รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 247 งามวิไลเป็นหนึ่ง จักรพรรดินียุคอนันตกาลเฉิดฉันไร้ใครเทียม!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 247 งามวิไลเป็นหนึ่ง จักรพรรดินียุคอนันตกาลเฉิดฉันไร้ใครเทียม!
“คุณชายอยู่หรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าที่กำลังนอนตากแดดอย่างผ่อนคลาย พลันได้ยินเสียงคนเรียกเขา
“ใครหรือ?”
เขาเอ่ยตอบพลางลุกขึ้น เดินมาถึงหน้าร้านก็เห็นว่าเป็นผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิง
“พวกท่านมาได้อย่างไร”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม “รีบเข้ามาเถิด”
กับผู้เฒ่าเฮ่อและสือเฟิง เขาประทับใจในตัวทั้งสองคนอย่างมาก
ผู้เฒ่าเฮ่อมอบ ‘ตู้เย็น’ ให้เขา สนองความกระหายของเขาได้มาก เขาไม่เพียงแต่มีชาเย็นดื่มทุกวัน ทว่ายังมีเบียร์เย็นไว้ดื่มให้สดชื่นอีกด้วย อย่าให้พูดเลยว่าฤดูร้อนนี้เขาชื่นอุราเพียงใด
ส่วนสือเฟิง เขาชอบมากเช่นกัน นิสัยใจคอดีเยี่ยม กลัวเกิดเรื่องกับเด็ก ๆ จึงคอยปกป้องเด็ก ๆ ทั้งยังอยู่เงียบ ๆ นับว่าเป็นคนดีอย่างแท้จริง
“พวกเรามาเยี่ยมเยียนคุณชาย!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนเฮ่อเหยียนและสือเฟิงกล่าว พวกเขาตามท่านเซียนเข้าไปในร้านจนมาอยู่ในลาน
หลังเข้ามาถึงในลานแล้ว พวกเขาพบว่าลานเล็กแห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับในอดีต
เดิมทีสองข้างทางของลานมีดอกไม้ต้นหญ้าปลูกไว้ บัดนี้ถูกย้ายเข้าไปในกระถางดอกไม้ทั้งหมด และนำไปตั้งในมุมหนึ่งของลาน
กระถางดอกไม้อะไรกันนี่?!
ได้มองเพียงแวบเดียว พวกเขาก็ไม่อาจละสายตาได้อีก กระถางดอกไม้เหล่านี้งดงามพิถีพิถันเหลือเกิน
กระถางดอกไม้น้อยใหญ่ บ้างเคลือบด้วยสีฟ้าคราม วัสดุละเอียดลออวาววาม เนื้อสีที่เคลือบนุ่มนวลเกลี้ยงเกลา มีทั้งสีอ่อนสีเข้ม สีเข้มดูคล้ายฟ้าหลังฝน สีอ่อนดูคล้ายท้องฟ้าอันมีแสงจันทร์สะท้อนจาง ๆ
บ้างเคลือบด้วยสีม่วง เนื้อสีสุกสกาวสว่างไสว เมื่อต้องกับแสงแดด สีสันเปล่งประกายเจิดจรัสคล้ายดวงดาราพร่างพราว ราวกับเป็นภาพฝันก็มิปาน
มีกระถางขนาดยาวที่มีลวดลายสีแดงตัดลายทอง เนื้อสีที่เคลือบเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ มีริ้วคล้ายคลื่นน้ำบางเบา อีกทั้งวาดลายปลาทองด้วยสีแดงตัดลายทองอยู่หลายสิบตัว เพื่อให้พ้องเป็นความหมายว่า ‘เงินทองหยกอำพันเต็มบ้านเต็มเมือง’
…
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงเห็นแล้วสะท้านใจอย่างน่าประหลาด กระถางดอกไม้เหล่านี้ไม่เพียงแต่สวยสดงดงาม ยังมีจังหวะแห่งจักรพรรดิสูงส่งสมบูรณ์ไหลเวียนอยู่ด้วย!
