รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 165 แม่เจ้า มียอดศาสตรากันครบมือเลย!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 165 แม่เจ้า มียอดศาสตรากันครบมือเลย!
อันที่จริง ร่างงูหัวมนุษย์และร่างมนุษย์หัวเสือดาวอ่อนท่าทีลงบ้างแล้ว มิได้ปลดปล่อยคลื่นลมปราณที่น่ากลัวออกมาจนเกินไป
หากพวกเขาปลดปล่อยลมปราณทั้งหมด ผู้ฝึกตนวัยเยาว์กลุ่มนี้มีหวังถูกบดขยี้จนเละ สิ้นชีวาวายเป็นแน่!
แม้เป็นเช่นนั้น ลมปราณที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาก็ยังน่าสยดสยอง ผู้ฝึกตนวัยเยาว์กลุ่มนี้กลัวจนตัวสั่นเทา กระทั่งยืนยังไม่มั่นคง…
ทว่าในกลุ่มผู้ฝึกตนวัยเยาว์กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูสงบนิ่งกว่าผู้ใด และมิได้มีท่าทีหวาดกลัวเท่าคนอื่น ๆ
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองต้องการถามในสิ่งใดหรือ?”
เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มพร้อมก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขวางอยู่เบื้องหน้ากลุ่มผู้ฝึกตนวัยเยาว์ และเอ่ยถามสิ่งมีชีวิตทั้งสองตนอย่างไม่เกรงกลัว
“ทางโน้นมีสำนักฝึกตนแห่งหนึ่ง ใกล้กับสำนักฝึกตนมีเมืองปุถุชนแห่งหนึ่ง พวกเราอยากทราบสถานการณ์ภายในเมืองปุถุชนนั้น!”
สิ่งมีชีวิตร่างงูหัวมนุษย์ชี้ไปทางสำนักไท่หัวพลางถาม
เด็กหนุ่มมองไปตามนิ้วของสิ่งมีชีวิตร่างงูหัวมนุษย์
‘ที่นั่นคือสำนักไท่หัวมิใช่หรือ?’
เด็กหนุ่มคิดในใจ
เมืองใกล้เคียงสำนักไท่หัว…ก็คือเมืองชิงซานที่ท่านเซียนอาศัยอยู่มิใช่หรือ!
เหตุใดเจ้าสองตนนี้ถึงอยากรู้เรื่องของเมืองชิงซาน
เขาเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้ ที่นั่นเป็นเพียงเมืองปุถุชนธรรมดา ไม่ต่างจากเมืองปุถุชนอื่น”
ไม่ว่าเหตุใดที่ทำให้สองตนนี้ถึงอยากรู้เรื่องในเมืองชิงซาน เขาก็ไม่มีทางยอมบอกความจริงในเมืองชิงซานเด็ดขาด
ท่านเซียนมีบุญคุณสร้างเขาขึ้นใหม่ ไฉนเลยเขาจะยอมให้เจ้าสองคนนี้ไปรบกวนท่านเซียน
สองตนนี้เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพิศวงมุ่งร้าย ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร…
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
สิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หัวเสือดาวหัวเราะเสียงเย็น ไม่เชื่อสิ่งที่เด็กหนุ่มกล่าวแม้แต่น้อย
“เท่าที่ข้ารู้มาเป็นเช่นนั้น”
เด็กหนุ่มตอบ
“ค้นวิญญาณดูก็รู้!”
แววตาของสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หัวเสือดาวเปล่งประกายน่าพรั่นพรึง หมายมั่นจะค้นวิญญาณของเด็กหนุ่ม!
ค้นวิญญาณ?
จะให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!
หากโดนค้นวิญญาณ ไม่เพียงแต่เขาจะถูกเปิดเผยทุกอย่าง ภายในตัวเขาเองก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย และเป็นไปได้สูงว่าจะตกต่ำจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อน!
เด็กหนุ่มไม่ลังเล เรียกภาพวาดออกมาสองภาพทันที
สองภาพวาดนี้ ภาพหนึ่งมีพลังหยินไหลเวียนอยู่คับคั่ง ภาพหนึ่งมีพลังหยางไหลเวียนอย่างเหลือล้น!
“แม่เจ้า นี่มันแดนล่างบ้าบออันใดกัน!”
“ไม่ได้การ ข้าจะกลับแล้ว!”
