่างอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งอยู่บนคัน
“วิ่ง…วิ่งเร็ว!”
“บัดซบเอ๊ย!”
สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนตกใจจนหน้าซีด ดวงหน้าปราศจากสีเลือด หนีเอาชีวิตรอดอุตลุด ไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อย!
ให้ตายสิ ศรอาบแสงโผล่มาทีเดียวหกเล่ม มิหนำซ้ำพลังที่แฝงอยู่บนศรอาบแสงทั้งหกเล่มนั้นสยดสยองยิ่งกว่าลูกศรก่อนหน้าที่ยิงออกมาอีก!
หากโดนยิงเข้าจริง ๆ ต่อให้พวกเขาไม่ตายก็ไม่ได้มีสภาพดีกว่านั้นนัก!
บ้าจริงเชียว!
ทั้งคู่งุนงงไปหมด เด็กสาวผู้นี้ทำได้อย่างไร?
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เด็กสาวปล่อยสาย ศรอาบแสงหกเล่มยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ไล่ตามสิ่งมีชีวิตทั้งสองตนที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด!
สิ่งที่สิ่งมีชีวิตสองตนนี้สันนิษฐานไว้ก่อนหน้าไม่ผิด
ยิ่งศาสตราระดับสูงเท่าใดก็ยิ่งรีดเร้นพลังได้ลำบากเท่านั้น แล้วยังผลาญพลังมหาศาลอีกด้วย
ทว่าคันศรใหญ่เล่มนี้ต่างจากศาสตราชิ้นอื่น…
และเด็กสาวผู้นี้ก็ต่างจากคนอื่น
นางมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเซี่ยเหยียนนั่นเอง!
เดิมทีนางไม่สามารถรีดเร้นพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ออกจากคันศรใหญ่นี้ ระดับของนางก็ยังไม่ถึงขอบเขตลิขิตชะตา
ทว่าเพราะได้ดื่มชาเซียนแห่งการรู้แจ้งที่บ้านท่านเซียน
ความเข้าใจในพลังเต๋าและกฎเกณฑ์จึงได้รับการยกระดับอีกครั้ง!
เมื่อมีความเข้าใจระดับสูงในพลังเต๋าและกฎเกณฑ์แล้ว การบำเพ็ญของนางจึงราบรื่นเหลือคณา
นางฝึกฝนอยู่ไม่กี่วันสั้น ๆ ก็บรรลุข้ามขอบเขตไปหลายระดับ จนมาอยู่ในขอบเขตลิชิตชะตา
แน่นอน นี่มิใช่เหตุผลที่นางสามารถรีดเร้นพลังแสนแกร่งกล้าออกจากคันศรใหญ่
ลำพังพลังของขอบเขตลิขิตชะตา นางไม่อาจทำถึงขั้นนี้ได้เลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือด้วยความเข้าใจระดับสูงในพลังเต๋าและกฎเกณฑ์ นางสามารถฝึกฝนวิถีธนูจนอยู่ในระดับที่สูงขึ้นได้!
คันศรใหญ่ หรือก็คือคันศรราชัน คือศาสตราที่ท่านเซียนประทานให้นาง
หลังจากตั้งชื่อให้คันศรใหญ่เล่มนี้ นางก็กลายเป็นเจ้านายของคันศรใหญ่อย่างสมบูรณ์ และสร้างสายสัมพันธ์บางอย่างกับคันศรใหญ่นี้
ด้วยสายพันธ์นี้ ต่อให้ขอบเขตของนางต่ำต้อย แต่ก็ยังแสดงแสนยานุภาพเกรียงไกรของคันศรราชันได้
และหลังจากวิถีธนูของนางมีการบรรลุยกระดับจนสูงขึ้นแล้ว จึงสามารถแสดงแสนยานุภาพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้จากคันศรราชัน!
นอกจากนี้ยังไม่เป็นการผลาญพลังจนเกินไปอีกด้วย!
กล่าวอย่างไม่เกินจริง เซี่ยเหยียนในตอนนี้ สามารถปลิดชีพสุนัขยักษ์สีดำที่เคยพบคราวก่อนได้สบาย!
“ที่นี่เป็นแดนชั้นต่ำจริงหรือ!?”
“หลอกกันหรือไม่!?”
สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนพะอืดพะอมรันทดใจเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวงในเมืองปุถุชนแห่งหนึ่ง ซ้ำตอนนี้ยังต้องมาพ่ายแพ้อย่างไม่คาดคิดให้กับสำนักฝึกตนเล็ก ๆ อีกด้วย…
พวกเขาอยากร่ำไห้ยิ่งนัก
เหตุใดแดนชั้นต่ำนี้ถึงดูน่าสะพรึงกว่าอาณาจักรเก้าตอนบนอีกเล่า!