“นี่คือกระถางดอกไม้ที่จักรพรรดินีไร้เทียมทานผู้นั้นในยุคอนันตกาลสร้างขึ้น!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนตะโกนในใจ นึกขึ้นมาได้ เขาว่าอยู่ เหตุใดยิ่งได้มองกระถางดอกไม้เหล่านี้ยิ่งรู้สึกคุ้นตา
เมื่อครั้งเขาพลิกอ่านคัมภีร์โบราณในลัทธิไท่เสวียน เขาได้เห็นบันทึกเกี่ยวกับจักรพรรดินีไร้เทียมทานยุคอนันตกาลผู้นี้!
นางถือเป็นจักรพรรดินีผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
ยุคอนันตกาลนั้น นับว่าเป็นยุคเก่าแก่สุด ๆ ในยุคสมัยนั้น มีเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่ามหาจักรพรรดิเดินกันขวักไขว่ ขอบเขตนักบุญมีค่าน้อยกว่าสุนัข!
เผ่ามังกร เผ่าวิหคเพลิง เผ่ากิเลน และเผ่าเต่าดำซึ่งเป็นใหญ่ในใต้หล้า และเป็นเผ่าพันธุ์ทรงพลังซึ่งเป็นที่หวั่นเกรงในหลายยุคหลายสมัยเมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีผู้นี้ กลับไม่อาจแม้แต่จะเงยหน้า รัศมีถูกบดบังจนหม่นหมอง ถูกจักรพรรดินีข่มไว้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อไม่บรรลุเป็นเซียน อายุขัยย่อมมีจำกัด ลงท้ายมหาจักรพรรดิก็ต้องถูกฝังอยู่ใต้ดิน ไม่อาจหยุดยั้งการกัดกร่อนของกาลเวลา ต้องตายไปอย่างสิ้นเชิง วิญญาณแหลกสลายสิ้น
มหาจักรพรรดิสามารถยื้อชีวิตด้วยโอสถจักรพรรดิ ได้อยู่ต่ออีกชาติภพ
ทว่า มิใช่ว่าโอสถจักรพรรดิทุกชนิดจะสามารถใช้ยื้อชีวิตได้ ต้องเป็นโอสถจักรพรรดิขั้นสูงสุดเท่านั้น
โอสถจักรพรรดิชั้นยอด หรือก็คือสิบโอสถจักรพรรดิในตำนาน สามารถยื้อชีวิตออกไปได้อีกหกชาติภพ
แต่ไม่ว่าโอสถจักรพรรดิขั้นสูงสุดหรือสิบโอสถจักรพรรดิ ก็ได้ผลเพียงครั้งเดียว หรือก็คือ ไม่ว่าใช้โอสถจักรพรรดิขั้นสูงสุดหรือสิบโอสถจักรพรรดิ ใช้หนหน้าจักไม่เกิดผลแล้ว ไม่อาจยื้อชีวิตออกไปได้อีก
ใช้โอสถจักรพรรดิขั้นสูงสุดก่อนหรือใช้สิบโอสถจักรพรรดิก่อน ผลลัพธ์ที่ได้จักไม่ทบทวีคูณ ยื้อชีวิตต่อไปได้เพียงหนึ่งชาติภพเท่านั้น
หรือก็คือ มหาจักรพรรดิยื้อชีวิตต่อไปได้นานสุดได้โดยใช้สิบโอสถจักรพรรดิยื้อชีวิตออกไปหกชาติภพ จากนั้นไม่อาจใช้วัตถุภายนอกยื้อชีวิตได้อีก
ทว่าจักรพรรดินีผู้ไร้เทียมทานแห่งยุคอนันตกาลผู้นี้กลับน่าทึ่งเป็นที่สุด ความสามารถสะท้านโลกันตร์ และมีชีวิตอย่างน้อยสิบชาติภพ!
