รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 174 ทุกท่านแยกย้ายเถิด มันไม่มีประโยชน์!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 174 ทุกท่านแยกย้ายเถิด มันไม่มีประโยชน์!
“กล่าวไร้สาระอะไรกัน พวกข้าไม่ได้ก่อกรรมทำชั่วเสียหน่อย! พวกข้าเพียงอยากให้สภาพแวดล้อมดี ๆ กับเด็กเหล่านี้ฝึกตน เช่นนี้ก็ผิดด้วยหรือ!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกล่าว
ก่อกรรมทำชั่ว… เขาย่อมไม่กล้า!
แต่ก็เหมือนกับที่กล่าวออกไป เขาเพียงแค่อยากรับอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นเป็นศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินเท่านั้น
หรือว่าเรื่องนี้ยังสามารถยั่วยุประมุขแดนศักดิ์ศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนได้อีกหรือ?
“พวกข้าไม่ได้รังแกพวกเจ้า ไม่ได้เอ่ยถึงกองกำลังเบื้องหลัง มาแข่งกันว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน ผู้นั้นก็รับศิษย์ไป? ”
“แข่งขันอย่างยุติธรรม พวกเจ้ายังจะพูดอย่างไรได้อีก? ”
ฉู่หลาน ผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์จากภาคกลางกล่าวออกมา
พวกเขาระงับโทสะเอาไว้ในใจ
หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวประมุขแดนศักดิ์ศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน พวกเขาจะยอมให้กองกำลังแดนบูรพาทิศเหล่านี้อวดดีต่อหน้าได้อย่างไร?
ไม่แคล้วสังหารพวกมันจนสิ้นไปนานแล้ว!
“กล่าวมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงอย่างไรเด็กเหล่านี้ก็มาจากแดนบูรพาทิศของพวกเรา จะปล่อยให้พวกเจ้ารับเป็นศิษย์ได้อย่างไร!”
“หากพวกเจ้าอยากรับศิษย์ ก็สังหารพวกเราทั้งหมดเสีย!”
เจ้าสำนักหยวนอีกับยอดฝีมือคนอื่นในแดนบูรพาทิศเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับพวกผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์จะอายุน้อยกว่าพวกเขามาก แต่ขอบเขตกลับสูงยิ่งกว่าพวกเขา
พวกเขารู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับพวกผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมรับการแข่งขันที่กล่าวมา
แต่ถึงกระนั้นก็มั่นใจว่า บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับเหล่าผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์จะไม่กล้าออกฝีมือบุ่มบ่าม
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่กลัวบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับพวกผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์แม้แต่น้อย
บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับพวกผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์โมโหโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
นี่ไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือ?
แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าออกฝีมือโจมตี ทั้งไม่กล้ากวาดล้างสำนักหยวนอีกับเหล่ายอดฝีมือคนอื่นในแดนบูรพาทิศ
อีกด้านหนึ่ง
บรรพชนสำนักไท่หัว เวิงอู๋โยวและโจวตง บรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้ายืนอยู่ด้วยกัน
พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว
ทว่าถึงอย่างนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขากลับไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลย
“เจ้าเคยเจอพวกเขามาก่อนหรือไม่?”
โจวตงถามเวิงอู๋โยว
อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นนั้นไม่คุ้นเคยเท่าไร แต่บิดามารดาของอ้ายฉานกับเด็ก ๆ คนอื่น พวกเขากลับรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง ราวกับว่าเคยเห็นพวกเขาจากที่ไหนสักแห่ง
“เหมือนจะเคยพบเจอกันมาก่อน…”
เวิงอู๋โยวขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเห็นบิดามารดาของอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นที่ไหนสักแห่ง แต่คิดอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นจากที่ใด
“พวกเขา… น่ากลัวยิ่งนัก!”
“ข้าไม่อยากไปกับพวกเขา!”
เจ้าสำนักหยวนอีทำให้เด็ก ๆ กลัว พวกเขาต่างซ่อนตัวอยู่ข้างหลังอันหลานเสวี่ย
“เด็ก ๆ ไม่ต้องกลัวไปนะ ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
อันหลานเสวี่ยกล่าวปลอบอย่างอ่อนโยน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ นางเองก็หมดหนทางเช่นกัน เพราะไม่มีสิ่งใดที่นางสามารถทำได้เลย
“พวกท่านอย่าได้เถียงกัน ข้าไม่ไปกับพวกท่าน ข้าจะฝึกตนอยู่ที่พรรคจื่อเสีย!”
