รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 228 เรื่องเล็กน้อย…แต่ไม่ได้!
ไม่ได้ร้องขอกับเจ้า
ข้าเพียงแจ้งให้เจ้าทราบเท่านั้น!
เมื่อได้ยินวาจาไร้ซึ่งความแยแส แต่มากอำนาจเช่นนี้จากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ความกรุ่นโกรธในใจของหยวนเซิ่งก็ปะทุขึ้นทันที
“เจ้าพูดอีกครั้งสิ!”
หยวนเซิ่งถลึงตาใส่ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา จิตสังหารแรงกล้านับว่าชัดเจนยิ่ง!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคิดว่าเขารังแกง่าย สั่งอะไรก็ได้ใช่หรือไม่?
“ข้าไม่มีอะไรจะพูด”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเฉยเมย ไร้คำพูดอื่นใด แต่เปิดใช้ร่างทองอมตะโจมตีหยวนเซิ่งโดยตรงทันที
คนเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทด้วย
“ถึงกับคิดกระทำตามอำเภอใจในลัทธิไท่เสวียนของข้าอย่างนั้นรึ!?”
หยวนเซิ่งเย้ยหยันเสียงเย็น ก่อนจะลงมือโต้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว พลันพลังปราณอันทรงพลังก็พุ่งโจมตีไปข้างหน้า
ทว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก้าวเข้าสู่ขอบเขตพรตเต๋าแล้ว ซ้ำยังอยู่ในขั้นสามของขอบเขตพรตเต๋า เขาไม่จำเป็นต้องเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายด้วยซ้ำ แค่ใช้ร่างทองอมตะก็เพียงพอสำหรับต้านทานการโจมตีทั้งหมดของของหยวนเซิ่งแล้ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยามนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง การโจมตีของหยวนทำอะไรเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และหยวนเซิ่งก็ถูกเขาสยบในเวลาอันสั้น!
“เจ้าลัทธิ!”
“บังอาจ!”
ยอดฝีมือมากมายที่อยู่นอกห้องโถงรีบวิ่งกรูกันเข้ามา พวกเขาสัมผัสได้ว่าภายในห้องเกิดการต่อสู้กัน จึงรีบรุดเข้ามาทันที!
ขอบเขตของพวกเขาเองก็ไม่สามัญ ล้วนอยู่ในขอบเขตพรตเต๋า เมื่อเห็นว่าเจ้าลัทธิของตนถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกำราบ พวกเขาจึงลงมือจู่โจมประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนทันที!
แต่ทันใดนั้นเอง สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น!
มีสหายเต๋าอ่อนวัยผู้หนึ่งเหาะเหินมาตรงหน้าของพวกเขา ก่อนจะใช้พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงโจมตีพวกเขา!
พลังอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงนี้เป็นพลังหยินหยาง ถึงแม้พวกเขาจะใช้พลังทั้งหมดต้านทางก็ยังไม่ไหว ชั่วพริบตาทั้งหมดก็ถูกขับไล่ออกจากห้องโถงทันที!
“เป็นไปได้อย่างไร…!?”
ยอดฝีมือทั้งหลายต่างมองเด็กหนุ่มด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ทั้งยังคาดไม่ถึงว่าพวกตนจะถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ ทำให้ปลิวออกมาเช่นนี้ได้!
เพิ่งจะเป็นวัยเยาว์แท้ ๆ แต่ไยจึงฝึกฝนได้มาถึงขั้นนี้?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาสัมผัสได้ว่าขอบเขตของเด็กหนุ่มตรงหน้า อยู่เพียงขอบเขตพรตเต๋าขั้นที่หนึ่งเท่านั้น!
ในขณะที่พวกเขาหลายคนอยู่ขอบเขตพรตเต๋าขั้นที่สองและสาม เหตุใดเด็กหนุ่มตรงหน้า…จึงได้น่าเกรงเยี่ยงนี้! ทั้งยังต่อสู้ข้ามขั้นกับพวกเขาได้ด้วย!?
เรื่องนี้มันเกินกว่าพวกเขาจะทำใจเชื่อลงได้!
ผัวะ!