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจักรพรรดินีแห่งยุคอนันตกาลผู้นี้ทำได้อย่างไร ผู้คนรู้แต่เพียงในยุคสมัยอนันตกาล เงาของจักรพรรดินีผู้นี้แผ่ปกคลุมไปทุกหนแห่ง!
สิ่งมีชีวิตรุ่นราวคราวเดียวกับจักรพรรดินีต่างถูกฝังอยู่ใต้ดิน เน่าเปื่อยยันกระดูกไปแล้ว จักรพรรดินีผู้นี้กลับยังอยู่ ทั้งยังอ่อนเยาว์คงเดิมอีกด้วย!
ยุคสมัยหนึ่งยาวนานกี่ปี?
เรื่องนั้นไม่แน่นอน
บางยุคสมัยยาวนาน บางยุคสมัยแสนสั้น
ทว่ายุคสมัยที่สั้นที่สุดยังเป็นเวลาหลายล้านปี
และยิ่งเป็นยุคสมัยที่เก่าแก่แกร่งกล้า ก็ยิ่งดำรงคงอยู่เป็นเวลานาน!
ยุคอนันตกาล เป็นยุคสมัยเก่าแก่ที่ผ่านไปแล้วอย่างยาวนาน ยาวนานขนาดที่ยุคสมัยนี้ไม่อาจรู้ได้แล้วว่ายุคสมัยนั้นผ่านมานานเท่าไรแล้ว
บันทึกเกี่ยวกับยุคอนันตกาลในยุคนี้ก็มีอยู่เพียงน้อยนิด
แต่ไม่ว่าบันทึกเล่มใด ต่างจารึกเรื่องราวความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ของยุคอนันตกาลไว้จำนวนมาก
ช่วงเวลาที่ยุคสมัยนั้นดำรงอยู่ย่อมไม่น้อย อย่างน้อย ๆ ก็เป็นเวลาหลักล้านปีจนเกือบสิบล้านปี!
จักรพรรดินีไร้เทียมทานแห่งยุคอนันตกาลผู้นี้มีชีวิตมาทั้งยุคอนันตกาล!
ผู้คนไม่รู้เลยว่าจักรพรรดินีผู้นี้มีชีวิตมาแล้วกี่ภพชาติ อย่างน้อย ๆ ก็คงราว ๆ สิบชาติภพ!
อายุขัยหนึ่งชาติภพของมหาจักรพรรดิไม่แน่นอน
ยิ่งเป็นมหาจักรพรรดิผู้ทรงพลัง อายุขัยในชาติภพนั้นก็ยิ่งยืนยาว
จักรพรรดินีแห่งยุคอนันตกาลผู้นี้นับว่าทลายขีดจำกัด จนผู้คนสงสัยว่าแท้จริงแล้วจักรพรรดินีผู้นี้มิได้สิ้นชีพลงในภายหลัง เพียงแต่ไม่ปรากฏตัวออกมาอีกแล้วเท่านั้น
จักรพรรดินีผู้นี้มิต้องการช่วงชิงสิ่งใด นางไม่แยแสทรัพย์สินชื่อเสียง อยู่มาทั้งยุคสมัย กลับไม่มีแม้แต่นามทิ้งไว้
ผู้คนกลับตั้งสมญานามให้จักรพรรดินีผู้นี้มากมาย อย่างเช่นจักรพรรดินีอายุยืน จักรพรรดินีงามวิไลเป็นหนึ่ง จักรพรรดินีอาภรณ์ขาว
ทุกครั้งที่จักรพรรดินีปรากฏตัว มักแต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาว มาเพื่อเด็ดดอกไม้แปลกประหลาดนานาพันธุ์ในโลกนี้
ผู้คนไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด
เคยมีสุดยอดมหาจักรพรรดิในยุคอนันตกาลผู้หนึ่งกัดฟันถามจักรพรรดินีไปว่าเหตุใดถึงโปรดปรานดอกไม้เยี่ยงนี้
จักรพรรดินีมิได้ตอบ เพียงแต่พึมพำเสียงเบา “ดอกไม้ยังอยู่ ทว่าผู้ที่ร่วมเด็ดดอกไม้กับข้ากลับไม่อยู่แล้ว…”
รูปโฉมของจักรพรรดินีงดงามมิมีผู้ใดทัดเทียม อนิจจา กาลเวลาไม่เคยปรานีผู้ใด ยุคอนันตกาลผ่านไปนานมากแล้ว ผู้คนที่ล่วงรู้ชื่อเสียงของจักรพรรดินีผู้นี้ในยุคนี้มีไม่มากแล้ว
หากมิใช่ว่าการสืบสานของลัทธิไท่เสวียนค่อนข้างสมบูรณ์ จนบัดนี้ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนคงยังไม่รู้ว่าในยุคสมัยอันเก่าแก่ที่ผ่านมา เคยมีจักรพรรดินีงดงามและมีความสามารถเป็นหนึ่งเช่นนี้อยู่ด้วย!
