รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 200 ไม่ต้องกลัว พวกเราจะปกป้องพวกเจ้าเอง!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 200 ไม่ต้องกลัว พวกเราจะปกป้องพวกเจ้าเอง!
“ครั้งนี้คุณชายหลี่จะพายเรือด้วยตนเองใช่หรือไม่?”
เถ้าแก่เรือถามหลี่จิ่วเต้า
“อืม ข้าพายเรือเองได้”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า
หนึ่งในทักษะที่เขาได้เรียนรู้คือการพายเรือ ทิวทัศน์ทะเลสาบชิงสุ่ยไม่เลว เขามาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อเช่าเรือและพายเรือด้วยตัวเอง
“ขอรับ”
เถ้าแก่เรือหัวเราะ ก่อนจะกระโดดลงจากเรือไป
หากเป็นคนอื่นกล่าว เขาคงจะกังวลเล็กน้อย
ทะเลสาบชิงสุ่ยนั้นไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป แต่หากมีคนเช่าเรือออกไปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เช่นนั้นจะไม่แย่เอาหรอกหรือ?
ปกติแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้เช่าเรือคนเดียวแต่จะเดินทางด้วยกัน และเขาจะเป็นคนพายเรือให้
หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ทันเวลา
แต่สำหรับคุณชายหลี่ เขาวางใจไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล
ทักษะการพายเรือของคุณชายนั้นดีกว่าเขาเสียอีก!
มิหนำซ้ำ ทักษะการว่ายน้ำก็ดีกว่าเขามากเช่นกัน
“คุณชายหลี่อายุยังน้อยอนาคตไกล โดดเด่นในทุกด้าน น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ให้ในสิ่งที่ผู้คนปรารถนา คุณชายหลี่มากความสามารถเช่นนี้แต่กลับมิอาจฝึกฝนได้!”
เถ้าแก่เรือถอนหายใจรู้สึกสงสารหลี่จิ่วเต้ากล่าว “เฮ้อ หากคุณชายหลี่สามารถฝึกฝนได้ ข้าเชื่อว่าคุณชายหลี่จะต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนธรรมดาอย่างแน่นอน! “
ในอีกด้านหนึ่งหลี่จิ่วเต้าพายเรืออย่างชำนาญออกไปอย่างเชื่องช้า
แรกเริ่มรอบข้างหลี่จิ่วเต้ามีเรืออยู่หลายลำ แต่ต่อมาเรือหลายลำรอบข้างของพวกเขาก็ค่อย ๆ น้อยลง
ด้านหลังริมทะเลสาบเงียบสงบ และมีเรือของพวกเหลืออยู่เพียงลำเดียว
พวกเขาพายเรือมาไกลแล้ว
ชายหนุ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นขยับมาข้างกายเซี่ยเหยียนกับหลิงอิน และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ อย่ากลัวสิ้นเปลือง อยากดื่มก็ดื่มเถิด เอากลับข้าก็ดื่มคนเดียวไม่หมด”
บนเรือมีสุรามีอาหารขนมของว่างผลไม้มากมาย
พวกเถ้าแก่ร้านค้าช่างมีน้ำใจไมตรีนัก
ตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา ไม่จำเป็นต้องพายเรือแล้ว ปล่อยให้เรือล่องลอยไปตามกระแสน้ำทะเลสาบก็พอ
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
ในขณะนั้นเอง พลันมีหลายร่างเหาะเหินมาจากที่ไกลลับอย่างรวดเร็ว!
รูปร่างของพวกนั้นเขาแปลกประหลาด มีร่างกายเป็นมนุษย์แต่ไม่มีผิวหนังเหมือนมนุษย์ คล้ายกับเอาแร่โลหะบางอย่างมาหลอมเป็นผิวหนัง ทั่วทั้งร่างเป็นสีแดงสด และมีอักขระยันต์อัสนีปรากฏมากมายอยู่บนตัว
“กลิ่นอายของดาบมารอมตะอยู่บนเรือลำนั้น!”
“หนึ่งผู้ฝึกตน หนึ่งสัตว์อสูร สองปุถุชนธรรมดา!”
พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งสามารถรับรู้ได้ว่ามีใครอยู่บนเรือในชั่วพริบตา
“ไม่มีเวลาแล้ว! คนจากตระกูลหยวนกำลังตามเรามาในไม่ช้า พวกเราจับตัวพวกเขาทั้งหมดมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน!”
