รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 246 ปลาตัวนี้ไม่เลวเลย คราวหน้าตุ๋นมันแล้วกัน!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 246 ปลาตัวนี้ไม่เลวเลย คราวหน้าตุ๋นมันแล้วกัน!
อนาถเหลือเกิน
นักบุญคนใดอนาถเท่าข้าบ้าง
มังกรศักดิ์สิทธิ์หรือก็คือนักบุญมะโรงทรมานใจยิ่ง กระนั้นมันก็มิกล้าไม่ทำตามคำสั่งของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ยอมคลายพันธนาการของผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์ และหญิงงามเผ่าปีศาจ
“ขอบคุณประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยชีวิต!”
“ขอบคุณประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์!”
หลังจากผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์และหญิงงามเผ่าปีศาจถูกปลดจากพันธนาการแล้ว ก็พากันกล่าวขอบคุณประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
พวกนางรู้จักประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ทราบถึงฐานะของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่ง ชื่อเสียงเลื่องลือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผนวกกับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนแสดงวิชาร่างวัชระกำราบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ส่งผลให้ชื่อเสียงของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนยิ่งเลื่องลือขึ้นไปอีก
ต่อให้พวกนางอยู่ที่แดนประจิมทิศ ก็ได้ยินกิตติศัพท์ของประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนมาเหมือนกัน
บางคนในกลุ่มพวกนางเคยมีโอกาสพบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนด้วย
ครานั้น ซากโบราณของราชวงศ์อวี่ฮว่าปรากฏขึ้นในแดนบูรพาทิศ ในกลุ่มพวกนางมีคนเดินทางไปไม่น้อย และได้พบประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนที่ซากโบราณของราชวงศ์อวี่ฮว่า
“ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์โปรดล้างแค้นแทนเผ่าของเราด้วย!”
“มันล้างบางทั้งเผ่าพันธุ์ของเราเช่นกัน!”
ผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์ และหญิงงามเผ่าปีศาจมากมายขอร้องประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน ขณะเล่าเหตุการณ์ทุกอย่าง
เมื่อครั้งนักบุญมะโรงลักพาตัวพวกนางไป ชาวเผ่าของพวกนางเข้าต่อต้านด้วยชีวิต ผลสุดท้ายโดนนักบุญมะโรงฆ่าทิ้งทั้งหมด
หลังจากประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนฟังจบ สีหน้าพลันเย็นยะเยือก
สือเฟิงก็เช่นกัน เขาบันดาลโทสะยิ่ง
“หลังบรรลุเป็นนักบุญแล้วเจ้าก็ออกทำความชั่วไปทุกหนแห่งอย่างนั้นหรือ”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนหันมองนักบุญมะโรง เอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ
“ไว้ชีวิตข้าสักครา ทุกอย่างคุยกันได้! ข้ายินดีรับใช้ในฐานะทาส!”
นักบุญมะโรงรีบบอก
มันต้องการเพียงเอาชีวิตรอดเท่านั้น ต่อให้ต้องตกเป็นทาสก็ยอม
“เก็บไว้ไม่ได้!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเอ่ยเสียงเด็ดขาด
“ส่งเมล็ดผักมา แล้วข้าจะให้เจ้าได้ไปอย่างสบาย หากไม่แล้ว ข้าจักทำลายพลังทั้งหมดของเจ้า แล้วส่งตัวเจ้าให้พวกนางจัดการ!”
เขากล่าวต่ออย่างเย็นชา
“ต่อรองก่อนได้หรือไม่!”
นักบุญมะโรงร้อนใจ
ทั้งสองทางต้องตายทั้งคู่
โดยเฉพาะทางเลือกที่สอง ขืนมันโดนทำลายพลังแล้วตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์และหญิงงามเผ่าปีศาจเหล่านี้ การตายดียังยากสำหรับมันเลย!
เวลานี้มันยิ่งสำนึกเสียใจขึ้นไปอีก
หากรู้อย่างนี้แต่แรก ไยมันต้องเที่ยวเพ่นพ่านออกไปข้างนอกด้วย
หากไม่ออกไปเพ่นพ่าน ไม่แน่ตอนนี้มันอาจยังเหลือทางรอด
“ต่อรองไม่ได้!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตะคอกเสียงเย็น ท่าทีเด็ดขาด
“ก็…ได้!”
