รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 170 น่าเสียดาย น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่ง!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 170 น่าเสียดาย น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่ง!
ลางมงคลจุติจากฟากฟ้า มหาเต๋าส่งคำอวยพร!
ทั้งแดนบูรพาทิศต่างมองเห็นลางมงคลนี้กันทั้งสิ้น และทั้งแดนบูรพาทิศล้วนได้ยินดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋า!
“ข้าต้องไปบอกท่านอาจารย์ปู่!”
อันหลานเสวี่ยได้สติจากความตะลึงงัน และนึกถึงอาจารย์ปู่แห่งพรรคจื่อเสียขึ้นมาในทันที
หากท่านอาจารย์ปู่รู้ว่ามียอดสตรีผู้มีพรสวรรค์สะท้านโลกันตร์เยี่ยงนี้เข้าร่วมพรรคจื่อเสียของพวกเขา ต้องดีใจอย่างสุดซึ้งแน่!
นางต้องการแบ่งปันข่าวนี้ดีแก่ท่านอาจารย์ปู่จนอดรนทนไม่ไหว
พูดจบ อันหลานเสวี่ยก็เหินออกไปจากที่ตรงนี้
“ใช่แล้ว ต้องไปบอก…ท่านอาจารย์ปู่!”
เมื่อผู้เฒ่าผมขาวได้ยินประโยคนี้จากปากอันหลานเสวี่ย เขาก็ได้สติจากความสะท้านใจที่เกิดขึ้น และตั้งใจจะเรียกอันหลานเสวี่ยไว้
ทว่าอันหลานเสวี่ยว่องไวเกินไป กว่าเขาจะได้สติอันหลานเสวี่ยก็ไม่เหลือแม้แต่เงาแล้ว
“เฮ้อ…ยอดสตรีสะท้านโลกันตร์เช่นนี้ปรากฏตัว นับเป็นเรื่องดียิ่ง ทว่าสำหรับพรรคจื่อเสียของเราแล้ว หาใช่เรื่องน่ายินดีไม่!”
เขาถอนหายใจหนักหน่วง สีหน้าซับซ้อน
หนนี้เอิกเกริกเกินไป ลางมงคลส่องสะท้อนทั่วแดนบูรพาทิศ ดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋าก็ดังกึกก้องอยู่ทั่วทุกมุมของแดนบูรพาทิศเช่นกัน
ไม่ต้องสงสัยเลย สายตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนบูรพาทิศย่อมเพ่งเล็งมาที่พรรคจื่อเสียของพวกเขากันหมด!
ยังไม่ต้องพูดถึงว่ายามนี้พรรคจื่อเสียเอาตัวรอดยังยากด้วยซ้ำ
ต่อให้พรรคจื่อเสียของพวกเขายังอยู่ในยุคเฟื่องฟู ยอดสตรีสะท้านโลกันตร์เยี่ยงนี้พวกเขาก็ไม่อาจรักษาไว้ได้อยู่ดี…
กลุ่มมหาอำนาจอย่างสำนักหยวนอีย่อมต้องเข้ามาชิงตัวยอดสตรีสะท้านโลกันตร์เช่นนี้!
อีกทั้งแดนบูรพาทิศในยามนี้ยังมีผู้ฝึกตนมากมายจากอีกสี่ภูมิภาคเข้ามา…
สี่ภูมิภาคที่เหลือก็คงไม่ยอมพลาดยอดสตรีสะท้านโลกันตร์เช่นนี้แน่!
อ้ายฉานมาปรากฏตัวที่พรรคจื่อเสียของพวกเขา สำหรับพรรคจื่อเสียในตอนนี้มิใช่เรื่องดี หากแต่เป็นเรื่องเลวร้าย!
อีกด้าน อันหลานเสวี่ยมิได้ขบคิดให้มาก
นางมาถึงลานพำนักของท่านอาจารย์ปู่อย่างรวดเร็ว
“ท่านอาจารย์ปู่ เสวี่ยเอ๋อร์มาแจ้งข่าวดีกับท่าน!”
นางวิ่งเข้ามาในลานด้วยความกระดี๊กระด๊า ผลักประตูห้องของอาจารย์ปู่ออก
อาจารย์ปู่นอนอยู่บนเตียง สีหน้าไม่สู้ดีนัก ลมปราณอ่อนแรงมาก ไม่เหลือเค้าของยอดฝีมือเลยสักนิด ท่าทางเหมือนปุถุชนวัยชราที่ป่วยหนักจนใกล้ตายเต็มที
“ข่าวดีอะไรหรือ…”
อาจารย์ปู่ลืมตาอย่างอ่อนเพลีย หันไปฝืนคลี่ยิ้มให้อันหลานเสวี่ย
เห็นท่าทางอ่อนแรงเช่นนี้ของอาจารย์ปู่แล้ว หัวใจของอันหลานเสวี่ยพลันปวดร้าวราวกับมีเข็มทิ่มแทง
“ขออภัยท่านอาจารย์ปู่ เสวี่ยเอ๋อร์ผลีผลามเกินไป รบกวนการพักผ่อนของท่านอาจารย์ปู่แล้ว!”
