รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人 - บทที่ 274 แมวน้อยจากหนใด บังอาจมาอวดดีอยู่ที่นี่!
- Home
- รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人
- บทที่ 274 แมวน้อยจากหนใด บังอาจมาอวดดีอยู่ที่นี่!
ฉงฉี หนึ่งในอสูรร้ายบรรพกาลผู้เลื่องชื่อ มันมีนิสัยดุร้ายอำมหิต โหดเหี้ยมยิ่งกว่าอสูรร้ายตนอื่น
ในยุคบรรพกาล กล่าวถึงฉงฉีเมื่อใด ผู้คนเป็นต้องหน้าถอดสีกันทั้งนั้น ฉงฉีคร่าชีวิตผู้อื่นเพียงเพราะความบาดหมางเล็ก ๆ นับเป็นฝันร้ายของทุกเผ่า
โดยเฉพาะกับเผ่ามนุษย์ ยิ่งหวาดกลัวในตัวฉงฉีหนักกว่าเผ่าอื่น
ฉงฉีชิงชังเผ่ามนุษย์เป็นพิเศษ ต่อให้เผ่ามนุษย์เป็นใหญ่ในใต้หล้านี้มาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย ฉงฉีก็ยังดูแคลนเผ่ามนุษย์ เห็นเผ่ามนุษย์เป็นมดปลวก
ฉงฉีไม่กินเผ่าพันธุ์อื่น กินแต่เผ่ามนุษย์เท่านั้น
ผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ที่ได้เจอฉงฉีต่างถูกกลืนกินโดยไม่มีข้อยกเว้น
มหาจักรพรรดิเผ่ามนุษย์หลายคนก็เคยโดนฉงฉีกลืนกิน
เรียกได้ว่าเผ่ามนุษย์แค้นฉงฉีเข้ากระดูกดำ
ทว่าฉงฉีแข็งแกร่งเกินไป ด้อยกว่าเพียงสิบอสูรร้ายบรรพกาลที่ชื่อก้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เผ่ามนุษย์จึงยากจะทำอันตรายฉงฉีได้
ท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนาน ลูกหลานรุ่นหลังของฉงฉีชิงชังเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกับฉงฉี กินเผ่ามนุษย์เป็นอาหารและใช้เผ่ามนุษย์เป็นทาส
อสูรร้ายตรงหน้าผู้นี้มีสายเลือดบริสุทธิ์ยิ่ง พลังก็แกร่งกล้า เลื่องชื่อมากในดินแดนฮวง สิ่งมีชีวิตในรุ่นราวคราวเดียวกันมิมีผู้ใดกำราบมันได้
ปลาซิวปลาสร้อย?
เจ้าช่างกล้าพูดจริงเชียว!
เกรงว่าบรรพชนของเจ้ามานี่ก็ไม่อาจทำอะไรรถลากคันนี้ได้!
ซางเหิงอิดหนาระอาใจ นี่ก็เพราะจังหวะแห่งเต๋าของรถลากนั้นสงบ ไม่เผยให้ภายนอกได้เห็น อสูรร้ายเลือดบริสุทธิ์มิได้เห็นภาพประกายมงคลที่จุติลงจากฟ้าเมื่อครู่
มิฉะนั้น ต่อให้อสูรร้ายตนนี้กล้าหาญกว่านี้อีกร้อยเท่าก็มิกล้าลั่นวาจาเช่นนี้แน่นอน!
เขาได้สัมผัสกับจังหวะแห่งเต๋านั้นด้วยตนเอง ในความรู้สึกของเขา แม้แต่ฉงฉีก็ไม่อาจต้านทานจังหวะแห่งเต๋าเช่นนี้ได้!
จังหวะแห่งเต๋านั้นสูงส่งเหนือชั้นยิ่งนัก สรรพวิถีล้วนถูกกำราบ อยู่เหนือวิถีทั้งปวง ฉงฉีไม่แข็งแกร่งปานนั้นหรอกกระมัง…
หากฉงฉีแข็งแกร่งปานนั้นจริง ในรายนามสิบอสูรร้ายแห่งบรรพกาลย่อมต้องมีชื่อฉงฉี
เขากำลังจะบอกไปว่าในรถลากมีคนใหญ่คนโตผู้น่ากลัวเกินหยั่งนั่งอยู่ อย่าได้กำเริบเสิบสาน
ทว่าเมื่อกำลังจะเอ่ยปาก เขาก็หยุด มิได้กล่าวต่อ
เขาคาดว่าภายในรถลากมีคนใหญ่คนโตน่ากลัวเกินหยั่ง
แต่…ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
หากเขาคิดผิดเล่า
ถ้าที่รถลากเปลี่ยนสภาพมิใช่ฝีมือของผู้ใด แต่เป็นเพราะรถลากคันนี้แต่เดิมนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ถึงได้เกิดการเปลี่ยนสภาพขึ้นมาเองเล่า?
