รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 198 นี่! เจ้าอย่ามาแตะต้องข้า
หลี่จิ่วเต้าหนีไปด้วยความลนลาน
หลิงอินเห็นแล้วต้องอึ้งจนตาค้าง
ป้าหวังสุดยอดจริง ๆ นี่…นี่เป็นถึงท่านเซียนเชียวนะ!
นางอยากรู้เหลือเกิน หากป้าหวังรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของท่านเซียนแล้วจะทำหน้าอย่างไร…
นางคิดแล้วคง…คงหลากหลายอารมณ์น่าดูชมทีเดียว!
“ยายหนู หน้าด้านเข้าไว้ ชายหนุ่มแสนดีเช่นคุณชายหลี่ ขืนเจ้าไม่เป็นฝ่ายรุกบ้างได้โดนผู้อื่นแย่งไปแน่!”
ป้าหวังกล่าวต่อหลิงอิน
“เรื่องนั้น…เรื่องนั้น ป้าหวัง ไว้เราค่อยสนทนาเรื่องเหล่านี้กันทีหลัง ข้าจะไปพายเรือกับคุณชาย!”
หลิงอินรีบบอก และวิ่งหนีหายวับไป
นางก็…นึกกลัวเช่นกัน!
เซี่ยเหยียนตามไปด้วย
นางนับถือป้าหวังในใจอย่างสุดซึ้ง
ให้ตายสิ ป้าหวังสุดยอด หนึ่งท่านเซียน หนึ่งจ้าวแห่งโบราณกาล ล้วนอยู่ในกำมือนาง!
“พายเรือ? ไม่เลว ไม่เลว หืม ไม่สิ แม่นางผู้นี้ก็ไปด้วยหรือ!”
ป้าหวังได้ยินว่าหลิงอินจะไปพายเรือกับคุณชายหลี่ก็นึกดีใจ แต่เมื่อเห็นเซี่ยเหยียนตามไปด้วย สีหน้านางบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ไม่ได้การ ต้องรีบไปคุยกับแม่ของยายหนู ให้แม่ของนางช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง รีบหมั้นหมายให้จบเรื่อง มิเช่นนั้นต่อให้ภายหลังได้ครองคู่กันดังเดิม ก็เป็นภรรยาเอกไม่ได้แล้ว!”
นางรีบร้อนเดินไปทางบ้านหลิงอิน เป็นห่วงเรื่องสมรสของหลิงอินยิ่งกว่ามารดาของนางเองเสียอีก
ณ ทะเลสาบชิงสุ่ย
ที่แห่งนี้เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ อยู่ด้านเหนือของเมืองชิงซาน ไม่ถือว่าใกล้มาก แต่ก็ห่างกันไกลพอสมควร
คนในเมืองต่างนิยมมาพายเรือชมทัศนียภาพที่นี่
ระหว่างทาง หลี่จิ่วเต้ายังกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
เจอป้าหวังพูดขนาดนี้ เขาเองก็เขินเกินกว่าจะพูดคุยกับหลิงอิน
อีกด้าน ดาบมารอมตะกำลังเหินไปในอากาศระดับต่ำ ๆ
ทว่าทันใดนั้น มันก็ร่วงหล่นลงจากฟ้าเสียงดัง ‘ตุ้บ’
“เกิดอะไรขึ้น”
ดาบมารอมตะงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
มันเหินอยู่ดี ๆ ไยจู่ ๆ ถึงหล่นลงมาได้!
“เฮ้อ คงเหลือพละกำลังไม่พอกระมัง…”
มันมิได้คิดมากแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรพลังดั้งเดิมของมันก็เหลือเพียงน้อยนิด บวกกับต้องหนีอุตลุดไม่ได้พัก มีพละกำลังไม่พอก็ถือว่าปกติ
คิดมาถึงนี่มันรู้สึกฉุนเฉียวเป็นที่สุด
ราวกับลูกหลานจักรพรรดิหยวนมีกลวิธีที่สามารถติดตามเขาได้อย่างนั้น ไล่ตามอยู่ด้านหลังไม่ลดละ มันกลัวจนไม่กล้าชะลอแม้แต่น้อย
หากมิใช่เช่นนี้ มีหรือที่มันจะหนีอุตลุดทั้งทาง คงหาที่พักผ่อนไปนานแล้ว
“สาเหตุจากผนึก!”