น้ำตาของนางรื้นออกมา ร้องไห้ขอโทษขอโพยกับอาจารย์ปู่ นางรีบร้อนอยากบอกอาจารย์ปู่เกินไปจนไปรบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์ปู่
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ปู่ตื่นเพราะเสียงของนาง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
อาจารย์ปู่คลี่ยิ้มอย่างยากลำบาก พร้อมเอ่ยปลอบอันหลานเสวี่ยให้นางไม่ต้องโทษตัวเอง
เขาบาดเจ็บหนักมาก แค่ยิ้มยังทำไม่ได้
“ว่ามาสิ ข่าวดีใดหรือถึงทำให้เจ้าตื่นเต้นดีใจถึงเพียงนี้ เจ้าบรรลุขอบเขตแล้วหรือ?”
อาจารย์ปู่เอ่ยถาม
“มิใช่อย่างนั้น อาจารย์ปู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องมหามงคลสำหรับพรรคจื่อเสียของเรา พรรคจื่อเสียของเราเปิดประตูรับลูกศิษย์ ท่านรู้หรือไม่ว่ามีคนเช่นไรเข้ามาสอบคัดเลือก”
อันหลานเสวี่ยปาดน้ำตาบนแก้ม เอ่ยอย่างกระตือรือร้น “มีเด็กสาวคนหนึ่ง หลังจากทดสอบดูแล้ว ศิลาวัดปราณสว่างทั้งหกก้อน ประกายแสงทะยานถึงนภา!”
“อะไรนะ!?”
อาจารย์ปู่ตะลึงอยู่กับที่ คนทั้งคนลุกพรวดขึ้นนั่ง หน้าตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ศิลาวัดปราณสว่างทั้งหกก้อน อย่าว่าแต่แดนบูรพาทิศเลย ต่อให้ทั้งเหยียนโจวก็แทบไม่เคยมีบุคคลเช่นนี้ปรากฏตั้งแต่ยุคโบราณ
“เจ้าอย่ามาหลอกให้ข้าดีใจหน่อยเลย…”
อาจารย์ปู่ฝืนยิ้ม เอนกายลงไปนอนอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากให้อาจารย์ปู่ดีใจ ทว่าการทำให้ศิลาวัดปราณสว่างทั้งหกก้อนหาได้ง่ายดายเช่นนั้น พันปีก็ใช่ว่าจะมีสักคน…”
เขาเข้าใจจุดประสงค์ของอันหลานเสวี่ย และรู้ว่านี่คือคำโกหกด้วยความหวังดีของอันหลานเสวี่ย เขาไม่เชื่อว่าพรรคจื่อเสียจะมียอดสตรีสะท้านโลกันตร์เช่นนี้มาสมัคร
“ท่านอาจารย์ปู่ เด็กสาวที่เข้าร่วมการสอบคัดเลือกมิได้มีดีเพียงแค่นั้น นางยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด นิมิตมงคลจุติ มหาเต๋าส่งคำอวยพรอีกด้วย!”
อันหลานเสวี่ยกล่าวต่อ
เฮ้อ ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่…
ศิลาวัดปราณสว่างหกก้อนยังไม่พอ ไหนจะนิมิตมงคลจุติ มหาเต๋าส่งคำอวยพร…
โอรสสวรรค์ผู้เลื่องชื่อในยุคโบราณยังไม่เก่งกาจเท่านี้เลย!
อาจารย์ปู่นึกไปว่าเขาเพียงแต่บาดเจ็บหนักจนเหลือแรงแค่เฮือกสุดท้ายเท่านั้น มิใช่ว่าเลอะเลือนจนไม่รู้เรื่องเสียหน่อย
“อืม อาจารย์ปู่รู้แล้ว อาจารย์ปู่ดีใจมาก”
เขาฝืนยิ้ม รู้ว่านี่เป็นความหวังดีจากอันหลานเสวี่ยจึงมิได้พูดอะไรไปมากกว่านี้
“ท่านอาจารย์ปู่ สิ่งที่เสวี่ยเอ๋อร์กล่าวมาคือความจริงทั้งหมด ท่านฟังสิ ตอนนี้ดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋ายังดังอยู่เลย!”