ในตอนนี้เอง หยวนเซิ่งถูกหมัดของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเหวี่ยงออกจากห้องโถง เขากระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนจะล้มลงกับพื้น
“แข็งแกร่งปานนี้ได้อย่างไร!?”
หยวนเซิ่งจ้องมองสือเฟิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเทียบกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแล้ว สือเฟิงนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า พอเห็นสือเฟิงแสดงอภินิหารเช่นนี้ออกมา เขาก็เสียสมาธิถูกหมัดประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนต่อยเข้า จนล้มลงไปกองกับพื้น!
หากไม่ใช่เพราะเสียสมาธิ เขาคงไม่พ่ายแพ้เร็วขนาดนี้!
ยามนี้ในใจของเขารู้สึกทุกข์ระทมไม่ไหวแล้ว
ร่างทองอมตะของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนปรากฏออกมาแล้วก็แล้วไปเถอะ รวมถึงจุดลับทั้งห้าของร่างกายนั่นด้วยก็แล้วมันไป แต่ที่เขาอยากรู้กว่านั่นคือ เหตุใดต้องปรากฏกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องในตัวอัจฉริยะสะท้านฟ้าอย่างสือเฟิงด้วย!?
“นี่จะต้องเป็นหนึ่งในสิบกายาทรงพลังของสมัยโบราณอย่างแน่นอน!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมองสือเฟิงและกล่าวจากใจจริง
เขารู้ว่าสือเฟิงได้รับการเบิกกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องจากท่านเซียน และยังรู้ด้วยว่ากายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องนั้นน่าอัศจรรย์ใจ ท้าทายสวรรค์เพียงใด!
นี่ทำให้เขาอิจฉาอย่างยิ่ง
มีกายาศักดิ์สิทธิวิถีนำร่องท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ในอนาคตสือเฟิงย่อมไร้ขีดกำจัด ทะยานไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก!
“ยังสงสัยอะไรอีกหรือไม่? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง จะนำทางไปหรือไม่!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเดินออกมาจากห้องโถง สายตามองไปที่หยวนเซิ่งพลางกล่าว
หยวนเซิ่งหน้าถอดสีเป็นที่สุด ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคนเดียวก็รับมือได้ยากแล้ว มาตอนนี้ยังมีสือเฟิงเพิ่มเข้ามาด้วย!
“ข้า…จะพาไป!”
สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะประนีประนอมยอมเป็นผู้นำทางให้อีกฝ่าย
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนไม่ได้เปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายยังทรงพลังถึงเพียงนี้ หากเปิดจุดลับทั้งห้าของร่างกายด้วย ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้แน่!
สือเฟิงโจมตีเพียงครั้งเดียวก็สามารถจัดการยอดฝีมือขอบเขตพรตเต๋าที่สูงกว่าตนไปได้สิบกว่าคน เห็นได้ชัดว่าขั้นของเขาต่ำกว่า แต่กลับมิอาจคาดได้เลยสักนิด!
เขามิอาจต่อกรกับทั้งคู่ได้เลย!
ก่อนหน้านี้ เขารับรู้ถึงความโกรธาของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนที่มีต่อกองกำลังเร้นกายของพวกเขาได้ จึงไม่สงสัยเลยว่า หากตนยังคงยืนกรานไม่นำทางไปละก็… ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจะไม่ใจอ่อนเมตตาพวกเขาอย่างแน่นอน!
“งั้นก็ไปกันเถิด!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว ก่อนจะออกจากลัทธิไท่เสวียนไปพร้อมกับสือเฟิง โดยมีหยวนเซิ่งเป็นผู้นำทาง
ตำแหน่งของกองกำลังเร้นกายอื่นล้วนแต่ถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดี คนนอกไม่อาจรู้ถึงตำแหน่งของพวกเขาได้เลย
ทว่ากองกำลังเร้นกายด้วยกันย่อมเข้าใจเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน เขารู้ว่ากองกำลังเร้นกายอื่นตั้งอยู่ที่ใด
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาต่างก็รู้ตำแหน่งของกันและกัน อีกทั้งในอดีตก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ซ้ำยังรู้ดีว่าภัยพิบัติใกล้จะหวนกลับมาอีกครั้งแล้ว พวกเขาจึงตั้งใจจะรวมกันเป็นหนึ่ง หากในอนาคตไม่มีทางที่จะซ่อนตัวได้จริง ๆ พวกเขาก็ยังสามารถดูแลกันและกันได้
ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นเครื่องมือผูกมัดเอาไว้ ผูกมัดให้กองกำลังเร้นกายทั้งหมดเข้าด้วยกัน ป้องกันกองกำลังอื่นเปิดโปงตำแหน่งที่ซ่อนตัว
ไม่นานหลังจากนั้น พวกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนก็มาถึงสถานที่หลบซ่อนของกองกำลังเร้นกายหนึ่ง
“หยวนเซิ่งมาเยี่ยม!”