นักบุญมะโรงจำต้องยอมส่งเมล็ดผักให้ มันไม่อยากโดนทำลายพลังแล้วไปอยู่ในมือของผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์ และหญิงงามเผ่าปีศาจเหล่านี้
ขืนเป็นเช่นนั้นจริง ไม่รู้ว่ามันต้องทนทุกข์ทรมานปานใด!
มันเก็บเมล็ดผักทั้งหมดไว้ในร่าง มันยอมนำเมล็ดผักทั้งหมดออกมา
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเก็บเมล็ดผักไว้ทั้งหมด ลองนับดูแล้วมีจำนวนเกือบสองร้อยเม็ด พันธุ์ครบทุกชนิด
“ให้ข้าได้ไปสบายที!”
นักบุญมะโรงหลับตา มันรู้ว่ามันไม่รอดแล้ว
เฮ้อ หากชาติหน้ามีจริง แล้วข้าบำเพ็ญจนอยู่ในระดับนักบุญอีกครั้ง ข้าจักยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน!
นักบุญมะโรงร้องไห้แผดเสียงในใจ
สือเฟิงรีดเร้นพลังจากภาพวาดสองภาพ ปลิดชีพนักบุญมะโรงทันที วิญญาณของนักบุญมะโรงสลาย ตายตกตรงที่นี้
“นี่มัน…ภาพวาดอะไรกัน!”
“น่ากลัวเหลือเกิน!”
ผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์ และหญิงงามเผ่าปีศาจต่างตกใจกับพลังของสองภาพวาดนี้
พวกนางเคยประจักษ์เห็นภาพการลงมือของนักบุญมะโรง รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงระดับนักบุญ ทว่านักบุญมะโรงผู้นี้เมื่ออยู่ต่อหน้าสองภาพวาดนี้กลับอ่อนแอต้านทานไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ถูกฆ่าในเสี้ยววินาที…
เป็นเรื่องที่พวกนางตื่นตกใจอย่างมาก!
“กลับไปเถิด”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนบอกกับผู้ฝึกตนหญิงเผ่ามนุษย์ และหญิงงามเผ่าปีศาจ
ยามนี้ ในโลกใบเล็กแห่งนี้ไม่เหลืองูเหลือมสักตัว กลัวจนกระเจิงกันหมดแล้ว
น่าขันนัก บรรพจารย์ของพวกมัน นักบุญมะโรงยังถูกสังหาร พวกมันไฉนเลยจะกล้าอยู่ที่นี่ต่อ
ต่อให้พวกนางกล้าขึ้นกว่านี้ร้อยเท่าก็มิกล้าอยู่ที่นี่ต่อ!
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ยอดฝีมือคณานับเคยต่อสู้กวาดล้างกลับมิได้สิ่งใด ทว่าฝูงงูเหลือมเหล่านี้กลับได้ยึดครอง ซ้ำยังกำเนิดนักบุญมะโรงขึ้นมาอีก หากมิใช่ว่าเรามาไว ไม่รู้ว่าต้องมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายเพียงใดต้องตกทุกข์ได้ยาก!”
หลังออกจากโลกใบเล็กนั้น สือเฟิงเอ่ยอย่างสะท้อนใจ
นักบุญมะโรงผยองปานนี้ ไม่กลัวเกรงสิ่งใด หากไม่ถูกฆ่าโดยพวกเขา ต้องมีสิ่งมีชีวิตอีกจำนวนมหาศาลต้องตกระกำลำบาก โดนนักบุญมะโรงทำร้าย!