อ้ายฉานกล่าวกับเจ้าสำนักหยวนอีและเหล่ายอดฝีมือคนอื่นอย่างกล้าหาญ
นางเห็นคนเหล่านี้แล้วรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง หากต้องไปกับเหล่านี้นางไม่อยากฝึกตนเสียเลย!
“ข้าด้วย!”
“พวกเราจะไม่ไปไหนนอกจากพรรคจื่อเสีย! “
จู้จื่อน้อยกับเด็กคนอื่นพูดเช่นเดียวกัน
ถึงกระนั้น เจ้าสำนักหยวนอีกับเหล่ายอดฝีมือคนอื่นก็ไม่สนใจเสียงของอ้ายฉานและเด็ก ๆ คนอื่น
เด็กจะไปรู้อะไร เมื่อถึงเวลาพวกเขาเกลี้ยกล่อมก็พาไปได้แล้ว
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการตัดสินว่าผู้ใดจะแย่งชิงสิทธิ์นั้นไป!
“ทุกท่านอย่าถกเถียงกันอีกเลย อ้ายฉานกล่าวถูกแล้ว พวกเขาไม่ใช่สิ่งของ หากพวกเขาอยากฝึกตนที่ใดก็ให้พวกเขาตัดสินใจเองเถิด”
สือเฟิงก้าวออกมา
“พี่เฟิง ท่านอยู่ที่นี่!”
อ้ายฉานกับเด็กคนอื่น ๆ เห็นสือเฟิงก็ดีใจเป็นอย่างมาก
สือเฟิงปกป้องพวกเขาในเขาลี่ พวกเขาจึงชื่นชอบสือเฟิงเป็นอย่างยิ่ง
“อืม”
สือเฟิงยิ้มให้อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นพลางกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องกังวล อยากฝึกตนที่ใดก็ฝึกตนที่นั่น”
เด็กเหล่านี้คือเด็กที่ท่านเซียนประทานพรให้ เขาจะยอมให้ผู้อื่นบังคับเด็กเหล่านี้ได้อย่างไร?
อีกอย่าง เขาเองก็ชื่นชอบเด็กเหล่านี้เป็นอย่างมาก
นี่คือผู้ใดกัน?
พูดจาเสียใหญ่โตเชียว!
สายตาของผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรและปีศาจทั้งหมดมองมายังร่างของสือเฟิง ต่างสงสัยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับสือเฟิง เหตุใดเขาถึงกล้าพูดคำเช่นนี้ออกมา
“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงกล้ามาชี้นิ้วสั่งผู้อื่นกัน?”
เจ้าสำนักหยวนอีมองสือเฟิงอย่างไม่พอใจ
“ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใคร แต่สิ่งสำคัญคือความต้องการของอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นไม่ใช่หรอกหรือ? พวกท่านจะไปบังคับพวกเขาได้อย่างไร? การเลือกสำนักฝึกตนต้องขึ้นอยู่กับความเต็มใจไม่ใช่หรือ?”
สือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น
“เขาดูคุ้น ๆ นะ…”
“ก่อนหน้านี้เขาอยู่กับศิษย์นิกายอวี้ซวี เขาเป็นศิษย์ของนิกายอวี้ซวีหรือ?”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับเหล่าผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์มองสือเฟิง บางคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเคยเห็นสือเฟิงจากที่ไหนสักแห่ง
ผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์เห็นสือเฟิงมาจากกลุ่มศิษย์นิกายอวี้ซวีในตอนนี้
“จำได้แล้ว! เขาคือสือเฟิงจากนิกายอวี้ซวี อัจฉริยะไร้เทียมทานผู้โด่งดังในภาคกลางเมื่อหกปีก่อน!”
แววตาของฉู่หลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็จำสือเฟิงได้
สือเฟิงเมื่อหกปีที่แล้ว เคยเป็นบุคคลที่นางเทิดทูน…
น่าเสียดายที่เรื่องราวของสือเฟิงถูกลืมเลือนไปชั่วพริบตา เขาตกลงมาจากแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ต้องนึกอยู่นานกว่าจะจำสือเฟิงได้
“ที่แท้ก็เป็นเขา!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินยังจำได้ว่าเมื่อหกปีก่อน สือเฟิงยืนอยู่เหนือผู้คน เป็นถึงผู้ภาคภูมิใจของสวรรค์อย่างแท้จริง!