มันลองทบทวนอย่างละเอียดแล้ว เอ่ยขึ้นอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
จักรพรรดิหยวนแปลงกายเนื้อเป็นผนึก แม้ว่ามันทลายผนึกออกมาได้ กระนั้นบนตัวดาบของมันยังมีลมปราณของจักรพรรดิหยวนหลงเหลืออยู่
เกรงว่าลูกหลานจักรพรรดิหยวนคงตามหาผ่านลมปราณที่หลงเหลืออยู่นี้มาทั้งทาง
“เจ้าคนเดนตาย ช่างเลือกที่ได้เก่งจริง ๆ ที่นั่นมีแนวมังกร ซ้ำยังมีชีพจรกิเลน นับเป็นสถานที่อันพรั่งพร้อมไปด้วยวาสนาในใต้หล้าอย่างแท้จริง!”
มันเอ่ยต่ออย่างเคียดแค้น
แนวมังกรเอย ชีพจรกิเลนเอย ที่แห่งนั้นไม่ธรรมดายิ่ง จักรพรรดิหยวนตั้งรกรากที่นั่น ต่อกรกับมันด้วยพลังจากฟ้าดิน ที่มันมีชีวิตรอดจนทลายผนึกออกได้นั้นไม่ง่ายเลยทีเดียว!
จักรพรรดิหยวนฉลาดมาก รู้ว่าลำพังพลังของตนไม่อาจทำลายมันได้ จึงจงใจผนึกมันไว้ที่นั่น ผนึกกำลังกับพลังฟ้าดิน เพิ่มพูนพลังผนึก และใช้ทำลายมัน
พลังผนึกระดับนี้จักคงอยู่ตลอดไป
หากมิใช่เช่นนั้น ผนึกของจักรพรรดิหยวนไม่มีทางอยู่มานานเยี่ยงนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีลมปราณหลงเหลือ
พลังฟ้าดินช่วยให้ผนึกของจักรพรรดิหยวนคงสภาพเดิมไว้ได้ตลอด เพราะอย่างนั้น ลมปราณของจักรพรรดิหยวนจึงดำรงอยู่มาจนบัดนี้
‘หมดพลังแล้ว วิ่งไม่ไหวแล้ว ช่างเถิด ไม่หนีแล้ว’
ดาบมารอมตะเอ่ยอย่างจนใจ
มันอยากหนีก็ไม่ได้ พลังในกายไม่มากพอให้เขาวิ่งต่อ
ทว่ามันมิได้กังวลใจนัก
ด้วยสิ่งแวดล้อมในปฐพีผืนนี้ย่ำแย่เกินไป เทียบกับยุคโบราณไม่ได้เลย ต่อให้มันโดนจับได้ ลูกหลานของจักรพรรดิหยวนก็ทำอะไรมันไม่ได้ ทั้งยังไม่อาจปลิดชีพของมัน
“คิดแล้วคงเพราะสิ่งแวดล้อมในปฐพีนี้ย่ำแย่ลง ข้าถึงทลายผนึกได้กระมัง…”
มันพูดอย่างใช้ความคิด
หากมิใช่เพราะสิ่งแวดล้อมในปฐพีย่ำแย่ลง พลังฟ้าดินไม่แข็งแกร่งเท่าเดิม มันอาจยังทลายผนึกไม่ได้
“มีคนมา…!”
เวลานั้นเอง จู่ ๆ มันก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามาทางมัน
มันอยากหนีแต่ทำไม่ได้ เพิ่งเหินขึ้นจากพื้นก็ร่วงลงไปดัง ‘เคร้ง’
“ผู้ฝึกตนหนึ่งคน อสูรหนึ่งตน ปุถุชนสองคน…”
หลังจากผู้มาเยือนเข้าใกล้มากขึ้น มันก็เบาใจลงได้บ้าง
ในขบวนที่เดินทางเข้ามามีปุถุชนอยู่ บ่งบอกว่าคนพวกนี้มิใช่จำพวกที่ไล่ตามมันอยู่ บางทีอาจเป็นเพียงคนท้องที่ธรรมดา
ถึงอย่างไรตัวมันในตอนนี้ก็ไม่อาจสู้ตัวมันในอดีต ยามนี้มันอ่อนแอมาก สัมผัสได้เพียงเลือนรางว่าในบรรดาผู้มาเยือน มีคลื่นพลังปราณจากหนึ่งคนหนึ่งอสูร
ใช่แล้ว
ผู้มาเยือนก็คือพวกหลี่จิ่วเต้า
ดาบมารอมตะสัมผัสได้ว่าผู้ที่มีคลื่นพลังปราณในตัวคือเซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ย
เคล็ดวิชาโบราณอำพรางลมปราณที่หลิงอินฝึกฝนนั้นเก่งกาจมาก ดาบมารอมตะสัมผัสคลื่นพลังปราณจากตัวหลิงอินไม่ได้เลย
“เอ๊ะ ตรงนี้มีดาบ”
หลี่จิ่วเต้าเดินเข้าไป หลังเห็นดาบบนพื้นจึงเก็บขึ้นมา
นี่! เจ้าปุถุชนคนนี้อย่ามาแตะต้องข้า!
