รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 186 แดนบูรพาทิศอันน่าสะพรึ่งกลัว ไปแล้วก็ตายอย่างเดียว!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 186 แดนบูรพาทิศอันน่าสะพรึ่งกลัว ไปแล้วก็ตายอย่างเดียว!
เหยียนโจว แดนบูรพาทิศ
ณ พรรคจื่อเสีย
บรรพชนพรรคจื่อเสียสอนอ้ายฉานและเด็กคนอื่นด้วยตัวเอง เขาส่งต่อคัมภีร์ฝึกฝนระดับสูงสุดของพรรคจื่อเสียให้กับเด็ก ๆ และช่วยเด็ก ๆ ดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา
ต้องบอกว่าอ้ายฉานและเด็ก ๆ คนอื่นนับว่าน่าอัศจรรย์โดยแท้ เพิ่งจะเริ่มฝึกตน พวกเขาก็ดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จทีละคน ทำเอาบรรพชนพรรคจื่อเสียและอันหลานเสวี่ยถึงกับตกตะลึงไปในบัดดล
“พวกเขาเป็นอัจฉริยะสะท้านฟ้าจริง ๆ!”
บรรพชนพรรคจื่อเสียทอดถอนใจ
เพราะคิดว่ามันต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ เมื่อฝึกฝนในตอนเริ่มต้น!
“ใช่”
อันหลานเสวี่ยก็ถอนหายใจเช่นกัน
นางใช้เวลานานกว่าพวกเขา และใช้เวลามากกว่าสามเดือนถึงจะดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่
ทันใดนั้น ความว่างเปล่าพลันบิดเบี้ยว แล้วเงาทั้งแปดร่างก็เดินออกมา
“ท่านทั้งสอง พวกเราไปคุยกันข้างนอกได้หรือไม่?” คนผู้หนึ่งกล่าวถาม
บรรพชนพรรคจื่อเสียและอันหลานเสวี่ยมองหน้ากัน
แปดคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับครั้งที่แล้ว
“ตกลง”
บรรพชนพรรคจื่อเสียพยักหน้าอย่างไม่กังวลมากนัก
อันหลานเสวี่ยมีภาพทิวทัศน์หิมะของท่านเซียน ไม่ว่าคนทั้งแปดนี้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็มิอาจสู้ไหว
“เด็ก ๆ พวกเจ้าฝึกไปก่อนนะ” เขาหันไปพูดกับเด็ก ๆ
จากนั้น บรรพชน อันหลานเสวี่ยและคนทั้งแปดคนก็ออกไปด้านนอก
ทันทีที่ทั้งหมดออกไปด้านนอก พวกเขาก็เข้าสู่แดนพิเศษ
‘สามารถสร้างแดนพิเศษได้ทุกที่… คนพวกนี้มีภูมิหลังเช่นไร!?’
บรรพชนพรรคจื่อเสียคิดในใจ
แม้แต่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนทั้งหมดก็ยังห่างไกลจากความสามารถเช่นนี้…
“น่าแปลก…การเดินทางครั้งนี้ช่างสงบยิ่งนัก?”
หลังจากมาถึงแดนพิเศษ หนึ่งในแปดคนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดขึ้นมา
ใช่แล้ว
พวกเขาทั้งแปดคนเป็นยอดฝีมือที่มาจากกองกำลังลับ ซ้ำยังนำอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาอีกด้วย
ขณะที่พวกเขาเดินทางมาที่นี่ มันไร้ซึ่งอุปสรรค อันที่จริงออกจะเงียบสงบด้วยซ้ำ
เดิมทีตามการคาดเดาของพวกเขา ยอดฝีมือที่มาก่อนหน้าถูกกองกำลังลับอื่นฆ่าไปแล้ว
ทว่าพวกเขาเดินทางมาจนตอนนี้กลับไม่พบอันตรายแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก
ท้ายที่สุด หากกองกำลังลับไม่ต่อสู้ระหว่างทางเมื่อพวกเขามา มันก็จะไม่มีโอกาสลงมือแล้ว…
พวกเขามาแล้วก็ไม่สามารถกลับไปได้ในทันที
