รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 261 ฤดูเหมันต์ ฤดูแห่งสุกี้หม้อไฟ!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 261 ฤดูเหมันต์ ฤดูแห่งสุกี้หม้อไฟ!
“ถึงตาข้าได้แล้วกระมัง! พวกเจ้าล้วนใช้ไม่ได้ ความสามารถธรรมดานัก ดูพี่จู้จื่อผู้นี้เสียก่อน!”
จู้จื่อเอ่ยอย่างก๋ากั่น
“คุณชายเชิญดูเถิด ข้ามีสามหัวหกแขน!”
เขาสะบัดตัว ประกายเทวะเจิดจ้า เขามีสามหัวหกแขนงอกออกมาจริง ๆ!
นาจา!?
เยี่ยม เปี่ยมความสามารถนัก!
หลี่จิ่วเต้านึกได้ว่าตัวละครที่จู้จื่อชอบคือนาจา รูปวาดที่เคยขอจากเขาก็คือนาจา
คงมิใช่ว่าร่ำเรียนด้วยตนเองอีกคนนะ?
เขาอุทานในใจไม่หยุดด้วยความประหลาดใจ ดูไม่ออกเลยว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นอัจฉริยะตัวน้อย
“จู้จื่อเก่งกาจยิ่ง ถึงเวลาค่อยหาศาสตรามาอีกเยอะ ๆ เจ้ามีหัวและแขนมากกว่าพวกเขา หากมีศาสตรามากกว่าด้วย ดูซิว่าพวกเขาจะสู้กับเจ้าได้อย่างไร!”
“คุณชายพูดถูก จากนี้ไปข้าจะสะสมศาสตราให้มาก ถึงครานั้น ผู้ใดสู้กับข้า ลำพังศาสตราของข้าก็ทุบพวกเขาตายได้!”
จู้จื่อหัวเราะ
หลี่จิ่วเต้าหันมองอ้ายฉาน ก่อนจะเอ่ยถาม “อ้ายฉาน เจ้าเล่า”
“คุณชาย ข้าใช้วิชาเป่าขนเป็นลิงของท่านผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินได้!”
อ้ายฉานดึงผมออกมาเส้นหนึ่ง ก่อนจะใช้ปากเป่า ทันใดนั้น ‘อ้ายฉาน’ คนแล้วคนเล่าปรากฏตัวในลาน หน้าตาเหมือนกันหมด เพียงไม่นานก็แน่นลานไปหมด
“…”
หลี่จิ่วเต้าพูดไม่ออกในบัดดล
ดึงขนหนึ่งเส้นเป่าเป็นลิงได้นับหมื่นตัวเป็นความสามารถที่เยี่ยมยอดอย่างยิ่ง เยี่ยมยอดยิ่งกว่ามีสามหัวหกแขนเสียอีก
ทว่าอ้ายฉานใช้ออกจะ…ไม่เหมาะหรือเปล่านะ?
ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินเป็นลิง ลิง…มีขนเยอะ!
หากอ้ายฉานเอาแต่ดึงผมเช่นนี้ ช้าเร็วต้องหัวโล้นเป็นแน่!
เด็กสาวหน้าตาสะสวยเยี่ยงนี้ หากกลายเป็นคนหัวโล้น…โอ๊ย ไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรก็ต้องห้ามปราม!
เขารีบร้อนเอ่ยขึ้น “อ้ายฉานเอ๋ย วิชานี้พูดให้ถูกคือวิชาแยกกายหมื่นร่าง เจ้าไม่ควรจำกัดตนด้วยพิธีรีตอง ควรให้ความสำคัญกับแก่นแท้วิชาให้มาก อันที่จริง ไม่ต้องทึ้งผมก็ทำได้”
ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินไม่ดึงขนแล้วเป่าลิงออกมาได้หรือไม่ เขาไม่ทราบ
แต่อย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้อ้ายฉานเอาแต่ดึงผมตัวเองอยู่เช่นนี้!
“อย่าจำกัดตนด้วยพิธีรีตอง ควรให้ความสำคัญกับแก่นแท้! ข้าเข้าใจแล้วคุณชาย!”
อ้ายฉานพยักหน้า เชื่อฟังคำพูดของคุณชายสุด ๆ
“เอาล่ะ เก็บ ‘อ้ายฉาน’ เหล่านี้กลับไปเถิด ข้าเห็นแล้วเวียนหัว”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ จากนั้นอ้ายฉานเก็บ ‘อ้ายฉาน’ ทั้งหมดกลับไป
อันหลานเสวี่ยที่ดูอยู่อีกด้านอิจฉาเหลือคณา
การคุมไฟ คุมน้ำ จนถึงจำแลงกายสามสิบหกปางในตอนแรก ทั้งยังมีการควบคุมอัสนีไว้ในฝ่ามือ ควบคุมขนาดร่างของตนได้ตามใจชอบ วิชาเหินกระบี่ รวมถึงสามหัวหกแขน วิชาแยกกายหมื่นร่าง ล้วนแล้วเป็นวิชาชั้นสูงจนน่าทึ่ง!