เขายังมิได้เข้าไปในรถลาก จึงไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงภายในรถลากนั้นเป็นอย่างไร
กระนั้น ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อนุญาตให้อสูรร้ายตนนี้เข่นฆ่าผู้อื่นตามอำเภอใจ
“ไปเถิด อย่าสร้างเรื่องสร้างราว เวลานี้โกลาหลพอแล้ว อย่าได้สร้างความบาดหมางโดยไม่จำเป็นเลย!”
เขาเดินมาอยู่เบื้องหน้าอสูรร้ายพร้อมกล่าวกับมัน
สงครามใหญ่ใกล้ปะทุ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงร่วมแรงร่วมใจยังไม่แน่ว่าจะหยุดยั้งได้ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกิดศึกภายใน
“น้ำหน้าอย่างเจ้าบังอาจขวางทางข้าด้วยรึ? เปลี่ยนเป็นซางเจี๋ย ลูกรักสวรรค์ในตระกูลเจ้าอาจจะยังพอไหว!”
นัยน์ตาอสูรร้ายเย็นเยียบ จิตสังหารไม่ลดลงแม้แต่น้อย
มันลงมือฟาดกรงเล็บเข้าไป เสียงกู่ร้องดังระงมอยู่ในมิติ พลังแกร่งกล้าก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่
ลมปราณขอบเขตเทวาคืบคลาน ตัวมันทรงพลังสยดสยองขนาดที่จุดประกายเพลิงเทวา บรรลุขอบเขตเทวาสำเร็จ!
มิหนำซ้ำ ลมปราณเทวานี้ดุดันท่วมท้น มิใช่พลังรบของขอบเขตเทวาธรรมดา แต่อาจอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตเทวาแล้วก็ได้!
มันไม่ไว้หน้าซางเหิง ฟาดกรงเล็บใส่ทันที
แม้ตระกูลซางจะแกร่งกล้า กระนั้นสายเลือดฉงฉีก็ไม่ธรรมดา มิได้ด้อยไปกว่าตระกูลซางเลย
“เจ้า!”
ซางเหิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขายังมิได้เป็นเทวา แต่เป็นเพียงราชันผู้เกริกไกรเท่านั้น เมื่อเผชิญกับการโจมตีของอสูรร้ายตนนี้ เขาไม่อาจต้านทานได้เลย
พลังอันแข็งแกร่งปกคลุมฟ้าดิน บารมีดุดันล้นนภา อสูรร้ายแสยะยิ้มเย็น มันมิใช่ระดับที่ซางเหิงจะหยุดยั้งได้!
เสียงดัง ‘กร๊อบ!’ มีเสียงกระดูกแหลกลาญดังอยู่ภายในตัวซางเหิง กรงเล็บของอสูรร้ายไม่ทันกระแทกลงมา ซางเหิงก็รับไม่ไหวอีกต่อไป กระดูกในตัวเริ่มหักงอ!
“วันนี้ข้าไม่ฆ่าเจ้า เพราะไว้หน้าตระกูลซาง ทว่าเจ้าบังอาจกีดขวางข้า เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ จำต้องให้เจ้าได้รับบทเรียน!”
อสูรร้ายมีสีหน้าเย็นชา กรงเล็บที่ฟาดใส่กดทับลงไปเรื่อย ๆ
ดั่งเช่นที่มันว่า มันไม่คิดเอาชีวิตซางเหิง ทว่าเกียรติยศของมันไม่ยอมให้ผู้ใดจาบจ้วง!
“แมวน้อยจากหนใด บังอาจมาอวดดีอยู่ที่นี่!” เซี่ยเหยียนแค่นเสียงเย็น
นางมิได้นิ่งเฉย ถึงอย่างไรซางเหิงก็พูดจาเข้าข้างพวกเขา
นางคลี่ฝ่ามือนวลเนียนดุจหยก ประกายอ่อนโยนเจิดจรัสทว่าไม่แยงตาทิ่มแทงออกจากฝ่ามือ!
แสงนั้นดูเหมือนอ่อนโยน ความจริงแล้วทรงพลังเหลือแสน พลังที่แฝงไว้อยู่ในนั้นชวนสะท้าน พริบตาเดียวก็ทะลุกรงเล็บของอสูรร้าย เลือดสาดกระเซ็น!
กรงเล็บทะลุ อสูรร้ายเจ็บปวดจนหน้าตาเหยเก ร่างของมันร่วงจากรถลากคันใหญ่ยักษ์ ขณะที่หางของมันสะบัดไปมา ก็หวดทาสมนุษย์ที่ทำหน้าที่ลากรถกระเด็น
เมี้ยว!
ภายในรถลาก ลั่วสุ่ยได้ยินคำกล่าวของเซี่ยเหยียนแล้วก็พลันส่งเสียงร้องอย่างโมโห
ด่าอสูรร้ายตนนั้นก็ด่าไป ไยต้องมีคำว่า ‘แมวน้อย’ ด้วย?