มีหยวนเซิ่งอยู่ด้วย พวกเขาจึงเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย และไม่ถูกขัดขวางไว้แม้แต่น้อย
“วันนี้มีเรื่องน่าสนใจอะไร สหายเต๋าถึงได้มาหาข้าได้?”
นี่น่าจะเป็นหนึ่งในตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังในสมัยโบราณ ผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้นำของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถามหยวนเซิ่งด้วยรอยยิ้ม
ทว่าเมื่อเขาเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน นัยน์ตาของเขาคล้ายจะดูมืดครึ้มเล็กน้อย
ให้ตายเถิด ดวงตาของเขาแย่ใช่หรือไม่?
ตอนอยู่ในแดนลับนั่น ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนลงมือจัดการสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนลับ ซ้ำยังใช้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นมาข่มขู่พวกเขาอีก!
คนในตระกูลของเขาเองก็ถูกประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจัดการเช่นกัน!
“หาได้มีเรื่องใหญ่อันใด เพียงแต่ข้าอยากขอดูบันทึกของคัมภีร์โบราณที่ตระกูลสูงศักดิ์ในอดีตรวมรวบเอาไว้เท่านั้นเอง แค่อยากจะตรวจสอบบางอย่างน่ะ”
หยวนเซิ่งกล่าวพร้อมยิ้มบาง ๆ ให้อีกฝ่าย ด้วยไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง
ตราบใดที่ไม่เปิดเผยฐานะประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง มันก็ยังถือว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่
“โอ้ แค่เรื่องเล็กน้อย…”
ผู้นำตระกูลหัวเราะพลางกล่าว “แต่ไม่ได้!”
คำพูดก่อนหน้าของอีกฝ่ายทำให้หยวนเซิ่งรู้สึกเบาใจมาก
ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ การนำบันทึกในคัมภีร์โบราณออกมาให้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิงหาเอาเอง หลังจากนั้นหากไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาก็จะจากไป
ทว่าหลังจากได้ยินวาจาถัดมา สีหน้าของหยวนเซิ่งพลันย่ำแย่ทันที
ไอ้เจ้าคนนี้นี่!
ไม่ใช่บอกว่าเรื่องเล็กหรอกหรือ?
เรื่องเล็กเหตุใดจึงไม่ได้?
ตาเฒ่าไม่รู้เลยหรือว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไร!
ข้าทำเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าที่สุดแล้วนะ!
เจ้าอย่าได้ไม่รู้ดีรู้ชั่วให้มันมากนักเลย!
หยวนเซิ่งโมโหอย่างยิ่ง เขาคิดว่าตนเองสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้โดยไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงต้องการทำอะไรสักอย่าง!
“สหายเต๋าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
หยวนเซิ่งยังคงยืนกราน ไม่อยากเปิดเผยฐานะประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกับสือเฟิง และถามผู้นำตระกูลตรงหน้า
“ไม่มีเหตุผล ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าดู”
ผู้นำตระกูลกล่าวอย่างเย็นชา
บัดซบ!
พูดอะไรของเจ้า!?
พูดดี ๆ ด้วยไม่ยอมทำตาม อยากให้ใช้กำลังใช่หรือไม่!
หยวนเซิ่งสบถอย่างกราดเกรี้ยวอยู่ในใจของตัวเอง ให้หน้าก็แล้ว ก็ไม่เอา เจตนาดีของเขากลายเป็นเครื่องในของลา*[1]ไปเสียแล้ว!
[1] เครื่องในของลา คำเปรียบเปรยถึง จิตใจที่เลวร้าย ไม่ประสงค์ดี