“ขอรับ!”
พวกเขาเร่งความเร็ว ต้องการจะจับตัวทุกคนบนเรือไปด้วย
พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากยอดฝีมือเผ่าอสูรโลหิตอัสนี ที่ไล่ตามกลิ่นอายดาบมารอมตะมา!
น้ำในทะเลสาบสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับมีคลื่นพายุลูกใหญ่กำลังก่อตัว ปราณอันน่าสะพรึงกลัวของพวกเขาระเบิดออกมา ไม่ได้ปิดบังอำพรางเลยแม้แต่น้อย
เรือโคลงเคลงไปมาหากปล่อยเอาไว้อีกไม่นานอาจจะจมลงได้ เซี่ยเหยียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้เรือมั่นคงและไม่ให้เรือจม
ใบหน้าของนางมืดมน สิ่งมีชีวิตประหลาดพวกนี้มาจากที่ใดกัน กล้ามาอวดดีต่อหน้าท่านเซียนได้อย่างไร! ?
หลิงอินขมวดคิ้วและในใจนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ล่องเรือชมทิวทัศน์กลับถูกทำลายบรรยากาศเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อท่านเซียนยังอยู่ที่นี่ ความคิดสังหารพลันปรากฏขึ้นมาในใจของนางทันที!
เหมียว!
ลั่วสุ่ยกัดฟันร้องตะโกนใส่สิ่งมีชีวิตพวกนี้ด้วยความโกรธเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะคำสั่งของท่านเซียน นางคงออกฝีมือไปนานแล้ว อยากจะฉีกเจ้าพวกคนสมควรตายให้เป็นชิ้น ๆ!
สถานการณ์เช่นนี้คืออะไร?
หลี่จิ่วเต้าคิดอย่างตกใจ
แต่เมื่อเขาเห็นว่าข้างกายมีเซี่ยเหยียนอยู่จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง
เซี่ยเหยียนเป็นศิษย์สายตรงของสำนักไท่หัว ได้รับถ่ายทอดวิชาจากเจ้าสำนักโดยตรง และสำนักไท่หัวก็เป็นหนึ่งในกองกำลังแข็งแกร่งที่สุดในแดนบูรพาทิศ
เขาคิดว่าเซี่ยเหยียนสามารถจัดการกับคนเหล่านี้
ถึงแม้เซี่ยเหยียนจะไม่สามารถจัดการกับมันได้ แต่ด้วยตัวตนศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักไท่หัว ย่อมต้องสามารถหยุดคนกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน!
ยอดฝีมือจากเผ่าอสูรโลหิตอัสนีไม่สนใจเซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยเลยแม้แต่น้อย
ในความคิดของพวกเขา เซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋า
กลับกันพวกเขาอยู่เหนือกว่าขอบเขตพรตเต๋าทั้งเก้า ระดับต่ำสุดอยู่ขั้นขอบเขตราชัน ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตราชันผู้เกริกไกร เซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยยากจะเทียบได้
ขอบเขตพรตเต๋ามีทั้งหมดเก้าขอบเขต ถ้าฝ่าด่านเก้าขอบเขตมาแล้วจะกลายเป็นราชัน!
ขอบเขตราชันอยู่เหนือขอบเขตพรตเต๋า!
ขอบเขตราชันผู้เกริกไกรอยู่เหนือขอบเขตราชัน!
พวกเขาพุ่งเข้ามา ปราณพวกเขาแต่ละคนระเบิดออก เซี่ยเหยียนมองอย่างเย็นชา ยกคันศรราชันเตรียมออกลูกคันศรทันที
นางสัมผัสได้ว่าคนเหล่านี้มีขอบเขตสูงมาก และอยู่เหนือกว่านางยิ่ง!
ถึงอย่างนั้นในมือมีคันศรราชัน ไม่ว่าคนเหล่านี้จะแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์!