ดาบมารอมตะโมโหยิ่ง
ตัวมันแข็งแกร่งปานใด?
แม้กระทั่งจักรพรรดิโลหิตอัสนียังไม่เคยจับมันเช่นนี้มาก่อน
จักรพรรดิโลหิตอัสนีเป็นเพียงทาสของมันเท่านั้น!
ชีวิตทั้งชีวิตของมัน นอกจากเจ้านายของมัน ผู้เฒ่าอมตะแล้ว มันไม่เคยถูกผู้ใดแตะต้องมาก่อน!
ผู้อื่นล้วนไม่คู่ควร!
ส่วนการโดนปุถุชนจับ…ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อนิจจา มันไม่เหลือพลังในตัวแม้แต่น้อย จึงไม่อาจส่งเสียงร้องได้
มิฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรมันก็ต้องแยกร่างปุถุชนผู้นี้ ไม่ปล่อยให้เขาทำให้มันแปดเปื้อน!
ต่อให้ที่ตรงนี้มีผู้ฝึกตนมันก็ไม่กลัว!
ถึงอย่างไรในช้าเร็วลูกหลานจักรพรรดิหยวนก็ต้องไล่ตามมาอยู่ดี มันไม่มีความจำเป็นต้องหลบซ่อน อย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว
เจ้ารอก่อนเถิด
รอให้ข้าฟื้นพลังขึ้นมาได้สักเศษเสี้ยว ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน!
จิตสังหารพลุ่งพล่านอยู่ในใจดาบมารอมตะ
ตอนนี้มันไม่ต้องการสิ่งใดทั้งนั้น ปรารถนาแต่เพียงก่อนลูกหลานจักรพรรดิหยวนไล่ตามมาถึง มันสามารถฟื้นพลังกลับมาได้บ้าง แล้วแยกร่างเจ้าปุถุชนที่ทำให้เขาต้องแปดเปื้อน!
อีกด้าน หลิงอินมองดาบในมือท่านเซียนแล้วพลันใจสะท้านยิ่ง
ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล ประสาทสัมผัสญาณยังอยู่ นางสัมผัสถึงจิตสังหารรุนแรงจากดาบเล่มนั้นได้!
ดาบเล่มนี้ไม่ใช่ดาบธรรมดาแน่นอน ไม่รู้ว่าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของสิ่งมีชีวิตใดบ้าง!
นอกจากนี้ นางยังสัมผัสลมปราณเก่าแก่เหลือแสนได้จากดาบเล่มนี้ เป็นดาบโบราณที่อยู่มาไม่รู้นานเท่าไหร่!
‘เหมือนจะคุ้นตาอยู่บ้าง…’
นางคิดในใจ ยิ่งมองดาบเล่มนั้นยิ่งรู้สึกว่าเคยเห็นที่ใดมาก่อน
“ดาบมารอมตะ!”
ม่านตาของนางหดลง ตกตะลึงอย่างยิ่งยวด ในที่สุดนางก็คิดออกแล้วว่าเคยเห็นดาบเล่มนี้ที่ใด!
นี่คือดาบมารที่ก่อให้เกิดการรบราฆ่าฟันไม่รู้จบในยุคโบราณ!
นางเองก็เกิดในยุคโบราณ!
เพียงแต่นางเกิดช้า ยามที่นางถือกำเนิดออกมา การรบราฆ่าฟันที่เกิดจากดาบมารอมตะล่วงเลยผ่านไปนานแล้ว
นางเคยอ่านเจอบันทึกเกี่ยวกับดาบมารอมตะจากตำราเล่มหนึ่ง!