รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 25 ช่างยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร
บทที่ 25 ช่างยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร
เดิมทีเจ้าก้อนหินมีเจตนาฆ่าอันรุนแรง แต่หลังจากฟังสิ่งที่ต้นหลิวเอ่ย เจตนาสังหารก็ลดลงทันที
เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะเข้าใจความคิดของผู้อาวุโส เจ้าต้นไม้ใหญ่พูดถูก ต่อให้พวกมันอยากฆ่า แต่หากฝืนทำผิดข้อห้ามของผู้อาวุโส มันคงจักแย่เป็นแน่!
“ก็ได้”
มันพยักหน้าอย่างยอมลง
จากนั้น ต้นหลิวก็ถอนพลังที่คุมขังลั่วเซี่ยวกับผู้อาวุโสเผ่าอสรพิษโซ่แดงทั้งสอง ทันใดนั้น คนสามคนก็พุ่งออกมาจากกองก้อนหิน!
พวกเขาหันมองหน้ากัน และเห็นความกลัวฉายชัดอยู่ในดวงตาของพวกเขาเอง คนทั้งสามไม่กล้ารีรอที่จะอยู่ตรงนี้อีกไป พลันวิ่งหนีออกไปจากที่นี่สุดแรงเกิด!
พวกเขาไม่กล้าหยุดจนกว่าจะหนีไปได้ไกลและอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว
“ต้นไม้นั่นน่ากลัวยิ่งนัก!”
พวกเขามีความหวาดกลัวต่อต้นหลิวใหญ่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีต้นไม้ใหญ่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ในพื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่!
พวกเขาถูกต้นหลิวเหวี่ยงออกไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ นึก ๆ แล้ว มิแน่ว่าความแข็งแกร่งของต้นไม้ใหญ่นั่นอาจแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิอสรพิษโซ่แดง!
“ลั่วสุ่ยเกี่ยวข้องกับต้นไม้ต้นนั้นหรือไม่?”
หากลั่วสุ่ยเกี่ยวข้องกับต้นหลิวนั้น ทุกอย่างจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
ขุมพลังเผ่าอสรพิษโซ่แดงเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว
“คงไม่หรอก ไม่เช่นนั้นเราคงตายไปแล้ว!”
ลั่วเซี่ยวคิดครู่หนึ่งและพูดเสริมว่า “ถ้าเกี่ยวข้องจริง แล้วต้นไม้นั่นจะปล่อยเราได้เยี่ยงไร มันคงฆ่าพวกเราไปนานแล้ว!”
“เจ้าพูดถูก!”
ชายแข็งแกร่งของเผ่าอสรพิษโซ่แดงพยักหน้าและเอ่ยว่า “ควรบอกว่าเราโชคไม่ดีเองที่ดันไปฝ่าฝืนข้อห้ามของต้นไม้ต้นนั้นเข้า มันเลยโจมตีเรา!”
“ยามนี้ลั่วสุ่ยยังอยู่ที่นั่นหรือไม่”
ชายอีกคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดงเอ่ยถาม
ลั่วเซี่ยวหลับตา และใช้ความสัมพันธ์ระหว่างสายเลือดของวิฬาร์หิมะสวรรค์ตรวจสอบตำแหน่งของลั่วสุ่ย
ความเชื่อมโยงระหว่างสายเลือดนั้นเป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่สิ้นสุด เว้นแต่ลั่วสุ่ยจะละทิ้งสายเลือดของวิฬาร์หิมะสวรรค์ แต่หากทำเช่นนั้น ลั่วสุ่ยก็จะตายเช่นกัน
“ไม่อยู่แล้ว”
ในไม่ช้า เขาก็ระบุตำแหน่งของลั่วสุ่ยได้ และพบว่าลั่วสุ่ยได้ออกจากไปบริเวณที่ต้นไม้ใหญ่อยู่แล้ว
“ไม่อยู่ก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ!”
“ไป!”
ชายทั้งสองของเผ่าอสรพิษโซ่แดงปล่อยให้ลั่วเซี่ยวเป็นผู้นำทางไป
ในอีกด้านหนึ่ง
สูงขึ้นไปบนฟ้าท่ามกลางหมู่เมฆหลายก้อน มีร่างสองร่างกำลังเหาะเหินเดินทะยานอยู่ ปลายทางที่ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือ เมืองชิงซาน
“เสี่ยวเหลียง ผู้อาวุโสที่ทรงพลังผู้นั้นเก่งกาจอย่างที่เจ้าพูดจริงหรือ?”
ชายชราผมสีดอกเลาเอ่ยถาม
ภายนอกเขาดูแก่ยิ่ง แต่ภายในกลับกำลังวังชายิ่งเสียกว่าชายหนุ่มอีก ดวงตาคู่นั้นเฉียบคมและบนร่างของเขาก็มีกลิ่นอายกดดันแผ่ออกมาอย่างเข้มข้น
“ท่านบรรพชน ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มีพลังมากกว่าที่ข้ากล่าวไว้เสียอีก…”
เสี่ยวเหลียงที่ว่านั่นคือ ลวี่เหลียงแห่งสำนักเมฆาลับฟ้า
ส่วนท่านบรรพชนที่ลวี่เหลียงเอ่ยด้วยนั้น เขาเป็นชายชราผมหงอกขาวและเป็นบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าด้วย
เมื่อลวี่เหลียงกลับไปถึงสำนักเมฆาลับฟ้า ชายชราก็รีบเข้าไปหาบรรพชนในสำนักของเขา
บรรพชนสำนักของพวกเขาก็เหมือนกับบรรพชนของสำนักไท่หัว เส้นตายของเขาใกล้เข้ามาแล้ว ลวี่เหลียงเล่าประสบการณ์ทั้งหมดหลังได้พบกับหลี่จิ่วเต้าให้อีกฝ่ายฟัง และนำทางบรรพชนไปพบกับหลี่จิ่วเต้า
เขาหวังว่าบรรพชนจะสามารถใช้โอกาสนี้ทะลวงขีดจำกัด และเพิ่มอายุขัยได้
“เช่นนั้นหรอกหรือ”
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าพยักหน้าและไม่เอ่ยคำใดอีก
พวกเขารีบเหาะไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็เข้าใกล้เมืองชิงซานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในเวลานี้ หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยได้กลับมายังลานเล็ก ๆ แล้ว
หลี่จิ่วเต้าเทปลาลงในถังขนาดใหญ่ ก่อนจะเติมน้ำให้เต็มถัง
ปลามีมากเกินไป และเจ้าวิฬาร์ขาวก็ตัวเล็กจนไม่สามารถกินหมดได้ในมื้อเดียวได้ เขาจึงต้องเก็บปลาเหล่านี้ไว้ให้เจ้าตัวน้อยกินในวันหลัง
“เดี๋ยวตุ๋นปลาให้นะ”
หลี่จิ่วเต้าหยิบปลาและเดินเข้าไปในครัว มือคว้ามีดทำครัวมาขอดเกล็ดปลาออก แล้วเอามันใส่ลงในหม้อเพื่อตุ๋น
“โชคดีที่ไม่ใช่ข้า!”
ในถังขนาดใหญ่ ปลาสัตมายาเต็มไปด้วยความสุข แม้ว่ามันจะมีสายเลือดแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับผู้ทรงพลังอย่างหลี่จิ่วเต้า หากเป็นมันที่ถูกจับไปละก็…มันคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาแน่!
ไม่ได้มองปลาที่โดนพาตัวไปหรือไร เกล็ดนั้นหลุดออกอย่างง่ายดายปานไหน!
เกล็ดปลาเป็นส่วนที่แข็งที่สุดในร่างกายของพวกมัน และปลาที่จับได้ก็ไม่ใช่ปลาธรรมดา สายเลือดของพวกเขาเป็นที่นับถือและทรงพลังอย่างยิ่ง อีกทั้งพวกเขาทั้งหมดยังมาจากอาณาจักรเก้าตอนบนอีกด้วย
แม้แต่ทหารของอาณาจักรก็แทบจะไม่สามารถหักเกล็ดปลาของพวกเขาได้
ทว่าในมือของหลี่จิ่วเต้านั้น พวกมันกลับกลายเป็นเหมือนกับปลาทั่วไป หลี่จิ่วเต้าน่ากลัวยิ่งนัก!
“ทองจักรพรรดิ…!”
หัวใจของมันหวาดกลัวจนแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่า เครื่องครัวที่หลี่จิ่วเต้าใช้ล้วนทำจากทองจักรพรรดิ!
ในอาณาจักรตอนบนซึ่งทรัพยากรทุกชนิดอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ซ้ำยังมีของที่ทำจากทองจักรพรรดิไม่น้อย
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องครัวครบชุด ที่ทำขึ้นจากทองจักรพรรดิซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนตรงหน้าแล้ว มันก็ช่างเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยเสียจริง!
“ลูกแมวเลือดผสมตัวนี้ช่างโชคดียิ่งนัก!”
มันมองไปที่ลั่วสุ่ยด้วยความอิจฉาปนเกลียดชัง
ไม่ว่าจะสายเลือดหรือความแข็งแกร่ง มันล้วนเหนือกว่าลั่วสุ่ยในทุกด้าน แต่เพราะผู้อาวุโสชอบลั่วสุ่ยมาก พวกมันจึงต้องถูกจับไปตุ๋นให้ลั่วสุ่ยกิน…
“อนิจจา ต่อหน้าผู้ทรงพลังเช่นนี้ สายเลือดช่างไม่มีค่าอันใดเลย!”
มันถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ขอบเขตของหลี่จิ่วเต้านั้นสูงเกินไป ในสายตาของชายผู้นั้น มันคงไม่ต่างอะไรกับลั่วสุ่ยเลยสักนิด และสิ่งที่เรียกว่าสายเลือดอันทรงพลังนั้นก็ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเลย
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ประกายแสงพลันปรากฏตัวขึ้นเหนือเมืองชิงซาน เป็นลั่วเซี่ยวกับชายสองคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดงนั่นเอง
“ลั่วสุ่ยอยู่ในเมืองนี้!”
ลั่วเซี่ยวสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของลั่วสุ่ยอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็รีบไปหาลั่วสุ่ย พร้อมกับชายสองคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดง
“ช้าก่อน อย่าหุนหันพลันแล่น เราจะประมาทเหมือนคราวที่แล้วไม่ได้!”
ชายผู้หนึ่งจากเผ่าอสรพิษโซ่แดงกล่าวอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะความเลินเล่อ พวกเขาจึงเกือบตายด้วยน้ำมือของต้นหลิวต้นนั้น ครานี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทอีก และใช้สัมผัสวิญญาณของตัวเองสำรวจรอบ ๆ เมืองชิงซานล่วงหน้า
“ไม่มีปัญหา ไปกันเถิด!”
ชายผู้นั้นมองไปรอบ ๆ และไม่พบสิ่งผิดปกติใด ครั้งนี้พวกเขาจึงสามารถแสดงความกล้าหาญและความมั่นใจได้
“ไปกันเถอะ!”
ลั่วเซี่ยวเป็นผู้นำ ตามด้วยชายสองคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดง
พวกเขาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและไม่นานก็มาถึงร้านของหลี่จิ่วเต้า เมื่อครู่ยามอยู่บนฟ้านั้น พวกเขาเห็นลั่วสุ่ยที่ลานเล็ก ๆ ของบ้านมนุษย์
มันก็แค่ลานบ้านมนุษย์ พวกเขาย่อมไม่ได้ตริตรองให้มากความอยู่แล้ว จึงคิดเพียงแค่ว่าจะร่อนลงจากข้างบนสู่ลานบ้านข้างล่างก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาบินผ่านร้านของหลี่จิ่วเต้า สีหน้าของคนทั้งสามพลันเปลี่ยนไปในทันที
จู่ ๆ เขตแดนอันน่าสะพรึงกลัวก็โจมตีพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเขาก็ไม่สามารถโจมตีกลับได้เลย หนำซ้ำ ร่างกายของพวกเขายังทรุดฮวบลงโดยเร็ว ไร้ซึ่งความสามารถในการต้านทานแม้แต่น้อย!
‘นี่ไม่ใช่ลานบ้านธรรมดา…!’
ความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นในใจของพวกเขา และนี่คือความคิดสุดท้าย เพียงชั่วพริบตานั้น ร่างของทั้งสามคนก็ระเบิดออกทันทีกลายเป็นหมอกโลหิตสีแดงฉาน ตกตายลง ณ จุดนั้นโดยสมบูรณ์
ทุกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างตกใจกลัว นี่…คนพวกนั้น จู่ ๆ ก็ตกตายได้อย่างไร?
ช่างโชคร้ายและน่ากลัวเสียเหลือเกิน!
ทุกคนต่างหลบซ่อนตัวและไม่กล้าออกมาจากบ้าน
“ช่างยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร!”
ยามบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ากับลวี่เหลียงมาถึงเมือง พวกเขาก็ได้เห็นลั่วเซี่ยวและผู้อื่นร่างระเบิดแหลกเป็นเศษเนื้อ เมื่อได้เห็นภาพนั้น บรรพชนก็หรี่ตาลง
ลวี่เหลียงพูดถูก ท่านผู้นั้นคือตัวตนที่ดำรงอยู่เหนือจินตนาการชัด ๆ!