สือเฟิงเองก็สะท้านใจอย่างแปลกประหลาด เขาเองก็อ่านบันทึกเกี่ยวกับจักรพรรดินีมาเช่นกัน รู้ว่าจักรพรรดินีผู้นี้น่าทึ่งปานใด
“สวยใช่หรือไม่ กระถางดอกไม้เหล่านี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ทว่าน่าเสียดาย สุดท้ายก็ยังมีจุดบกพร่อง ไม่เกี่ยวกับฝีมือแต่อย่างใด เพียงเพราะผู้สร้างมีความเสียใจอยู่ในใจ…”
หลี่จิ่วเต้าเห็นประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงจ้องกระถางดอกไม้ที่หยวนอีนำมาให้ จึงบอกเสียงเบา
กระถางดอกไม้เยี่ยมยอดมาก
แต่หากพิจารณาดี ๆ แล้ว จักสัมผัสถึงความเสียใจอันเกิดจากความคิดถึงถวิลหา
ฝีมือของผู้สร้างไร้ที่ติ ทว่าเพราะมีความเสียใจเช่นนี้อยู่ในใจ กระถางดอกไม้ที่สร้างออกมาจึงยังไม่สมบูรณ์แบบ
เดิมทีกระถางดอกไม้เหล่านี้สามารถยอดเยี่ยมกว่านี้ได้
ทว่ากลับยิ่งทำให้หลี่จิ่วเต้าชื่นชอบกระถางดอกไม้เหล่านี้มากขึ้น
ความสมบูรณ์แบบนั้นดี แต่บางครั้งเหลือความเสียใจไว้บ้างดีกว่า
เสียใจหรือ?
ท่านเซียนกล่าวถึงจักรพรรดินีผู้นั้นอยู่หรือ?
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงคิดในใจ
“ฮ่า ๆ ทั้งสองท่านรอสักครู่ ช่วงนี้ข้าทำแท่งหวานเย็นแช่แข็งไว้จำนวนหนึ่ง จะไปนำมาให้ทั้งสองท่านชิม”
หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม เดินเข้าไปในครัว
หลังมีตู้เย็นแล้ว ย่อมต้องทำแท่งหวานเย็นแช่แข็ง นับเป็นเรื่องที่ขาดมิได้
“แท่งหวานเย็นหรือ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย…หรือว่าจะเป็นของทานเล่นจากบ้านเกิดของคุณชายอีกแล้ว”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนสบตากับสือเฟิง ต่างคนต่างเห็นความเต็มตื้นเร่าร้อนจากสายตาอีกฝ่าย
บ้านเกิดของท่านเซียนคือที่ใด?
ย่อมเป็นภพเซียน!
ครั้งนี้พวกเขามีลาภปากอีกแล้ว!