“หวนนึกถึงในอดีต โลกใบเล็กแห่งนี้คงถูกซ่อนไว้ลึกยิ่ง มิเช่นนั้นไม่มีทางรักษาผักระดับจักรพรรดิภายในนั้นไว้ได้”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนกล่าว “คิดแล้วในช่วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา พลังของโลกใบเล็กคงมิสู้กาลก่อนจนเปิดเผยตน เผ่างูเหลือมถึงได้ค้นพบเข้ากระมัง”
“อืม คงเป็นเช่นนั้น”
สือเฟิงพยักหน้า “พวกเรารีบนำเมล็ดผักไปให้คุณชายเถิด นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าคุณชายปลูกผักไปหรือยัง…”
จากนั้น เขากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ก็รีบมุ่งหน้าไปยังแดนบูรพาทิศ
…
ณ แดนบูรพาทิศ เมืองชิงซาน
“สบายจริง…”
ตอนนี้หลี่จิ่วเต้ากำลังนอนอยู่บนเก้าอี้โยกในลานอย่างสบายอุรา ดื่มชาเย็นด้วยความสำราญขณะตากแดด
เขาหาคนมาทุบลานเล็กสองแห่งให้ทะลุถึงกัน ซ้ำยังเก็บกวาดจัดแจงลานเล็กข้างบ้านเรียบร้อยแล้ว
อ้อ แล้วก็แบ่งเขตปลูกผักไว้หลายประเภทแล้วด้วย
ทว่าเนื้อดินในลานแห่งนั้นไม่ดีเท่าใด ไม่เหมาะแก่การปลูกผักนัก
เขาวุ่นวายอยู่นาน ในที่สุดก็ขุดดินทั้งหมดในเขตปลูกผักไปทิ้งจนหมด
หลังทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็มานอนอยู่บนเก้าอี้โยก ดื่มชาเย็นไปพลาง อย่าให้พูดเลยว่าสุขสมปานใด
ทว่าหลังจากนี้เขามีอีกหลายอย่างต้องทำ
ขุดดินทั้งหมดออกมาก็เพื่อเติมดินเนื้อดีที่สามารถปลูกผักได้ลงไป
ต่อไปเขาต้องตามหาดินที่ใช้เติม
หลังจากนั้นเขาจักสามารถปลูกผักได้
จ๋อม จ๋อม!
ภายในโอ่งน้ำ มีปลากระโจนขึ้นลงเรื่อย ๆ แต่ตัวลวดลายไม่เลว ดูสวยงามใช้ได้
หลี่จิ่วเต้าซึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โยกกำลังหันหน้าไปทางโอ่งน้ำ จ้องมองหมู่ปลาที่กระโจนขึ้นลงไม่หยุดอยู่พักหนึ่ง
สวรรค์!
ท่านเซียนกำลังมองข้าอยู่หรือ
มัจฉาสัตมายาเต็มตื้นอย่างยิ่ง มันเห็นว่าท่านเซียนกำลังมองมันอยู่!
นี่ก็ผ่านไปแล้วตั้งหลายวัน ท่านเซียนนึกถึงมันขึ้นมาแล้วหรือ
ท่านเซียน ท่านเซียน ขอโอกาสให้ข้าสักคราเถิด!
มันคาดหวังเต็มหัวใจ ยิ่งออกแรงกระโจนมากขึ้นไปอีก
“เอ๋ ปลาตัวนี้ไม่เลวนี่”
หลี่จิ่วเต้ามองมัจฉาสัตมายาซึ่งมีเกล็ดเจ็ดสีสะท้อนวาววาม
หา ท่านเซียนบอกว่าข้าไม่เลวหรือ!
ฮ่า ๆ!
ในที่สุดข้าก็จะหลุดพ้นแล้วหรือ
มัจฉาสัตมายาตื้นตันสุด ๆ ออกแรงกระโดดมากขึ้น กระโดดให้เริงร่ากว่าและไวกว่าตัวอื่น!
ทว่าประโยคต่อมาของท่านเซียนทำเอามันตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง มิกล้าทะเล่อทะล่ากระโจนอีก!
“กระโดดเริงร่าขนาดนี้ แรงมากขนาดนี้ ปลาตัวนี้ต้องไม่เลวแน่ คราวหน้าเอาไปตุ๋นให้เสี่ยวไป๋กินแล้วกัน”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
บ้าจริง!
ที่ท่านเซียนกล่าวว่ามันไม่เลว…หมายความเช่นนี้เองหรือ!
มัจฉาสัตมายาตกใจยิ่ง หดลงไปอยู่ใต้โอ่งน้ำทันที มิกล้าโผล่ขึ้นมาอีก
แต่เดิมยังมีมัจฉาเผ่าอื่นคอยกระโดดโลดเต้นอย่างกระตือรือร้น หมายจะดึงดูดความสนใจของท่านเซียน
ทว่าหลังได้ยินวาจาของท่านเซียน พวกมันทุกตัวล้วนสะพรึงจนวิญญาณแทบออกจากร่าง แต่ละตัวรีบหดกลับลงไปในโอ่งน้ำ
ให้ตายสิ สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดหาญจะกล้าทะเล่อทะล่ากระโจนอีก!
แปลกจริง…เหตุใดถึงไม่มีปลากระโจนขึ้นมาสักตัว
หลี่จิ่วเต้าประหลาดใจ
ทว่าเขามิได้ใส่ใจนัก บางทีปลาเหล่านี้อาจกระโจนจนเหนื่อยแล้ว
จากนั้นชายหนุ่มตากแดดดื่มชาเย็นอย่างชื่นมื่นต่อไป