พวกเขาต้องการอยู่ในพรรคจื่อเสียเป็นเวลานาน เพื่อที่จะได้รับการยอมรับและเป็นที่รักของเด็ก ๆ ส่วนสิ่งมีชีวิตอื่น พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก พวกเขาเพียงแค่ต้องการพาพวกเด็ก ๆ กลับไปที่กองกำลังลับของพวกเขาเท่านั้น
“มิแปลก อีกฝ่ายน่าจะทราบว่าพวกเราต้องรู้อยู่แล้ว พวกเราเตรียมพร้อมสำหรับการมาเยือนครั้งนี้ พวกเขาจึงมิกล้าเผยตัวออกมา”
คนผู้หนึ่งพูด แต่เขาไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่แปลก
พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของกองกำลังลับ มีคนไม่มากนักที่สามารถเอาชนะพวกเขาได้
หากกองกำลังลับอื่นโจมตีพวกเขาจริง มันจะไม่มีวันเป็นเรื่องง่ายและจะทำให้เกิดความโกลาหลมากมายยิ่งกว่าเดิม
หาได้มีประโยชน์อันใดสำหรับกองกำลับที่ทำเรื่องวุ่นวาย
ดังนั้น เขาจึงไม่รู้สึกว่ามันแปลก
“เป็นไปได้”
คนที่พูดก่อนหน้านี้พยักหน้า และคิดว่ามันสมเหตุสมผล
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
ณ เวลานี้ บรรพชนพรรคจื่อเสียกล่าวถามคนทั้งแปด
อันหลานเสวี่ยมีภาพทิวทัศน์หิมะอยู่ในตัว จึงไม่มีปัญหากับภัยของพวกเขา
แต่คนกลุ่มนี้มาจากภูมิหลังที่ลึกลับ และดูเหมือนว่าพวกเขากลัวที่จะถูกเปิดโปงบางอย่าง ทำให้เลือกที่จะระเบิดตนเอง
บรรพชนจึงต้องการที่จะค้นหาภูมิหลังก่อนหน้านั้นของคนเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้” คนผู้หนึ่งตอบขึ้นอย่างเฉยเมย
เขาไม่มีอะไรจะพูดมาก มือเหยียดนิ้วออกอย่างรวดเร็ว แล้วลำแสงก็พุ่งเข้าหาบรรพชนพรรคจื่อเสียในฉับพลัน!
“ดี!”
ทั้งแปดคนเงียบและอีกคนหนึ่งก็แสดงฝีมือโดยชี้ไปที่อันหลานเสวี่ย
อันหลานเสวี่ยรู้ว่าบรรพชนพรรคจื่อเสียกำลังพยายามหลอกคนทั้งแปด แต่คนทั้งแปดระมัดระวังตัวและเด็ดขาดเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องปล่อยภาพทิวทัศน์หิมะออกมาอีกครั้ง
มิฉะนั้น ทั้งนางและบรรพชนพรรคจื่อเสียจะถูกควบคุมเอาได้
พรึ่บ!
เมื่อภาพทิวทัศน์หิมะลอยออกมา ก็ปรากฏสัมผัสแห่งเต๋าสูงสุดไหลเวียน พลังของหิมะเยือกแข็งกระเพื่อมออก แล้วแดนพิเศษแห่งนี้ก็ถูกแช่แข็งในบัดดล!
คนทั้งแปดคนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งทันที!
กระทั่งลำแสงสองลำที่พุ่งเข้าหาอันหลานเสวี่ยและบรรพชนพรรคจื่อเสียก็ถูกแช่แข็งเช่นกัน!
เป็นไปได้อย่างไร!
ในใจของคนทั้งแปดตกตะลึง พวกเขาคาดไม่ถึงว่าอันหลานเสวี่ยจะมีสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้กับตัว!
ยามนี้เอง พวกเขาทั้งหมดพลันเข้าใจแล้ว
เข้าใจว่าเหตุใดยอดฝีมือก่อนหน้าถึงถูกกำจัด อีกทั้งพวกเขาไม่ได้ถูกกองกำลังลับกำจัด!
แต่เป็นเพราะฝีมือของอันหลานเสวี่ย!
“พวกเจ้าเป็นใคร ผู้ใดอยู่เบื้องหลัง! ตราบใดที่พวกเจ้าพูดออกมา ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่!”
บรรพชนพรรคจื่อเสียรีบถาม เพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะระเบิดตนเอง
โดยไม่คาดคิด คนเหล่านี้มีความเด็ดขาดพอ ๆ กับกลุ่มที่แล้ว ซ้ำยังไม่มีความสะเพร่าแม้แต่น้อย พวกเขาเลือกที่จะระเบิดตนเองทันที!
ปัง! ปัง! ปัง!
คนทั้งแปดระเบิดตนเอง พลันบังเกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่นภายในประติมากรรมน้ำแข็งนี้ ทว่าเพราะพลังของหิมะเยือกแข็งนั้นแกร่งกล้าเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะระเบิดตนเอง พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายประติมากรรมน้ำแข็งได้
“โหดเหี้ยมกันจริง ๆ!”
บรรพชนพรรคจื่อเสียถอนหายใจ จวบจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด
อันหลานเสวี่ยดึงพลังหิมะเยือกแข็งกลับมา แล้วประติมากรรมน้ำแข็งก็สลายตัว ก่อนจะมีบางอย่างหลุดออกมาจากด้านใน
“ค้อนดาวแดง กระบี่วายุ…”
บรรพชนพรรคจื่อเสียอ้าปากค้าง เขารู้ถึงที่มาของสิ่งเหล่านี้
สิ่งที่หลุดออกมาคืออาวุธแปดชิ้น ซ้ำแล้วทั้งหมดยังเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงของจักรพรรดิในสมัยโบราณ!
อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!
แดนศักดิ์สิทธิ์ในภาคกลางไม่มีอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครอง มากสุดก็มีแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์!
ทั้งแปดคนนี้มีอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว นี่นับว่าห่างไกลจากความคิดของเขา ทั้งยังเกินการคาดการณ์เขาไปมาก!
“ภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่!” เขาอดไม่ได้ที่จะพูด
สามารถมาพร้อมกับอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้… มิต้องสงสัยเลยว่าผู้อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้นั้นหาได้ยากเพียงใด มิหนำซ้ำอาจจะแข็งแกร่งกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จากภาคกลางด้วย!
“ไม่ว่าภูมิหลังจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่พวกเขาจะยิ่งใหญ่กว่าท่านเซียนได้หรือ?”
อันหลานเสวี่ยหัวเราะพลางพูดว่า “ไม่สำคัญว่าภูมิหลังของพวกเขาจะเป็นเช่นไร หากพวกเขากล้ามาก็ปล่อยให้พวกเขามา! หึ ๆ ข้าหวังว่าพวกเขาจะนำสมบัติที่ล้ำค่ากว่านี้มามอบให้พวกเรา…”
“เห็นด้วย”
บรรพชนพรรคจื่อเสียหัวเราะพร้อมพูดว่า “มาเถิด มามอบสิ่งล้ำค่าแก่พวกเราเสีย”
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เก็บอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดชิ้นไป อันหลานเสวี่ยทำลายแดนพิเศษนี้
ด้วยพลังหิมะเยือกแข็งและกลับไปยังพรรคจื่อเสีย
…
ณ ภาคกลาง
กองกำลังลับทั้งแปด
ในขณะนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างนิ่งเงียบ
“เกิดอันใดขึ้น! พวกเขาทั้งหมดล้วนตายตกพร้อมอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!”
“ผู้ใดเป็นคนทำ!?”
ผ่านไปไม่นานก็บังเกิดเสียงคำรามลั่นจากพวกเขาทั้งแปดกองกำลังลับ
ยอดฝีมือเหล่านั้นถูกส่งออกไปพร้อมกับอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ทว่าตะเกียงแห่งชีวิตที่สว่างไสวตลอด
เวลาของพวกเขากลับดับลง…
พวกเขาโกรธมาก มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการสูญเสียยอดฝีมือเหล่านั้น แม้แต่อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็
สูญเสียไป หัวใจพวกเขาเสมือนกับมีเลือดไหลริน
ไม่มีอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาก็นับว่าไร้ซึ่งพลัง มันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เกินไป!
“พวกเราอาจจะคิดผิด…”
“ยอดฝีมือที่มีอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปจะถูกกำจัดอย่างรวดเร็วได้อย่างไร? นอกจากนี้ คนพวกนั้นย่อมไม่มีความกล้าที่จะทำมัน!”
หลังจากที่พวกเขาสงบลงก็เริ่มวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง ความกลัวพลันปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา
อาจมีกองกำลังลับทางแดนบูรพาทิศที่พวกเขาไม่รู้!
…
“น่าเบื่อมาก ลืมมันไปเสีย มาเริ่มลงมือกันเถอะ”
จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงส่ายหัวกับตัวเอง หลังจากเล่นหมากรุกสองสามตากับวิญญาณนักบุญที่ทิ้งร่องรอยเต๋าแห่งหมากรุกไว้ทางแดนบูรพาทิศ เขาก็ตัดสินใจที่จะเริ่มลงมือทำเรื่องหลัก
นั่นคือการไปจับตัวผู้บรรลุสังสารวัฏ!