วิชาเหล่านี้ ไม่มีสักวิชาที่พรรคจื่อเสียของนางสามารถฝึกให้ได้
เก่งกาจเหลือเกิน!
มีเพียงท่านเซียนที่สามารถถ่ายทอดวิชาสูงส่งเยี่ยงนี้ได้
“พวกเจ้ากลับมากันหมด ซ้ำยังได้วิชาน่าทึ่งมาขนาดนี้ คุณชายดีใจแทนพวกเจ้า กินสุกี้หม้อไฟในฤดูเหมันต์ก็เป็นเรื่องน่าอภิรมย์เหลือแสน!”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “วันนี้เราจะกินสุกี้หม้อไฟ!”
“สุกี้หม้อไฟ?”
“คือสิ่งใดหรือ?”
พวกอ้ายฉานกะพริบดวงตาคู่เล็กปริบ ๆ พวกเขาไม่เคยกินสุกี้หม้อไฟมาก่อน แม้กระทั่งคำว่าสุกี้หม้อไฟก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นคราแรก
อันหลานเสวี่ยก็ไม่เคยได้ยินเช่นกัน ดวงตาคู่งามฉายแววสงสัย
“สุกี้หม้อไฟเป็นอาหารรสเลิศที่บ้านเกิดของคุณชาย! เริ่มจากเคี่ยวน้ำแกง แล้วนำผักสด เนื้อสัตว์ อาหารทะเล รวมถึงของอร่อยนานาชนิดลงไปต้ม!”
หลี่จิ่วเต้าอธิบาย
“ผักสด เนื้อสัตว์ อาหารทะเลชนิดใดก็ได้หรือ”
อ้ายฉานถาม
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า “อืม เนื้อวัวและเนื้อแกะอร่อยที่สุด ถ้าเป็นอาหารทะเล ปลากับกุ้งก็รสชาติดียิ่ง”
เขาเอ่ยต่อ “ในลานของคุณชายเต็มไปด้วยผักสด อยากกินสิ่งใดเชิญเด็ดได้เลย ส่วนเนื้อสัตว์กับอาหารทะเลมีไม่มาก พวกเจ้ารออยู่ที่บ้านก่อน คุณชายจะไปซื้อเนื้อกับอาหารทะเลกลับมาให้”
“ไยคุณชายต้องซื้อ พวกเราออกไปล่ากลับมากินก็ได้!”
จู้จื่อคลี่ยิ้มกว้างพลางเอ่ย
หลี่จิ่วเต้าไตร่ตรองดูแล้วว่า บัดนี้พวกจู้จื่อเก่งกาจมากฝีมือกันหมด ความสามารถกล้าแกร่ง เกรงว่าจะล่าสัตว์ได้ง่ายดายกว่าเขาอีก
“ได้”
เขาพยักหน้า “เช่นนั้นเนื้อสัตว์และอาหารทะเลในวันนี้ขอมอบให้เป็นหน้าที่พวกเจ้า”
“ได้เลย!”
“คุณชายวางใจได้เลย!”
พวกอ้ายฉานเอ่ยด้วยความดีใจ แล้วออกจากที่นี่
“เจ้าเด็กพวกนี้…”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะอย่างปลื้มปริ่ม
เพิ่งจะอายุเท่าไรกันเอง พวกอ้ายฉานก็เก่งกาจปานนี้แล้ว วันหน้าพวกอ้ายฉานย่อมไม่ธรรมดาแน่!
“เรียกหลิงอันกับเซี่ยเหยียนมากินด้วยกันดีกว่า”
หลี่จิ่วเต้านึกถึงหลิงอินและเซี่ยเหยียน
หลิงอินไม่เท่าไร อยู่แค่ในเมืองชิงซาน เขาแจ้งข่าวได้สะดวก เซี่ยเหยียนสิไกลไปหน่อย หากเขาเดินทางไปสำนักไท่หัวเอง ไม่แน่ว่าฟ้ามืดแล้วก็อาจยังกลับไม่ถึง ถึงเวลานั้นทุกอย่างคงล่าช้าไปหมด
“ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องรบกวนแม่นางเสวี่ย”
หลี่จิ่วเต้ามองอันหลานเสวี่ยพลางกล่าว
อันหลานเสวี่ยเป็นผู้ฝึกตน ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางไปกลับสำนักไท่หัวได้
“รบกวนอะไรกัน คุณชายเชิญว่ามาได้เลย!” อันหลานเสวี่ยบอก
“ข้าอยากขอให้แม่นางเสวี่ยเดินทางไปยังสำนักไท่หัว บอกเซี่ยเหยียนให้มากินสุกี้หม้อไฟที่บ้านข้าคืนนี้”
“ไม่มีปัญหา ข้าจักไปเดี๋ยวนี้!”