อันหลานเสวี่ยรู้ว่าอาจารย์ปู่ไม่เชื่อ จึงกล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน
“อืม อาจารย์ปู่ได้ยินแล้ว เป็นคำอวยพรจากดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋า”
อาจารย์ปู่ตอบ หาได้ตั้งใจฟังอย่างที่บอกไม่ เขาเพียงไม่ต้องการให้อันหลานเสวี่ยผิดหวังเกินไปนัก จึงคล้อยตามสิ่งที่อันหลานเสวี่ยกล่าว
“ท่านอาจารย์ปู่ตั้งใจฟังดูสิ!”
อันหลานเสวี่ยเอ่ยด้วยอารามร้อนใจ นางรู้ว่าอาจารย์ปู่มิได้ฟัง
“ได้ ๆ อาจารย์ปู่จะไปฟัง เจ้าอย่าร้อนใจไป…”
อาจารย์ปู่จนใจทำได้เพียงเงี่ยหูฟัง
แทบจะในวินาทีต่อมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาลุกพรวดขึ้นนั่ง
“เป็นคำอวยพรจากดนตรีศักดิ์สิทธิ์มหาเต๋าจริง ๆ!”
เขามีสีหน้าประหลาด สายตาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ
อันหลานเสวี่ยไม่ได้หลอกเขา มียอดสตรีสะท้านโลกันตร์มาสมัครสอบคัดเลือกที่พรรคจื่อเสียของพวกเขาจริง ๆ!
“รีบพยุงข้าไปดูที!”
ชายชราตื้นตันเหลือแสน ใคร่จักไปพบยอดสตรีสะท้านโลกันตร์ผู้นี้ให้ได้
“ได้!”
อันหลานเสวี่ยรีบประคองอาจารย์ปู่ไว้ ช่วยให้เขาลงจากเตียง ก่อนจะพาอาจารย์ปู่มาอยู่ที่ลานกว้างซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบ
บนลานทดสอบมีจำนวนคนเพิ่มเข้ามามาก
บรรดาผู้อาวุโสและลูกศิษย์พรรคจื่อเสียล้วนตกอกตกใจกันหมด และมาอยู่ที่ลานทดสอบ
“ท่านอาจารย์ปู่!”
เมื่อเห็นท่านอาจารย์ปู่เข้ามา ผู้เฒ่าผมขาวและผู้อาวุโสและลูกศิษย์คนอื่น ๆ รีบเข้าไปต้อนรับ!
“คิดไม่ถึงว่าชีวิตของข้าหรงเซิงยังมีโอกาสพบพานยอดสตรีสะท้านโลกันตร์เช่นนี้!”
อาจารย์ปู่มองอ้ายฉานที่ยืนอยู่ท่ามกลางศิลาวัดปราณหกก้อน เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ
นิมิตมงคลจุติ มหาเต๋าส่งคำอวยพร!
นางคงเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์กระมัง!
เขาไม่เคยได้ยินว่าผู้ใดน่าทึ่งได้เท่านี้ สะท้านโลกันตร์ได้เท่านี้!
น่าตะลึงเหลือเกิน!
“น่าเสียดาย น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่ง!”
เขาเจ็บใจยิ่งนัก ยอดสตรีสะท้านโลกันตร์เยี่ยงนี้ กลับไร้วาสนากับพรรคจื่อเสียของพวกเขา…
เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าเมื่อใด พรรคจื่อเสียของพวกเขาก็ไม่อาจรักษายอดสตรีสะท้านโลกันตร์เช่นนี้ไว้ได้
“ห้ามแก่งแย่ง ห้ามช่วงชิง เข้าใจหรือไม่”
เขามองผู้เฒ่าผมขาวและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
พรรคจื่อเสียในยุคเฟื่องฟูสูงสุดแก่งแย่งช่วงชิงไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพรรคจื่อเสียในยามนี้ เขากลัวว่าผู้เฒ่าผมขาวและเหล่าผู้อาวุโสจะเข้าไปแย่งตัว
หากเข้าไปแก่งแย่งจริง ๆ พรรคจื่อเสียของพวกเขาคงถึงคราวล่มสลายจริง ๆ!
“พวกเราเข้าใจ!”
ผู้เฒ่าผมขาวตอบ ทว่าในใจรู้สึกแย่เป็นที่สุด
อย่างไรอ้ายฉานก็ถูกค้นพบศักยภาพโดยบททดสอบของพวกเขาพรรคจื่อเสีย กลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่อาจครอบครองลูกศิษย์เช่นนี้ไว้ได้ จะให้เขารู้สึกดีได้เยี่ยงไร…
“อ้อ…”
อันหลานเสวี่ยตระหนักได้ก็มีสีหน้าหม่นหมองเช่นกัน
นางเองเข้าใจดีว่าหากพวกเขาต้องการเก็บอ้ายฉานไว้ พรรคจื่อเสียของพวกเขาย่อมต้องพบกับความวินาศสันตะโร…
อ้ายฉานผู้นี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไร้วาสนากับพวกเขาพรรคจื่อเสีย!