หลังจากเห็นเด็กหนุ่มเรียกภาพวาดสองภาพนี้ออกมา สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนพลันตกตะลึงไปในบัดดล วิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง ก่อนพวกมันจะรีบแหวกมิติหนีไป!
พลังที่ไหลเวียนอยู่ในสองภาพนั้นน่ากลัวเหลือแสน!
ไม่ว่าจะเป็นพลังหยินหรือพลังหยาง ล้วนสามารถปลิดชีพพวกมันได้สบาย!
ห่างชั้นกันมากไปแล้ว ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันเลย!
“ถือว่าพวกเจ้ารู้จักประมาณตน รีบหนีได้ไว…”
เด็กหนุ่มเก็บภาพวาดสองภาพนั้นคืนกลับไป
สองภาพวาดนั้นมิใช่ภาพอื่น เป็นภาพวาดของเทพเจ้าจันทราและเหลยเจิ้นจื่อ
และเด็กหนุ่มผู้นี้ก็มิใช่ใครอื่น เขาคือสือเฟิงผู้ได้รับความช่วยเหลือจากท่านเซียนจนเปิดกายาศักดิ์สิทธิ์วิถีนำร่องออกมาได้!
“ฝีมือของท่านเซียนเกินจะหยั่งถึงจริง ๆ…”
เด็กหนุ่มคิดในใจ นึกนับถือท่านเซียนอย่างยิ่งยวด
ก่อนหน้านี้พวกฉินซินได้พบอูเหิง ราชานรกที่มีชีวิตแห่งภาคกลาง เขาไปถึงได้อย่างทันท่วงทีจึงสามารถช่วยพวกฉินซินไว้ได้ ทั้งยังใช้ภาพวาดสองภาพของเทพเจ้าจันทรากับเหลยเจิ้นจื่อสังหารร่างอวตารร่างหนึ่งของผู้นำเผ่าอูที่ฝากไว้บนตัวอูเหิง
เขาคิดว่าเท่านี้ทุกอย่างคงจบ
ทว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
พลังหยินและพลังหยางที่ปะทุออกจากสองภาพวาดนี้ทะลวงผ่านร่างอวตาร ไล่ตามไปถึงภาคกลาง และปลิดชีพผู้นำเผ่าอู พร้อมทั้งถล่มอาณาเขตเผ่าอูราบเป็นหน้ากลอง…
มียอดฝีมือจากนิกายอวี้ซวีพาอูเหิงกลับไปยังภาคกลาง หลังได้ทราบเรื่องนี้ก็รีบส่งข่าวมาให้
เมื่อเขาได้รับข่าวก็ตะลึงงันไปในบัดดล
พลังอะไรกันนี่?
เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด…
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
…
สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนหนีหัวซุกหัวซุนเอาชีวิตรอด ไม่กล้าอยู่ต่อแม้ครึ่งนาที พวกเขากลัวจากใจจริง เหตุใดแดนล่างแห่งนี้ถึงน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งคนที่เจอตามทางยังน่ากลัวเกินมนุษย์!
ทั้งคู่หนีอยู่นาน หลังแน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตรายแล้วถึงยอมหยุดและก้าวออกจากมิติ
พวกเขาสบตากัน ต่างเห็นความกลัวจากสายตาอีกฝ่าย
นี่ก็เพราะได้บทเรียนมาก่อนหน้านี้แล้วถึงสองครั้ง จึงเลือกหนีตั้งแต่แรก ขืนอยู่ต่ออีกเพียงครู่เดียว พวกเขารอดมาได้สิแปลก!
“กระไรกัน แดนล่างแห่งนี้สยดสยองเกินไปหรือไม่! แค่หนุ่มสาววัยเยาว์ยังสามารถเอาชีวิตพวกเราได้ง่าย ๆ!”
“อาณาจักรเก้าตอนบนยังไม่อันตรายถึงเพียงนี้เลยกระมัง!”
พวกเขาอยากร่ำไห้ รู้สึกอัปยศอดสูเป็นที่สุด
ด้วยพลังของพวกเขา การกวาดล้างแดนชั้นต่ำง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ทว่าในแดนชั้นต่ำแห่งนี้ ลำพังคนที่เจอกันตามทางยังสามารถเอาชีวิตพวกเขาได้!
“หนึ่งในกรณี! นี่ก็เป็นแค่หนึ่งในกรณีแน่นอน!”
“ถูกต้อง! ผิดที่พวกเราโชคร้ายเกินไปเท่านั้น!”
พวกเขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน รู้สึกว่าเพราะพวกเขาดวงซวย มิใช่ว่าแดนต่ำต้อยแห่งนี้น่ากลัวนักหนา
จากนั้นพวกเขาย้อนกลับไปที่เดิมด้วยความระมัดระวัง
พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้เมืองชิงซาน จึงหยุดลงตรงที่ห่างกันค่อนข้างไกล
“คราวนี้คงไม่เป็นไรแล้วกระมัง”
“ขอบเขตประสานวิญญาณ…พวกเราเป่าทีเดียววิญญาณก็ถึงคราวสลายแล้ว!”
พวกเขาหมายหัวผู้ฝึกตนสาวคนหนึ่ง หมายจะสืบเสาะข้อมูลของเมืองปุถุชนจากปากผู้ฝึกตนสาวคนนี้
ระดับพลังของผู้ฝึกตนสาวต่ำต้อยจนน่าเวทนา เพิ่งจะขอบเขตประสานวิญญาณเท่านั้น ขืนครั้งนี้พวกเขายังพลาดอีก ไม่ว่าอย่างไรก็เกินไปแล้ว!
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
พวกเขาก้าวออกไป ลอยอยู่เหนือหัวผู้ฝึกตนสาวพลางตวาดเสียงลั่น
“พวกเจ้า…ต้องการสิ่งใด?”
ผู้ฝึกตนสาวกลัวแทบแย่ รูปโฉมของสิ่งมีชีวิตสองตนนี้ชวนผวายิ่ง
สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนเหนื่อยจะพล่าม สิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หัวเสือดาวยื่นมือข้างหนึ่งออกไป หมายจะทำการค้นวิญญาณผู้ฝึกตนสาวโดยตรง!
ฟึ่บ!
เวลานั้นเองจี้หยกชิ้นหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากร่างของเด็กสาว ก่อนจะปะทุลำแสงเจิดจ้าไร้ขีดจำกัด ซ้ำยังมีพลังสุดสยดสยองไหลเวียนอยู่นับคณา!
แบะ!
เสียงแพะร้องดังออกมา จากนั้นเมื่อแพะยักษ์สีทองอร่ามทั้งตัวปรากฏ มันก็มาพร้อมกับรัศมีดุดันล้นฟ้า ประหนึ่งอสูรร้ายก็มิปาน!
“วิ่งสิ!”
“นี่มันอันใดกันอีกเนี่ย!”
สิ่งมีชีวิตทั้งสองตนหันหลังหนีไปทันที ตกใจจนวิญญาณแทบสลาย
แพะทองตัวนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเขาสู้ไม่ได้เลย ทั้งยังห่างกันดั่งฟ้ากับเหว!
ทั้งคู่แหวกมิติหนีไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ทว่าเพียงแพะยักษ์สีทองตัวนั้นเปล่งเสียงร้องออกมาครั้งหนึ่ง มิติที่พวกเขาอยู่ก็เกิดระเบิดครั้งใหญ่ จนกายเนื้อของพวกเขาแหลกลาญกลายเป็นหมอกโลหิต!
แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็มิใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจึงตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการสละกายเนื้อในทันทีและหนีไปด้วยร่างวิญญาณ!
“แม่เจ้า! แดนล่างแห่งนี้อยู่ไม่ได้แล้ว พวกเขาทุกคนมียอดศาสตรากันครบมือ!”
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
ทั้งสองกลัวจนขี้หดตดหาย ก่อนจะพาร่างวิญญาณหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด ไม่อยากอยู่ในแดนล่างแห่งนี้ต่อแม้เพียงครู่เดียว พวกเขาหนีกลับไปที่เส้นทางสังสารวัฏ อาณาจักรที่พวกเขาอาศัยอยู่
“ฮิ ๆ โชคดีที่มีจี้หยกที่ท่านเซียนประทานให้ข้า!”
เด็กสาวเอ่ยในใจอย่างมีความสุข
นางมิใช่ใครอื่น แต่เป็นนางกำนัลของเซี่ยเหยียน เสี่ยวหลานนั่นเอง!
ครานั้นท่านเซียนประทานจี้หยกให้นางเช่นกัน
นางเพิ่งกลับจากเยี่ยมญาติที่อาณาจักรเซี่ย อยู่ระหว่างทางกลับสำนักไท่หัวก็มาพบสิ่งมีชีวิตสองตนนี้เข้า