อันหลานเสวี่ยบอกลาท่านเซียน ออกจากลานเล็ก มุ่งหน้าไปยังสำนักไท่หัวเพื่อส่งข่าวให้เซี่ยเหยียน
“ไปดีกว่า ไปแจ้งข่าวหลิงอิน แล้วกลับมาตุ๋นแกงกระดูกซี่โครง ใช้ปรุงเป็นรสของสุกี้!
หลี่จิ่วเต้าก็ออกจากลานเล็กเช่นกัน
…
18 แคว้นในดินแดนหยินต่างครึกครื้นเป็นพิเศษ
สองเดือนมานี้ มีสิ่งชีวิตจากดินแดนฮวงและดินแดนฝอมาเยือนดินแดนหยินจำนวนมาก 18 แคว้นในดินแดนหยินจึงเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตจากอีกสองดินแดนใหญ่
เทียบกับดินแดนหยินแล้ว ดินแดนฮวงและดินแดนฝอใหญ่กว่ากันมาก กำลังพลโดยรวมก็แข็งแกร่งกว่าดินแดนหยินมาก
ดินแดนหยินเป็นดินแดนที่อ่อนกำลังที่สุดในสามมหาดินแดน
สิ่งมีชีวิตจากอีกสองดินแดนมาเยือนดินแดนหยินเกินคณานับ โดยเฉพาะเรื่องที่สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฝอมาด้วย ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตใน 18 แคว้นดินแดนหยินคิดไม่ตกนัก
เรื่องเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคนี้มาก่อน
สิ่งมีชีวิตจากดินแดนฝอมาด้วย เป็นเรื่องที่พวกเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย
รู้หรือไม่ ในสามมหาดินแดน ดินแดนฝอลึกลับเป็นที่สุด คนนอกมิรู้ข้อมูลเท่าใด
ในสามมหาดินแดน อาณาเขตของดินแดนฮวงและดินแดนฝอกว้างใหญ่ไพศาลกว่าดินแดนหยินมาก
ภายในอาณาเขตกว้างไกลเยี่ยงนี้ จำนวนของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในพื้นที่ย่อมเยอะจนนับไม่ถ้วน
กลุ่มอำนาจฝึกตนที่ดำรงอยู่ในดินแดนก็มากมายดุจดวงดารา!
ดินแดนฮวงไม่เท่าไร เช่นเดียวกับดินแดนหยิน สรรพวิถีเบ่งบาน ยอดฝีมือเรียงราย บำเพ็ญกันหลากหลายวิถี
ทว่าดินแดนฝอต่างออกไป ไม่เหมือนกับดินแดนฮวงและดินแดนหยิน!
ในดินแดนฝอ มีสิ่งมีชีวิตนับล้านอันนับไม่ถ้วน พวกเขาศรัทธาต่อพระพุทธ เคารพต่อพระพุทธเพียงอย่างเดียว ไม่มีบำเพ็ญวิถีอื่น ไม่มีกลุ่มอำนาจฝึกตนอื่น มีเพียงพุทธศาสนา!
สิ่งมีชีวิตในดินแดนฝอล้วนเป็นสาวกของพุทธศาสนา บำเพ็ญเฉพาะหลักธรรม!
นับเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่ง!
ทั้งดินแดนเชียวนะ มิใช่อาณาเขตเล็ก ๆ สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายใน ล้วนพร้อมใจกันศรัทธาเคารพแต่เพียงพระพุทธ บำเพ็ญหลักธรรม!
มีระบอบวิถีใดทำได้ถึงขั้นนี้บ้าง?
ไม่มี!
ไม่มีเลย!
นอกจากพุทธศาสนา ไม่เคยมีระบอบวิถีใดทำถึงขั้นนี้ได้!
อย่าว่าแต่ในยุคนี้เลย แม้กระทั่งในยุคสมัยเก่าแก่เหล่านั้น ก็ไม่เคยมีระบอบวิถีใดทำได้ถึงขั้นนี้!
พุทธศาสนาลึกล้ำเกินหยั่ง คนนอกไม่อาจล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของพุทธศาสนาได้เลย
ภายในดินแดนฝออันไพศาล สิ่งมีชีวิตอยู่กันนับไม่ถ้วน เคยมีระบอบวิถีมากมายหมายตาพุทธศาสนา อยากจะเข้าไปเผยแพร่วิถีของตนในดินแดนฝอ กว้านรับสมัครลูกศิษย์
ทว่าเรื่องที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดเกิดขึ้น
ระบอบวิถีที่เข้าเผยแพร่วิถีในดินแดนฝอ อย่าว่าแต่แผ่ขยายกิ่งก้านกว้านรับสมัครลูกศิษย์เลย หลังไปถึงดินแดนฝอ พวกเขาล้วนถูกกล่อมเกลาจนเข้าร่วมพุทธศาสนา ละทิ้งวิถีเดิมที่เคยบำเพ็ญ เข้าฝากตัวเป็นสาวกของพุทธศาสนา!
ช่างเป็นเรื่องที่พิศวงชวนสะท้านเสียนี่กระไร!