ในขณะนั้นเองพลันมีแสงสว่างพุ่งมาจากที่ห่างไกล โจมตีมายังกลุ่มยอดฝีมือเผ่าอสูรโลหิตอัสนี!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีหญิงสาวชุดขาวเหาะเหินกลางอากาศมายังที่แห่งนี้
นางยกมือขึ้นให้แสงสว่างเจิดจ้าปกคลุมของเรือที่หลี่จิ่วเต้ากับคนอื่นกำลังนั่งอยู่ ปกป้องหลี่จิ่วเต้ากับคนอื่น
ใบหน้าของเหญิงสาวงดงามละมุนละไม ร่างกายเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ผมสีดำขลับปลิวไสว จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ราวกับเทพธิเสด็จเหาะเหินลงมามิปาน
“ไม่ต้องกลัว พวกเขาไม่ได้จะทำลายพวกเจ้า”
หญิงสาวกล่าวกับหลี่จิ่วเต้าและคนอื่นเสียงเบา
ขอบเขตของนางก็สูงมากเช่นกัน นางสัมผัสได้ว่ามีมนุษย์ธรรมดาสองคน ผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรอยู่บนเรือหลี่จิ่วเต้า
ขอบเขตของผู้ฝึกตนกับสัตว์อสูรนั้นต่ำมาก พวกเขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋า…
กลัว???
กลัวอะไร?
เซี่ยเหยียนได้ยินแล้ว นางอยากจะพูดว่าพี่สาว พวกเราสู้คนพวกนั้นไม่ได้ตรงไหนกัน? พวกเรากลัวอะไร คนพวกนั้นต่างหากที่ควรกลัวพวกเรา!
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น พื้นที่กลางอากาศบิดเบี้ยว ขณะนั้นเองก็มียอดฝีมือหลายคนออกมาจากพื้นที่กลางอากาศต่อสู้โจมตีเผ่าอสูรโลหิตอัสนี!
พวกเขาเป็นยอดฝีมือทรงพลังของตระกูล ไล่ตามกลุ่มคนพวกนี้มา!
“พวกเราจะปกป้องพวกเจ้าเอง”
หญิงสาวยิ้มให้หลี่จิ่วเต้ากับคนอื่น จากนั้นก็มีร่างหนึ่งเข้ามาโจมตีทันที
แม้แต่อายุของนางจะยังน้อยแต่ความแข็งแกร่งของขอบเขตของนางสูงมาก นางเป็นธิดาสวรรค์ที่โด่งดังในชิงโจว แข็งแกร่งเทียบได้กับยอดฝีมือจากเผ่าอสูรโลหิตอัสนี!
ศัตรูพบกัน ดวงตาแดงก่ำ ยอดฝีมือจากตระกลูหยวนกับเผ่าอสูรโลหิตอัสนีต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่มีใครพูดอะไร
ต้องบอกว่าไม่มีอะไรเสียมากกว่า
ในอดีตจักรพรรดิอสูรโลหิตอัสนีได้รับดาบมารอมตะ บนโลกมนุษย์เกิดการเข่นฆ่าไม่หยุดไม่หย่อน ทั้งสองเผ่าได้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต เรียกได้ว่าไม่ตายไม่เลิกรา!
สำหรับความจริงที่ว่าเผ่าอสูรโลหิตอัสนียังไม่ถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์ยังสืบเชื้อสายมาจนปัจจุบัน พวกยอดฝีมือของตระกูลหยวนก็ไม่ได้แปลกใจเช่นกัน
ตระกูลหยวนคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว พวกเขาพยายามกำจัดกากเดนของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีที่หลงเหลืออยู่อย่างสุดกำลัง
เพียงแต่เผ่าอสูรโลหิตอัสนีหลบซ่อนอยู่ลึกเกินไป พวกเขาหาอยู่นานก็ไม่พบ
นอกจากนี้ พวกเขายังรู้ว่ายังกองกำลังอื่นที่มีส่วนร่วมกับเผ่าอสูรโลหิตอัสนียังไม่ถูกกำจัดให้สิ้นซาก กากเดนบางส่วนได้ส่งต่อถึงปัจจุบัน
พวกเขาพยายามตามคืนดาบมารอมตะกลับมา เพราะพวกเขากลัวเผ่าอสูรโลหิตอัสนีกับกองกำลังอื่นจะพบดาบมารอมตะก่อนฟื้นคืนชีวิตกลับมาจากเถ้าถ่าน!
สำหรับเผ่าอสูรโลหิตอัสนีพวกเขาไม่มีอะไรจะพูด
พวกเขารู้ดีว่านี่คือการต่อสู้ตัดสินความเป็นความตาย!
หากไม่สังหารยอดฝีมือตระกูลหยวน เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชิงดาบมารอมตะ!