รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 26 ผู้ฝึกตนท่านนี้ช่างน่าอัศจรรย์
บทที่ 26 ผู้ฝึกตนท่านนี้ช่างน่าอัศจรรย์
ลั่วเซี่ยวและชายสองคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดงนั้นนับว่าแข็งแกร่งมาก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกัน แต่บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าก็สามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของปราณที่ลั่วเซี่ยวและชายสองคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดงปล่อยออกมา!
นี่คือสามตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า!
แต่ทันใดนั้นเอง เศษเนื้อและกระดูกที่ฉีกเป็นชิ้น ๆ ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า คนธรรมดาในเมืองหวาดกลัวเสียจนต้องซ่อนตัวอยู่ในบ้านไม่กล้าออกมา ฉับพลันนั้น ถนนหนทางก็ว่างเปล่านักไร้ผู้คน
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าและลวี่เหลียงมาที่ร้านของหลี่จิ่วเต้า
“นี่คือ…ปราณของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์และเผ่าอสรพิษโซ่แดง!”
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ามีสีหน้าเคร่งขรึม ดูจากเนื้อและกระดูกที่แตกกระจายบนพื้นแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงปราณของเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์และเผ่าอสรพิษโซ่แดง
เผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์กับเผ่าอสรพิษโซ่แดงถือเป็นเผ่าอสูรที่ทรงพลังที่สุดของในดินแดนตอนกลาง และเมื่อเทียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยสักนิด
แต่คาดไม่ถึงว่า อสูรที่ทรงพลังอย่างเผ่าวิฬาร์หิมะสวรรค์กับเผ่าอสรพิษโซ่แดง จะถูกสังหารสิ้นในทันทีโดยมิอาจต้านทานได้แม้แต่น้อย ท่านผู้นั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!
“ท่านบรรพชน โปรดดูคำว่า ‘เต๋า’!”
ลวี่เหลียงชี้ไปที่แผ่นป้ายของร้าน
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ามองไปตามมือของลวี่เหลียง เขาจ้องไปที่แผ่นป้าย
ทันใดนั้น จิตใจของเขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก คำว่า ‘เต๋า’ กลับมีสัมผัสแห่งเต๋าสูงสุดอยู่ โดยฉับพลันเขารู้สึกว่าตนเองช่างไร้ค่า ต่อหน้าคำว่า ‘เต๋า’ นี้ มรรคาที่ตนฝึกฝนมากลับเป็นเพียงธุลีฝุ่น ไร้นัยสำคัญด้วยซ้ำ!
“ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นตัวตนเช่นใดกัน!”
ในใจของเขาสั่นสะท้านยิ่ง ชั่วชีวีกลับไม่เคยได้สัมผัสกับเต๋าที่สุดยอดเช่นนี้ และลวี่เหลียงก็ไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด ท่านผู้นี้คือตัวตนที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ!
ในยามนี้เอง หลี่จิ่วเต้าก็เดินเข้ามาในร้านผ่านลานเล็ก ๆ ด้านหลัง
เพราะถนนหน้าร้านดูจะมีบางอย่างเกิดขึ้น เสียงนั้นดังมากจนเขาที่อยู่ลานเล็กยังได้ยิน ทำให้ต้องเดินออกมาดูอย่างอยากรู้ว่าเกิดอันใด
และลั่วสุ่ยก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน
เมื่อนางเห็นซากกระดูกและเนื้ออยู่หน้าร้าน นางก็เข้าใจทุกอย่างทันที
ลั่วเซี่ยวและชายทั้งสองคนจากเผ่าอสรพิษโซ่แดงไม่ได้เรียนรู้บทเรียนที่ได้รับจากต้นหลิวเลยสักนิด เหตุใดยังกล้าไล่ล่านางมาถึงที่นี่อีก
‘บ้าไปแล้วหรือไร? อย่าพูดถึงพวกเจ้าเลย ต่อให้เป็นจักรพรรดิอสรพิษโซ่แดงมาเอง เขาก็ต้องตกตายอยู่ที่นี่!’
ในใจลั่วสุ่ยเอ่ยอย่างดูถูกเหยียดหยาม
สถานที่นี้น่ากลัวเพียงใด ทุกอย่างในร้านล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า พลังนั้นน่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการ ผู้ใดก็ตามที่บุกเข้ามาในสถานที่แห่งนี้จะต้องตกตายที่นี่อย่างแน่นอน
หลี่จิ่วเต้าเห็นเศษเนื้อและซากกระดูกกองอยู่ตรงหน้าประตู ถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที กลิ่นคาวเลือดโชยคลุ้งไปทั่ว ซ้ำแล้วภาพเศษเนื้อพร้อมกระดูกที่กระจายไปทั่วก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ลวี่เหลียงสังเกตท่าทีของผู้อาวุโสจึงสะบัดมือออกในคราเดียว แล้วภาพเศษเนื้อกับกระดูกทั้งหมดก็หายไปในพริบตา กระทั่งเลือดบนพื้นก็หายไปด้วยเช่นกัน แล้วประตูก็กลับมาสะอาดเช่นดังเดิม
“บาปของอสูรร้ายเหล่านี้ทำให้ดวงตาของท่านต้องแปดเปื้อนแล้ว”
เขายิ้มเอ่ยกับหลี่จิ่วเต้า
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าลวี่เหลียงโบกมือคราเดียว หน้าประตูก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิม ในใจของเขาพลันเต็มไปด้วยความอิจฉา
ชายชราผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนจริง ๆ ด้วย…
‘ทว่าชายชราดูไม่ค่อยแข็งแรงนัก เพราะขนาดเสือตัวนั้น…เขายังไม่อาจแม้แต่จะจัดการกับมันได้ ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังมีวิธีการเช่นนี้ ผู้ฝึกตนนี่ช่างน่าทึ่งเสียจริง แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง แต่มนุษย์ก็ยังมองเขาด้วยความเคารพ!’
หลี่จิ่วเต้าคิดกับตัวเอง
‘น่าเสียดายที่ข้าฝึกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงจะขอให้ผู้เฒ่าคนนี้พาไปฝึกด้วยหน่อยเสียแล้ว’
ความคิดนั้นยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลง
‘จะว่าไป ผู้เฒ่าที่เซี่ยเหยียนพามาตอนนั้นชื่อเวิงอู๋โยวนี่นา ดูแล้ว ๆ เขาก็ใจกว้างไม่น้อย ถึงขนาดให้สมบัติที่สำคัญกับข้าหลังจากฟังข้าเล่นกู่ฉิน เดาว่าเขาคงจะมีสถานะสูงมากในสำนักไท่หัว’
เขาจำเวิงอู๋โยวได้
เวิงอู๋โยวมีพลังมากกว่าลวี่เหลียง และยังเป็นสมาชิกของสำนักไท่หัวอีกด้วย ถ้าหากเขาฝึกตนได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาในการติดตามเวิงอู๋โยวไปที่สำนักไท่หัว
น่าเสียดายที่หลี่จิ่วเต้าไม่มีคุณสมบัติจะเป็นผู้ฝึกตน
‘พูดถึงเขาแล้ว เวิงอู๋โยวต้องรู้ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติในการฝึกตนเป็นแน่ เลยไม่เอ่ยปากชวนให้ข้าไปที่สำนักไท่หัวด้วย ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาต้องพาข้าไปที่สำนักไท่หัวแน่นอน เพราะเขาชื่นชอบการเล่นกู่ฉินของข้านี่…’
หลี่จิ่วเต้าทำอะไรไม่ถูก
คุณสมบัติมีความสำคัญมากต่อการฝึกตน ผู้ไม่มีคุณสมบัติจะไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งผู้ฝึกตนได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะฝึกตนตลอดทั้งชีวิตก็ตาม
“มัวแต่ยืนคุยที่หน้าประตู ข้าก็ลืมเชื้อเชิญเสียได้ ขออภัยที่เสียมารยาทกับพวกท่านยิ่ง เชิญเข้ามาคุยกันเถิด ๆ”
หลี่จิ่วเต้าสลัดความคิดเหล่านั้นในใจของเขา และเชิญลวี่เหลียงกับบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเข้ามา
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดจึงมีกองเนื้อสับและกระดูกกองอยู่หน้าประตูนั้น เขาไม่ได้ถาม
เขาไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำ…
ผู้คนในร้านค้าทั้งสองฝั่งพูดเรื่องนี้จนได้ยินกันทั้งหมด อาจเป็นเพียงนกและสัตว์ร้ายสองสามตัวที่ดูเหมือนจะต่อสู้กันเพื่อเหยื่อที่ลอยอยู่ในอากาศ สุดท้ายเหยื่อก็ตกลงมาจากอากาศและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ดียิ่ง ๆ!”
ลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเดินเข้าไปในร้านด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่เข้ามา บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าทั้งร้านกลับเต็มไปด้วยสัมผัสเต๋าขั้นสุดยอด ซ้ำยังทรงพลังยิ่งกว่าแดนเซียน ตนไม่คิดเลยว่าจะมีผู้อาวุโสเช่นนี้อยู่ในโลก!
“โปรดรอสักครู่ ข้ากำลังตุ๋นปลาอยู่”
หลี่จิ่วเต้ายังคงจำได้ว่าตัวเองตุ๋นปลาไว้อยู่ และมันก็เกือบจะได้เวลาแล้ว ไม่เช่นนั้น มันคงเปื่อยเกินกว่าจะกินได้
ลั่วสุ่ยเดินตามเขาไป ปลาตนนั้นเป็นปลาจากอาณาจักรเก้าตอนบน นางย่อมอยากลิ้มรสรสชาติ ทั้งยังคาดหวังไม่น้อย
“ท่านบรรพชน ข้าจะบอกให้เข้าใจในภายหลัง แต่ยามนี้ท่านไม่ควรพลาดอาหารของผู้อาวุโส ครั้งก่อนหน้าที่ข้ากินชามข้าวต้มที่ผู้อาวุโสทำนั้น อายุขัยของข้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก!”
ลวี่เหลียงรีบพูดกับบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าด้วยความรวดเร็ว
“เช่นนั้นก็ไปลองดูกันเถิด!”
เมื่อบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าได้ยินว่าอายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที
เพราะสิ่งที่เขาขาดที่สุดในตอนนี้คืออายุขัย…
“อ๊ะ ไม่ใช่สำหรับพวกเราหรอกหรือ!”
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงลานเล็ก ๆ ลวี่เหลียงก็เห็นหลี่จิ่วเต้านำปลาตุ๋นวางให้เจ้าวิฬาร์ตัวน้อยกิน
เผลอนึกไปเองว่าหลี่จิ่วเต้าจะตุ๋นปลาให้พวกเขา แต่กลับกลายเป็นว่าผู้อาวุโสตุ๋นปลาให้แมวกิน!
“นี่คือ…!”
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าจ้องมองที่ปลาตุ๋นบนจาน แล้วนัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
เพราะสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดที่น่าทึ่งเป็นอย่างมากบนปลาตัวนั้น อีกทั้งมันยังมีกลิ่นอายเหนือจินตนาการหลงเหลือไว้อีกด้วย!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ไม่ใช่ปลาธรรมดา และมันน่ากลัวมาก!
“ท่านบรรพชนเห็นหรือไม่ นี่มันปลาอันใดกัน!”
ลวี่เหลียงตกตะลึงอึ้งค้างเมื่อเห็นเหล่ามัจฉาแหวกว่ายอยู่ในถังใบใหญ่ อีกทั้งปลาทุกตัวในนั้นยังดูน่ากลัวยิ่งนัก
“ปลาสัตมายา!”
ดวงตาของบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ากระตุกทันที เมื่อรับรู้ถึงที่มาของปลาในถัง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเริ่มครุ่นคิดว่า เผ่ามัจฉาที่เป็นหนึ่งในผู้ปกครองของอาณาจักรเก้าตอนบน…มาปรากฏอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
“นี่คือปลาที่ข้าจับได้ในวันนี้ สำหรับเสี่ยวไป๋น่ะ เฮ้อ เสี่ยวไป๋ฟันไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ข้าทำได้เพียงต้องตุ๋นในมันกินก่อน”
หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าลวี่เหลียงกับบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเอาแต่จับจ้องปลาในตู้ของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปอธิบายให้ฟัง
‘สวรรค์ มัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนเป็นอาหารสำหรับแมวเลี้ยงจริงหรือ?’
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าตกใจเสียจนไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว อาณาจักรเก้าตอนบนนั้นถือได้ว่าอยู่เหนืออาณาจักรทั้งหมด แต่ชายผู้นี้…ต้องทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวเพียงใด จึงสามารถเอามัจฉาแห่งอาณาจักรเก้าตอนบนมาเป็นอาหารสำหรับแมวเลี้ยงได้?
เขาไม่กล้าคิดมันอีกต่อไปแล้ว!