“เจ้ามายุ่งอันใดด้วย!? ห่วงตัวเองดีกว่า!”
เขาเหลือบตามองสือเฟิง
“สือเฟิง? หกปีก่อน หลังจากฝึกตนเพียงหนึ่งเดือนก็เลื่อนมาอยู่ขอบเขตขอบเขตประสานวิญญาณทำให้ภาคกลางทั้งหมดตกอยู่ความตะลึง หลังจากนั้นก็ได้ยินมาว่าเขาก็ติดอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณ ไม่เลื่อนขั้นอยู่หลายปี…”
“เขากล้ามาแดนบูรพาทิศเช่นนี้หรือ?”
พวกผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ในภาคกลาง กล่าวถึงเรื่องนี้พวกเขาทุกคนเองก็จำอดีตของสือเฟิงได้
“ที่แท้ก็เป็นคนผู้นั้น!”
เจ้าสำนักหยวนอีกับเหล่ายอดฝีมือ ได้ยินผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ในภาคกลางกล่าวถึงสือเฟิง พวกเขาก็รู้เรื่องราวชีวิตของสือเฟิง
“มิแปลกใจเลยว่า เหตุใดเขาถึงไม่บอกว่าตนเป็นใคร”
เจ้าสำนักหยวนอีมองสือเฟิงพลางกล่าว “พวกเขายังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าอะไรดีสำหรับพวกเขา ในอนาคตพวกเขาจะเข้าใจเองว่าเรากำลังทำเพื่อประโยชน์ของพวกเขา หากยังอยู่ในพรรคจื่อเสีย มันจะเป็นการทำลายความสามารถท้าทายสวรรค์เสียเปล่า”
อันหลานเสวี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ ในใจของนางพลันรู้สึกขมขื่นยิ่ง
แต่นางจะพูดอะไรได้…
“พวกเจ้าไม่เข้าใจ…”
สือเฟิงส่ายหัว
ท่านเซียนให้อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นกินข้าวต้ม ซ้ำยังให้ภาพวาดสถาปนาเทวดากับไซอิ๋ว อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นมีคัมภีร์วิชากับพลังเหนือธรรมชาติแล้ว
ไม่สำคัญว่าอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นจะฝึกตนที่ใด
แค่ข้าวต้มกับภาพวาดก็เพียงพอที่จะทำให้อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นเป็นยอดคนได้แล้ว
อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นไม่จำเป็นต้องไปฝึกที่สำนักหยวนอีหรือกองกำลังอื่นเลย
อีกอย่างท่านเซียนชื่นชอบอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นมาก พวกเขาจะมีปัญหาในอนาคตได้อย่างไร?
ย่อมเป็นไปไม่ได้!
“พวกเจ้าอยากฝึกตนที่พรรคจื่อเสียใช่หรือไม่? “
สือเฟิงถามอ้ายฉานกับเด็กคนอื่น
“ข้าอยากฝึกตนในพรรคจื่อเสีย!”
“ข้าชอบพี่สาวมาก ข้าอยากอยู่พรรคจื่อเสียเหมือนกัน!”
อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นพูดพร้อมกัน
สือเฟิงแย้มยิ้มพลางกล่าว “ดี”
แล้วเด็กหนุ่มก็มองกองกำลังแข็งแกร่ง สำนักหยวนอีไปจนถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลิน กับเหล่าผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์จากภาคกลาง
“ทุกท่านควรแยกย้ายได้แล้ว รั้งอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์ อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นไม่ไปกับพวกเจ้า พวกเขาจะอยู่ที่พรรคจื่อเสีย”
สือเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น
“…”
สำนักหยวนอีกับยอดฝีมือคนอื่นในแดนบูรพาทิศ บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เฟิงหลินกับเหล่าผู้เป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์ในภาคกลางพูดไม่ออก เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของสือเฟิง
สือเฟิงผู้นี้บ้าไปแล้ว
ไม่เช่นนั้นจะกล่าวคำพูดเสียสติเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน
เหตุใดสือเฟิงถึงบอกให้พวกเขาไป แล้วพวกเขาต้องไปด้วย…
นี่มันตลกเกินไปแล้ว!