เซี่ยเหยียนได้ยินเสียงร้องของลั่วสุ่ย จึงหันไปมองลั่วสุ่ยพลางกล่าว “ขออภัย ข้ามิได้ว่าเจ้า ประเด็นคือเจ้านี่หน้าตาเหมือนแมวน้อยจริง ๆ…”
จากนั้น นางกระโจนขึ้นจากแท่นเหยียบหน้ารถลากไปอยู่ด้านนอก
เจ้าอธิบายกระไร?
ที่พูดมาต่างจากไม่พูดตรงไหน?
ลั่วสุ่ยขุ่นเคืองใจสุด ๆ สะบัดอุ้งเท้าแมวใส่ร่างของเซี่ยเหยียนอย่างเคียดแค้น
หากมิใช่ว่าท่านเซียนอยู่ที่นี่ นางต้องถามเซี่ยเหยียนให้รู้ความว่านางหมายความอย่างไร ทำไมรึ อสูรร้ายตนนั้นเหยียดยามนางหรือ
อย่าคิดว่าได้เป็นเทวาแล้วเก่งนักหนา ขออภัย ลั่วสุ่ยผู้นี้ไม่ยี่หระ และลั่วสุ่ยผู้นี้ก็หาได้ต้อยต่ำกว่าเทวาไม่!
หากสู้กันจริง นางมั่นใจว่าตัวเองสามารถบดขยี้เซี่ยเหยียนได้สบาย
เผ่ามัจฉาจากเก้าอาณาจักรตอนบนนั้นมิได้กินไปอย่างเปล่า ๆ
ตอนนี้ตัวนางเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ากลัวปานใด
หลี่จิ่วเต้าอมยิ้มพลางอุ้มแมวน้อยสีขาวขึ้นมา
เขาได้ยินวาจาของเซี่ยเหยียนเช่นกัน คิดในใจไปว่าแมวน้อยสีขาวตัวนี้รู้ความยิ่งนัก ทำท่าประหนึ่งว่าฟังรู้เรื่อง ซ้ำยังโบกอุ้งเท้าใส่เซี่ยเหยียนอย่างโกรธแค้นอีกต่างหาก!
“เด็กใจแคบ เซี่ยเหยียนมิได้ว่าเจ้า”
เขาลูบขนแมวน้อยสีขาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมกอดไว้ในอกแล้วเดินไปข้างหน้า
ด้านนอกนั้น อสูรร้ายบันดาลโทสะ ประกายดุดันแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งตัว ตาสองข้างแดงก่ำยิ่ง
มันดูแคลนเผ่ามนุษย์เป็นที่สุด บัดนี้กลับถูกมนุษย์ทำให้บาดเจ็บ มันทนไม่ได้ จิตสังหารพวยพุ่งถึงขีดสุด!
โฮก! โฮก! โฮก!
มันคำรามกราดเกรี้ยว ร่างกายขยายอย่างรวดเร็ว กลายสภาพไปเหมือนขุนเขาลูกหนึ่ง บดบังแม้กระทั่งดวงอาทิตย์บนนภา!
ปีกบนหลังของมันกระพือ เสียงฟ้าร้องคำรามไม่หยุด อสนีบาตสุดสยดสยองแลบแปลบปลาบ ถล่มไปหาเซี่ยเหยียน
เซี่ยเหยียนไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด ดวงหน้าขาวผ่องงดงามนิ่งสงบ คนทั้งคนปกคลุมอยู่ในแสงเทวะ ประหนึ่งเทพีแห่งสงคราม สง่างามดุดัน องอาจน่าหวาดหวั่น!
นางแข็งแกร่งอย่างยิ่ง กระโจนตัวขึ้น ฝ่ามือวาววามสองข้างทาบออก ประกายแสงที่ดูเหมือนอ่อนโยนทว่าแท้จริงแล้วน่ากลัวพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง ปัดป้องอสนีบาตที่ฟาดเข้ามาหานางจนแหลกลาญ
นี่คือประกายแห่งไท่หัว นางบำเพ็ญจนอยู่ในระดับสูงแล้ว
แก่นกำเนิดวิถีแห่งไท่หัวที่สำนักไท่หัวมีในครอบครองนั้นมาจากประกายแห่งไท่หัวแสงหนึ่ง และประกายแห่งไท่หัวนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง คล้ายว่าจะเป็นประกายแห่งเซียน!
“แมวน้อยตัวนี้อยากถูกทุบตีก็มิบอก!”
เซี่ยเหยียนดุดันอาจหาญไร้ผู้ใดเทียม แสงเทวะหลั่งไหลออกมาอยู่รอบตัว ประกายแห่งไท่หัวกระเพื่อมไปมาจนเกิดเป็นจังหวะแห่งเต๋าแสนน่ากลัว กำราบอสูรร้ายตนนั้น!
นางบดขยี้อสูรร้ายตนนี้อยู่ฝ่ายเดียว!